[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คัดจากบทความที่จะพิมพ์ลงเพจสอนภาษาอังกฤษทาง Facebook จึงขอใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าครู
ครูชอบอ่านกระทู้เวลามีคนแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง แต่พออ่านความคิดเห็นจากคนอื่นก็จะมีประเด็นดราม่าเกือบทุกครั้งระหว่าง
คนที่พูดภาษาอังกฤษได้แต่ไม่สนใจเรื่องไวยากรณ์ VS ผู้ที่ให้ความสำคัญกับไวยากรณ์ ครูคิดสงสารคนที่พูดก็ไม่ได้ ไวยากรณ์ก็ไม่รู้เรื่อง ตรงที่ว่าแม้แต่วิธีที่จะเอามายึดถือไปปฏิบัติยังไม่ชัดเจน จึงเขียนบทความนี้ลงโซเชียลทั้ง Pantip และ Facebook Fanpage ค่ะ
Grammar

or
สรุปจากหลายๆครั้งใจความประมาณว่า คนเราเกิดมาก็พูดได้ และฟังรู้เรื่อง ก่อนที่จะเรียนระบบไวยากรณ์ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีคนส่วนมากที่ขอแค่ว่าพูดให้พอสื่อสารได้ในระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ขอยกตัวอย่างประโยค Yes/No Question มีคนต่างชาติมาสอบถาม “Do you know Mr.John?”
แล้วคุณตอบ “I am don’t know.”
ครูว่าฝรั่งคงไม่ถึงกับไม่เข้าใจว่าเราต้องการจะสื่อว่า “ฉันไม่รู้จัก” (I don’t know)
แต่กรณีนี้ถ้าเราพูดถูกต้องก็จะแสดงถึงว่าเราใช้ระดับภาษาได้ดีเพียงใด
อีกเหตุการณ์นะคะ
เมื่ออยากจะถามเพื่อนต่างชาติว่า คุณมักจะทำอะไรในวันอาทิตย์ - เป็นกิจวัตร (ที่เกิดขึ้นในทุกๆวันอาทิตย์)
แล้วไปถามว่า What (xxx) you do on Sunday? ประโยคนี้ผู้ถามตก v.ที่จะมาช่วยในการทำเป็นประโยคคำถามในตำแหน่งที่ครู xxx ไว้ What (xxx) you do on Sunday?
เราใช้ do ช่วยในการทำเป็นประโยคคำถาม ให้เป็น Present Simple คำตอบที่ได้เขาจะบอกถึงกิจวัตรค่ะ เช่น
A: What do you do on Sundays?
B: I (always) go to church with my parents. ฉันไปที่โบสถ์กับครอบครัว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใส่ always มาขยาย go ก็ได้ แต่ถึงไม่ใส่ก็มีรูป Tense บ่งบอกความสม่ำเสมอ(กิจวัตร) อยู่แล้ว
ประโยคนี้ถ้าเราใช้ did ช่วย จะเป็น Past Simple คำตอบที่ได้เขาจะบอกเราว่าไปทำอะไรมา
A: What did you do on Sunday?
B: I went to a swimming pool.
หรือถ้าจะถามอนาคต ให้ใช้ will ช่วย จะเป็น Future Simple เขาตอบจะสิ่งที่เขาจะทำ
A: What will you do on Sunday?
B: I will visit my grandparents.
