เราไปญี่ปุ่นมาช่วงพฤษภาคมปีที่แล้วและตั้งใจว่าจะตั้งกระทู้ตั้งแต่ช่วงที่พึ่งกลับมา แต่พึ่งมีเวลาว่างเลยจะมาแบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นๆฟัง ทริปนี้เราไปกับเพื่อนทั้งหมด 6 คน โดยเป็นทริป 14 วันบางวันเน้นช็อปแต่บางวันก็เน้นเที่ยวธรรมชาติโดยเริ่มจากโตเกียวและจบที่โอซาก้า เรายังเป็นมือใหม่ด้านการเขียนกระทู้ผิดตรงไหนต้องขอโทษด้วยนะคะ
กระทู้: พาเที่ยว 21_21 design sight และ hitashi seaside park 14 วัน 9 เมืองในประเทศญี่ปุ่น ฉบับโตแล้วทำอะไรก็ได้ part2
https://pantip.com/topic/36339438
ตอนนั้นจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน DELTA ได้มาในราคาโปรโมชั่น ซึ่งถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง อาหาร การบริการ และ ที่นั่งบนเครื่องถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานได้มากถึง 46 กก. คือดีมากกกซื้อของได้แบบบ้าหอบฟาง และก่อนไปได้มีการซื้อตั๋วรถไฟต่างๆล่วงหน้าซึ่งรู้สึกว่าการซื้อแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับการเดินทางของเรา

DAY 1:
ไปถึงตอนเย็นเราก็เข้าที่พักแล้วออกมาเดินเล่นแถวชินจูกุต่อ ที่พักเราจองผ่าน airbnb ซึ่งอยู่สถานี EDOGAWABANSHI ระยะทางจากสถานีรถไฟไปที่พักประมาณ 1 กม.แต่ทางเดินเรียบและอากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีเลยรู้สึกไม่ไกลมาก แต่บางวันที่ไปเที่ยวกลับมาเหนื่อยๆก็รู้สึกว่าไกลมากกกกก
บรรยากาศระแวกที่พักประมาณนี้ ริมฟุธบาทเป็นบ้านคนที่เค้าปลูกดอกไม้เยอะๆตอนเช้าเลยรู้สึกสดชื่นมากๆ

DAY 2:
เราออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเช้าเพื่อไปทานอาหารเช้าที่ตลาดปลา TSUKIJI และจะไป เมืองYOKOHAMA ต่อ เรากับเพื่อนไม่ค่อยอินปลาดิบกันขนาดนั้นเลยเดินดูรอบๆและหาของจุกจิกทานรองท้อง
หอยเชลล์ย่าง รสชาติโอเคตามสไตล์ญี่ปุ่น

อันนี้ไม่รู้ว่าเค้าเรียกว่าอะไรแต่มันอารมณ์ประมาณขนมจีบ เห็นเค้าขายดีมากเลยลองดูรสชาติโอเคและอิ่มท้อง

ที่นี่มีร้านขายไข่หวานอยู่หลายร้านเลย ทุกร้านมีให้ชิม ถ้าคนที่ชอบมากๆก็สามารถซื้อแล้วเดินทานได้แต่ถ้าไม่ค่อยอินก็แค่ชิมๆก็ได้ลองดู

ของที่เด็ดที่สุดของที่นี่!!! ไดฟูกุสตอเบอร์รี่ถั่วแดง มีไส้ชาเขียวด้วยแต่เราชอบอันนี้มากกว่า แป้งหนุบๆแต่ไม่เละและไม่เหนียวเกินไป สตอเบอร์รี่ฉ่ำมากกคุณภาพดีจริงๆ แล้วก็ถั่วแดงด้านในไม่หวานจนเกินไป พอรวมกันแล้วดีมากประทับใจจนถึงทุกวันนี้

พอกินไดฟูกุเสร็จยังติดใจสตอเบอร์รี่ไม่หาย ระหว่างที่เพื่อนส่วนหนึ่งไปนั่งกินปลาดิบในร้านเราเลยเดินไปซื้อสตอเบอร์รี่เปล่าๆมานั่งกินที่หน้าร้าน

