คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าเป็นหนังสือแนวไลฟ์สไตล์ สิ่งที่ผมคิดว่าควรจะมีก็คือการนำเสนอครับ
การนำเสนอก็คือรูปแบบการเล่าเรื่องของตัวเราเอง เพราะต้องเข้าใจว่าในตอนนี้มีคนดังๆหลายคนที่เอาชีวิตของตัวเองมาเล่า ดังนั้นถ้าเราจะออกมาเล่าถึงชีวิตเฉยๆ ย่อมไม่สามารถขายดีได้เท่าคนดัง นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่สนพ.จะไม่ชายตามองตั่งแต่ต้นเลยทีเดียว ผมเองก็ไม่ได้อ่านพวกนี้เยอะมาก แต่เท่าที่เห็นคือการนำเสนอจะมีอยู่สามแบบ
1. นำเสนอตรงๆ - ตามนั้นเลยครับ เล่าชีวิตของตัวเองออกไปตรงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องน่าเบื่อ แต่มักจะเป็นชีวิตของคนดัง หรือมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจมากๆ เช่น "เมื่อผมกินไปเที่ยวในยุโรปเป็นแสนๆบาท แต่กลับจ่ายแค่ศูนย์สตางค์ด้วยทุนมหาลัยล้วนๆ" <== (ชื่อสมมุติน่ะนะ ไม่ได้บอกว่ามีทางทำได้ หรือใครเคยทำ) หรือก็คือชีวิตหรือช่วงเวลาในชีวิตที่คนส่วนใหญ่สนใจ และไม่เคยสัมผัส ไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้ความสร้างสรรค์ที่ทำให้คนรู้สึกว่ามันน่าอ่านจริงๆ อย่างเรื่อง "ชีวิต 150 ซม." ที่เล่าถึงความลำบากของคนตัวเตี้ย ในเชิงตลกและน่าเอ็นดู (แต่ส่วนหนึ่งที่เล่มนี้เกิดได้ เพราะเป็นกึ่งๆการ์ตูนนะครับ)
2. นำเสนอเป็นแนวงานสร้างสรรค์ - อาจจะเป็นการ์ตูน หรือสือภาพ เล่าชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสมมุติที่คนธรรมดาอ่านก็ได้เหมือนนิยาย แต่คนที่ตีความเป็นก็อาจจะเดาได้ว่าชีวิตคุณไปเจอกับอะไรมา ซึ่งพวกที่มาแนวนี้ควรที่จะเข้าถึงง่าย อ่านแล้วเบาสมอง น่าอ่าน มีความประทับใจฝากเอาไว้ให้เป็นหนังสืออีกเล่มที่คนเขาอยากเก็บ
3. นำเสนอเป็น How To - ง่ายๆก็คือคุณไปพิชิตอะไรในชีวิตมาได้ คุณก็เอาเรื่องนั้นมาเขียน เช่น "จากน้ำหนัก 100 กิโลเหลือ 65 ในสามเดือน" อะไรพวกนั้น แต่พวกนี้มักจะเป็นการเลือกกลุ่มคนอ่านเฉพาะกลุ่มไปเลย ไม่ก็ต้องไปเบียดเสียดแข่งขันกับ How to ที่เป็นแนวชี้ทางชีวิตอีกเป็นร้อยๆเล่มในตลาด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ถ้าจะเล่าชีวิตของตัวเองเป็นเหมือนนิยายสักเล่ม ผมว่าสิ่งที่จะต้องมีก็คือ "ธีม" ของเรื่องราวที่ชัดเจน และในเรื่องจะต้องมีแรงผลักดันที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอยากอ่าน การใช้ภาษาที่สะท้อนออกมาถึงตัวคุณ หรือสะท้อนถึงสิ่งที่คุณอยากให้คนอ่านสัมผัส แต่เหนืออื่นใดก็ยังต้องมีการนำเสนอที่ดีด้วยครับ