ครูเลี่ยงที่จะไม่ใช้ คำคุณศัพท์ไปขยาย Sunday เพื่อจะให้ผู้อ่านเห็นระดับความต้องการในการสื่อสารผ่าน Tense ซึ่งถ้าเราไม่เรียนไวยากรณ์มา เราอาจจะสื่อสารแล้วคลาดเคลื่อน หรือได้ใจความไม่สมบูรณ์ตามที่ต้องการ
คนต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็น First Language เขาผ่านกระบวนการนี้มาโดยการพูดผิดและถูกแก้ไขให้ถูกต้อง จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขานั่นแหละ ดูจากคนไทยที่เริ่มพูดภาษาไทยก็ได้ นึกถึงเด็กๆ ที่กำลังเริ่มพูด จะขอนมกิน แล้วพูดว่า “แม่ นมหิว” แม่ต้องแก้ให้แน่นอนว่า เป็น “หิวนม” แล้วถึงค่อยส่งขวดนมมาให้เรากิน แล้วเด็กก็เริ่มจำจากตรงนั้นถึงการเรียงตำแหน่งของคำ
วิธีแบบนี้เป็นการเรียนโดยธรรมชาติ แล้วธรรมชาติของคนไทยธรรมดาคนหนึ่ง ที่เรียนในโรงเรียนทั่วไป เพื่อนก็มีแต่คนไทย วันหนึ่งจะได้ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆสักกี่ประโยค กี่ปีถึงจะได้พูดกับคนต่างชาติสักครั้ง บางครั้งอยากฝึกภาษาด้วยการหาบทความ นิยาย ภาษาอังกฤษมาอ่าน ถึงแปลศัพท์ได้ทุกคำก็อ่านไม่รู้เรื่อง นั่นเพราะไม่รู้หลักภาษานั่นเอง
เพราะฉะนั้นหากสนใจจะเริ่มเรียนภาษาใดภาษาหนึ่งจริงๆ ให้ยอมเสียเวลาศึกษาไวยากรณ์เพื่อที่จะรู้หลักภาษา เพื่อให้พูดได้ถูกหลักใจความครบถ้วน คือรู้ไวยากรณ์เพื่อจะนำไปใช้ ไม่ใช่รู้ไวยากรณ์เพื่อเอาไปสอบอย่างเดียว
นี่เป็นคำตอบของบทความแล้วว่า ทำไมต้อง (เสียเวลา) เรียนแกรมม่าร์ก่อน
เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้เขียน โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ
จะพยายามหาเวลาว่างเขียนมาให้อ่านอีกรวมถึงเรื่อง Parts of speech ด้วยค่ะ
ทำไมต้องเสียเวลาเรียนแกรมม่าร์?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครูชอบอ่านกระทู้เวลามีคนแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษของตนเอง แต่พออ่านความคิดเห็นจากคนอื่นก็จะมีประเด็นดราม่าเกือบทุกครั้งระหว่าง
คนที่พูดภาษาอังกฤษได้แต่ไม่สนใจเรื่องไวยากรณ์ VS ผู้ที่ให้ความสำคัญกับไวยากรณ์ ครูคิดสงสารคนที่พูดก็ไม่ได้ ไวยากรณ์ก็ไม่รู้เรื่อง ตรงที่ว่าแม้แต่วิธีที่จะเอามายึดถือไปปฏิบัติยังไม่ชัดเจน จึงเขียนบทความนี้ลงโซเชียลทั้ง Pantip และ Facebook Fanpage ค่ะ
Grammar
สรุปจากหลายๆครั้งใจความประมาณว่า คนเราเกิดมาก็พูดได้ และฟังรู้เรื่อง ก่อนที่จะเรียนระบบไวยากรณ์ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีคนส่วนมากที่ขอแค่ว่าพูดให้พอสื่อสารได้ในระดับหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คนต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็น First Language เขาผ่านกระบวนการนี้มาโดยการพูดผิดและถูกแก้ไขให้ถูกต้อง จากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเขานั่นแหละ ดูจากคนไทยที่เริ่มพูดภาษาไทยก็ได้ นึกถึงเด็กๆ ที่กำลังเริ่มพูด จะขอนมกิน แล้วพูดว่า “แม่ นมหิว” แม่ต้องแก้ให้แน่นอนว่า เป็น “หิวนม” แล้วถึงค่อยส่งขวดนมมาให้เรากิน แล้วเด็กก็เริ่มจำจากตรงนั้นถึงการเรียงตำแหน่งของคำ
วิธีแบบนี้เป็นการเรียนโดยธรรมชาติ แล้วธรรมชาติของคนไทยธรรมดาคนหนึ่ง ที่เรียนในโรงเรียนทั่วไป เพื่อนก็มีแต่คนไทย วันหนึ่งจะได้ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆสักกี่ประโยค กี่ปีถึงจะได้พูดกับคนต่างชาติสักครั้ง บางครั้งอยากฝึกภาษาด้วยการหาบทความ นิยาย ภาษาอังกฤษมาอ่าน ถึงแปลศัพท์ได้ทุกคำก็อ่านไม่รู้เรื่อง นั่นเพราะไม่รู้หลักภาษานั่นเอง
เพราะฉะนั้นหากสนใจจะเริ่มเรียนภาษาใดภาษาหนึ่งจริงๆ ให้ยอมเสียเวลาศึกษาไวยากรณ์เพื่อที่จะรู้หลักภาษา เพื่อให้พูดได้ถูกหลักใจความครบถ้วน คือรู้ไวยากรณ์เพื่อจะนำไปใช้ ไม่ใช่รู้ไวยากรณ์เพื่อเอาไปสอบอย่างเดียว
นี่เป็นคำตอบของบทความแล้วว่า ทำไมต้อง (เสียเวลา) เรียนแกรมม่าร์ก่อน
เพื่อเป็นกำลังใจกับผู้เขียน โปรดแสดงความคิดเห็นอย่างสุภาพ
จะพยายามหาเวลาว่างเขียนมาให้อ่านอีกรวมถึงเรื่อง Parts of speech ด้วยค่ะ