เราเป็นสายชอบเดินไปกินไปมากกว่าและอินกับอาหารสุกๆเลยไม่ค่อยได้ลองซูชิแต่เพื่อนที่กินข้าวหน้าปลาดิบก็บอกว่าอร่อยขนาดร้านที่ดูธรรมดาๆก็ยังฟินๆกันไป สรุปคือไปๆมาๆจุ๊บๆจิ๊บๆก็เสียเงินให้กับที่นี่ไปเยอะเหมือนกัน ใครจะประหยัดแต่อยากกินปลาดิบควรเข้าไปนั่งกินในร้านไปเลยและตัดใจจากข้องข้างทางอื่นๆ
พออิ่มท้องกันแล้วเราก็ขึ้นรถไฟไปเมือง YOKOHAMA เพื่อไป Osanbashi International Passenger Terminal ซึ่งเป็นท่าเรือและอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศซึ่งอยู่ริมทะเล ตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะถึงแม้จะใช้เวลานั่งรถไฟพอสมควร แต่คิดว่าไหนๆมีเวลาหลายวันก็มาดูหน่อย
การเดินทางง่ายๆคือนั่งจากโตเกียวมา YOKOHAMA (โยโกฮาม่า) และ เปลี่ยนไปนั่ง Negishi line นั่งไปลงที่ Kannai Station และสามารถเดินต่อจนไปถึงบริเวณท่าเรือได้เลย

ออกมาแล้วจะเป็นประมาณนี้ มีแผนที่ให้มั่นใจว่าจะไม่หลง

ทางเดินสวยมากๆมีต้นไม้ใหญ่ๆสวยๆและอากาศเย็นสบาย สถาปัตยกรรมแปลกตาไปจากโตเกียว เดินได้เรื่อยๆแปปเดียวก็ถึง


เดินไปเรื่อยๆตามทางถ้าถึงแยกนี้เราก็จะเห็นท่าเรืออยู่แว้บๆไกลๆตา

ถึงแล้วๆๆๆๆๆ

ด้านบนเป็นคล้ายๆสวนสาธรณะที่คนสามารมานั่งเล่นเดินเล่นหรือจะวิ่งเหยาะๆออกกำลังกายก็ได้




มีสายรุ้งด้วย

ตอนเราไปเหมือนว่าจะเข้าได้แค่บางส่วน เช่น ห้องน้ำ ทางเดิน ส่วนอื่นๆเค้าปิดไฟอยู่


พอเดินไปเดินมาซักพักก็จะกลับไปที่สถานีโยโกฮาม่าเหมือนเดิมเพราะเริ่มหิว และ แถวๆนั้นมีห้างเยอะมาก ระหว่างทางเดินกลับพวกเราหลงนิดหน่อยจนไปเจอซอกนึงที่น่าสนใจมากๆ เป็นช่องตอม่อที่มีเหล่าวัยรุ่นเต็มไปหมดเลยเข้าไปดูซักหน่อย

เดินไปเรื่อยๆเจอคาเฟ่นี้ มีทั้งกาแฟและเสื้อผ้าสไตล์ฮิปๆ ไม่แน่ใจว่ามีอาหารด้วรึเปล่า

เดินต่อไปเรื่อยๆจะเป็นริมน้ำแล้วมีเรือลำเล็กๆน่ารักๆแต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา แล้วก็มาเจอร้านนี้เป็นร้านกาแฟที่มีขายของกุ๊กกิ๊กและอาหารจานด่วนเช่น อุด้ง แต่ราคาค่อนข้างแพง ข้างในร้านตกแต่งค่อนข้างดี ใครผ่านตรงนี้อย่าลืมแวะเข้าไปดู

โยโหฮาม่าจะเป็นเมืองที่เรารู้สึกว่าไม่ค่อยเร่งรีบเท่าโตเกียว คือบรรยากาศในสถานีรถไฟและในห้างจะมีผู้สูงอายุค่อนข้างเยอะกว่าในโตเกียวมาก แต่ก็ยังไม่ถึง slow life แต่ก็มีความอบอุ่นอยู่ในบรรยากาศ
ห้างที่นี่จะเน้น function มากกว่าในโตเกียวคือหาของง่ายมากถ้าใครมีเวลาลองมาเดินเล่นๆดูเพลินๆก็ได้ เราได้พวกผ้าเช็ดหน้าน่ารักๆมาพอสมควร
DAY 3: วันนี้เน้นช็อปอาจจะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่
เริ่มต้นวันด้วยมื้อเช้าที่ MIDORI SUSHI คือไปถึงคิวยาวพอควรแต่ก็ไม่ได้นานขนาดนั้น