ส่วนสำหรับการเริ่มเป็นนักเขียน
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ ว่าวงการนี้ถ้าไม่มีเส้นแล้วต้องมีฝีมือจริงๆ บก. หลายๆคนอ่านผลงานของคุณแค่ 2-3 บทก็จะรีบตัดสินผลงานคุณแล้ว และหลายๆครั้งเป็นการตัดสินเพื่อลดกองงานที่มีอยู่มหาศาล แต่ถ้าคุณมีเส้น เป็นคนรู้จักของคนในวงใน จากที่ต้องรอผลเป็นเดือนๆ ก็จะรอผลแค่ไม่กี่สัปดาห์ ถึงไม่ผ่านก็จะได้รับคำแนะนำอย่างตั้งใจแบบสุดๆ ดังนั้นถ้าอยากจะเดินสายนี้จริงๆ ผลงานแรกของคุณจะต้องแตะตาตั่งแต่บทเปิดตัวและดีไปจนจบเรื่อง ในฐานะที่ผมหากินกับการลงทุน บอกเลยครับว่าช่วงนี้พวก สนพ. มีกำไรไม่ดีนัก หลายๆที่ก็ขาดทุนสะสมมาพอสมควร หลายๆสนพ.กลัวขาดทุนจนไม่อยากจะรับงานใหม่ๆ เลยต้องมาพึ่งสูตรสำเร็จ ใช้ของทำกระแสมากกว่ามานั่งพิจารนาหาของดีๆเหมือนสนพ.ในสมัยก่อน
แต่จะยังไงก็ตาม ถ้าอยากจะเขียนก็เขียนไปเลยครับ... ไม่ต้องหวังความสำเร็จ แต่หวังผลงานที่ดีที่สุด พลาดแล้วก็แก้ใหม่ แก้แล้วพลาดก็เขียนใหม่ เขียนใหม่แล้วพลาดก็ไปเปิดหูเปิดตา พัฒนาทักษะด้านศิลป์ ด้านการเขียน ด้านการวางบทวางรูปเล่ม
การนำเสนอก็คือรูปแบบการเล่าเรื่องของตัวเราเอง เพราะต้องเข้าใจว่าในตอนนี้มีคนดังๆหลายคนที่เอาชีวิตของตัวเองมาเล่า ดังนั้นถ้าเราจะออกมาเล่าถึงชีวิตเฉยๆ ย่อมไม่สามารถขายดีได้เท่าคนดัง นั่นหมายความว่ามีโอกาสที่สนพ.จะไม่ชายตามองตั่งแต่ต้นเลยทีเดียว ผมเองก็ไม่ได้อ่านพวกนี้เยอะมาก แต่เท่าที่เห็นคือการนำเสนอจะมีอยู่สามแบบ
1. นำเสนอตรงๆ - ตามนั้นเลยครับ เล่าชีวิตของตัวเองออกไปตรงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าต้องน่าเบื่อ แต่มักจะเป็นชีวิตของคนดัง หรือมีประสบการณ์ชีวิตที่น่าสนใจมากๆ เช่น "เมื่อผมกินไปเที่ยวในยุโรปเป็นแสนๆบาท แต่กลับจ่ายแค่ศูนย์สตางค์ด้วยทุนมหาลัยล้วนๆ" <== (ชื่อสมมุติน่ะนะ ไม่ได้บอกว่ามีทางทำได้ หรือใครเคยทำ) หรือก็คือชีวิตหรือช่วงเวลาในชีวิตที่คนส่วนใหญ่สนใจ และไม่เคยสัมผัส ไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้ความสร้างสรรค์ที่ทำให้คนรู้สึกว่ามันน่าอ่านจริงๆ อย่างเรื่อง "ชีวิต 150 ซม." ที่เล่าถึงความลำบากของคนตัวเตี้ย ในเชิงตลกและน่าเอ็นดู (แต่ส่วนหนึ่งที่เล่มนี้เกิดได้ เพราะเป็นกึ่งๆการ์ตูนนะครับ)