พอได้คิวพวกเราก็หิวมากๆพอดีเลยเน้นกินไม่เน้นถ่าย กินเสร็จออกมาเจอ baskin เลยต้องจัดของหวานๆๆ
ชอบตรงที่ที่นี่สามารถคละรสได้

ต่อมาไม่รู้จะไปไหนเลยไปย่าน SHIMOKITAZAWA ซึ่งชาวเน็ตบอกมาว่าเป็นย่านฮิปสเตร์ จริงๆจะไปดู HOUSE NA แต่จำชื่อสลับกันเลยพาเพื่อนมาหลงที่นี่แทน นั่งรถไฟมาลงสถานีชื่อ shimokitazawa ได้เลยอยู่ใกล้ๆชิบูย่า


ผลของการตื่นเช้ามากินซูชิ





ในย่านนี้จะมีทั้งของมือสองที่คุณภาพดีถึงดีมากและราคาแพงถึงแพงมาก และจะมีเสื้อผ้าของ designer คนญี่ปุ่นแท้ๆซึ่งแต่ละร้านมี style เฉพาะตัวมากๆ
อันนี้เป็นร้านขายของมือสองที่เราไปเจอมา ตกแต่งร้านแปลกตาและใช้กระเบื้องที่น่ารักมากๆ



เดินไปเดินมาเลยได้นี่มา เป็นกระเป๋าใส่เหรียญโดยเค้าออกแบบ pattern เอง

เดินไปซักพักระหว่างทางกลับเจอแพนเค้กร้านนี้คือรูปภาพและกลิ่นดีงามมาๆจนต้องลอง

ชื่อร้าน JS PANCAKE ถ้าไปต้องลองให้ได้ 10 10 10 !!!
ออกจาก Shimokitazawa ไปเดินเล่นชิบูย่าเหมือนเดิม

ตอนเราไป starbuck มีเมนูสตอเบอร์รี่สุดมากกกชนะทุกสิ่งที่สตาร์บัคเคยทำมา

เสียทรัพย์เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็นที่ shabu sen ginza
เราจำราคาไม่ได้แต่อาหารเป็นคอร์สที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่อิ่มแต่อิ่มมากในราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ ไม่ได้แพงเว่อร์วัง
เริ่มด้วยพุดดิ้งเต้าหู้ (มั้งงงง) จริงๆไม่รู้เลยว่าอะไรรสชาติหร่อยแปลกๆแต่ไม่ใช่แนว

ต่อด้วยหมูที่รอคอยย หมูดี น้ำซุปดี น้ำจิ้มดี ผ่าน ผ่าน ผ่าน

จบด้วยไอศครีมชาเขียวถั่วแดง

DAY 4:
วันนี้มีแพลนจะไปทะเลสาป kawaguchiko เลยตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเดี๋ยวนั่งรถไฟนานพอสมควรเริ่มด้วยอาหารเช้าที่ซื้อจากเซเว่นตั้งแต่เมื่อคืน โอนิกิริไส้เมนไทโกะ เต็มคำมากชอบอันนี้ที่สุดในเมนูเซเว่น ใครที่ไม่เคยกินเมนไทโกะต้องลองจริงๆแล้วจะติดใจทันที

นั่งรถไฟอันเดียวกับที่จะไปสวนสนุกฟูจิคิว อันนี้ค่ารถไฟแพงพอสมควรแต่เรายังไม่เริ่มใช้ JR-PASS เพราะต้องเก็บไว้ใช้ที่แพงกว่านี้ สามารถเสิชหาวิธีการเดินทางได้ใน google มีวิธีการเดินทางพร้อมกิจกรรมที่หลากหลายมาก ตอนแรก kawaguchigo ไม่ได้อยู่ในแพลนพวกเราเลยเรียกได้ว่าตัดสินใจกันนาทีสุดท้ายสุดๆ ยืนคุยกันหน้าประตูห้องว่าเอาไงดีๆ สุดท้ายพอมาถึงกิจกรรมเลยธรรมดาๆไม่ค่อยมีอะไรพิเศษ
ใครที่มาที่นี่แนะนำให้กินไอศครีมร้านนี้ ชอบมากจัดไป 2 ถ้วย

รสบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตหรือบลูเบอร์รี่วนิลลานี่แหละ