2. นำเสนอเป็นแนวงานสร้างสรรค์ - อาจจะเป็นการ์ตูน หรือสือภาพ เล่าชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสมมุติที่คนธรรมดาอ่านก็ได้เหมือนนิยาย แต่คนที่ตีความเป็นก็อาจจะเดาได้ว่าชีวิตคุณไปเจอกับอะไรมา ซึ่งพวกที่มาแนวนี้ควรที่จะเข้าถึงง่าย อ่านแล้วเบาสมอง น่าอ่าน มีความประทับใจฝากเอาไว้ให้เป็นหนังสืออีกเล่มที่คนเขาอยากเก็บ
3. นำเสนอเป็น How To - ง่ายๆก็คือคุณไปพิชิตอะไรในชีวิตมาได้ คุณก็เอาเรื่องนั้นมาเขียน เช่น "จากน้ำหนัก 100 กิโลเหลือ 65 ในสามเดือน" อะไรพวกนั้น แต่พวกนี้มักจะเป็นการเลือกกลุ่มคนอ่านเฉพาะกลุ่มไปเลย ไม่ก็ต้องไปเบียดเสียดแข่งขันกับ How to ที่เป็นแนวชี้ทางชีวิตอีกเป็นร้อยๆเล่มในตลาด ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ถ้าจะเล่าชีวิตของตัวเองเป็นเหมือนนิยายสักเล่ม ผมว่าสิ่งที่จะต้องมีก็คือ "ธีม" ของเรื่องราวที่ชัดเจน และในเรื่องจะต้องมีแรงผลักดันที่ทำให้คนอ่านรู้สึกอยากอ่าน การใช้ภาษาที่สะท้อนออกมาถึงตัวคุณ หรือสะท้อนถึงสิ่งที่คุณอยากให้คนอ่านสัมผัส แต่เหนืออื่นใดก็ยังต้องมีการนำเสนอที่ดีด้วยครับ
ส่วนสำหรับการเริ่มเป็นนักเขียน
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะครับ ว่าวงการนี้ถ้าไม่มีเส้นแล้วต้องมีฝีมือจริงๆ บก. หลายๆคนอ่านผลงานของคุณแค่ 2-3 บทก็จะรีบตัดสินผลงานคุณแล้ว และหลายๆครั้งเป็นการตัดสินเพื่อลดกองงานที่มีอยู่มหาศาล แต่ถ้าคุณมีเส้น เป็นคนรู้จักของคนในวงใน จากที่ต้องรอผลเป็นเดือนๆ ก็จะรอผลแค่ไม่กี่สัปดาห์ ถึงไม่ผ่านก็จะได้รับคำแนะนำอย่างตั้งใจแบบสุดๆ ดังนั้นถ้าอยากจะเดินสายนี้จริงๆ ผลงานแรกของคุณจะต้องแตะตาตั่งแต่บทเปิดตัวและดีไปจนจบเรื่อง ในฐานะที่ผมหากินกับการลงทุน บอกเลยครับว่าช่วงนี้พวก สนพ. มีกำไรไม่ดีนัก หลายๆที่ก็ขาดทุนสะสมมาพอสมควร หลายๆสนพ.กลัวขาดทุนจนไม่อยากจะรับงานใหม่ๆ เลยต้องมาพึ่งสูตรสำเร็จ ใช้ของทำกระแสมากกว่ามานั่งพิจารนาหาของดีๆเหมือนสนพ.ในสมัยก่อน
แต่จะยังไงก็ตาม ถ้าอยากจะเขียนก็เขียนไปเลยครับ... ไม่ต้องหวังความสำเร็จ แต่หวังผลงานที่ดีที่สุด พลาดแล้วก็แก้ใหม่ แก้แล้วพลาดก็เขียนใหม่ เขียนใหม่แล้วพลาดก็ไปเปิดหูเปิดตา พัฒนาทักษะด้านศิลป์ ด้านการเขียน ด้านการวางบทวางรูปเล่ม
แสดงความคิดเห็น
อยากเขียนหนังสือซักเล่ม
คืออยากเขียนหนังสือซักเล่มนึง
เป็นหนังสือะวกไลฟ์สไตล์ หรือเล่าประสบการณ์เล่มเล็กๆไว้อ่านเวลาว่างๆ
ไม่ใช่พวกวิชาการนะครับ
ผมจะเริ่มยังไงดี ตอนนี้มีพลอตละ แต่ยังไม่ได้ลงมือเขียน
อยากรู้ไว้ก่อนนะครับอยากได้คำแนะนำ