กิจกรรมของพวกเราคือการเช่าจักรยานเพื่อปั่นรอบทะเลสาบ แถวๆสถานีรถไฟมีร้านเช่าหลายร้ายทีเดียว สามารถเลือกได้ตามใจชอบ เราเลือกร้านที่ดูมีความเป็นบริษัทประมาณนึง

พอได้ขักรยานแล้วก็เริ่มปั่น

ที่นี่ดังเรื่องการชมภูเขาไฟฟูจิซึ่งพวกเราก็ได้เห็นเพียงแว๊บเล็กๆเพราะเป็นวันที่เมฆเยอะ


พวกเรานัดเพื่อนอีกคนที่ตามมาทีหลังไว้ที่โตเกียวตอนเย็นๆจึงต้องรีบคืนจักรยานแล้วกลับเข้าเมือง
ตอนต่อไปลิ้งค์อยู่ด้านบนน้า
[CR] 14 วัน 9 เมืองในประเทศญี่ปุ่น ฉบับโตแล้วทำอะไรก็ได้
กระทู้: พาเที่ยว 21_21 design sight และ hitashi seaside park 14 วัน 9 เมืองในประเทศญี่ปุ่น ฉบับโตแล้วทำอะไรก็ได้ part2
https://pantip.com/topic/36339438
ตอนนั้นจองตั๋วเครื่องบินสายการบิน DELTA ได้มาในราคาโปรโมชั่น ซึ่งถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง อาหาร การบริการ และ ที่นั่งบนเครื่องถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานได้มากถึง 46 กก. คือดีมากกกซื้อของได้แบบบ้าหอบฟาง และก่อนไปได้มีการซื้อตั๋วรถไฟต่างๆล่วงหน้าซึ่งรู้สึกว่าการซื้อแบบนี้ค่อนข้างเหมาะกับการเดินทางของเรา
DAY 1:
ไปถึงตอนเย็นเราก็เข้าที่พักแล้วออกมาเดินเล่นแถวชินจูกุต่อ ที่พักเราจองผ่าน airbnb ซึ่งอยู่สถานี EDOGAWABANSHI ระยะทางจากสถานีรถไฟไปที่พักประมาณ 1 กม.แต่ทางเดินเรียบและอากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีเลยรู้สึกไม่ไกลมาก แต่บางวันที่ไปเที่ยวกลับมาเหนื่อยๆก็รู้สึกว่าไกลมากกกกก
บรรยากาศระแวกที่พักประมาณนี้ ริมฟุธบาทเป็นบ้านคนที่เค้าปลูกดอกไม้เยอะๆตอนเช้าเลยรู้สึกสดชื่นมากๆ
DAY 2:
เราออกจากที่พักประมาณ 8 โมงเช้าเพื่อไปทานอาหารเช้าที่ตลาดปลา TSUKIJI และจะไป เมืองYOKOHAMA ต่อ เรากับเพื่อนไม่ค่อยอินปลาดิบกันขนาดนั้นเลยเดินดูรอบๆและหาของจุกจิกทานรองท้อง
หอยเชลล์ย่าง รสชาติโอเคตามสไตล์ญี่ปุ่น
ของที่เด็ดที่สุดของที่นี่!!! ไดฟูกุสตอเบอร์รี่ถั่วแดง มีไส้ชาเขียวด้วยแต่เราชอบอันนี้มากกว่า แป้งหนุบๆแต่ไม่เละและไม่เหนียวเกินไป สตอเบอร์รี่ฉ่ำมากกคุณภาพดีจริงๆ แล้วก็ถั่วแดงด้านในไม่หวานจนเกินไป พอรวมกันแล้วดีมากประทับใจจนถึงทุกวันนี้
พออิ่มท้องกันแล้วเราก็ขึ้นรถไฟไปเมือง YOKOHAMA เพื่อไป Osanbashi International Passenger Terminal ซึ่งเป็นท่าเรือและอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศซึ่งอยู่ริมทะเล ตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะถึงแม้จะใช้เวลานั่งรถไฟพอสมควร แต่คิดว่าไหนๆมีเวลาหลายวันก็มาดูหน่อย
การเดินทางง่ายๆคือนั่งจากโตเกียวมา YOKOHAMA (โยโกฮาม่า) และ เปลี่ยนไปนั่ง Negishi line นั่งไปลงที่ Kannai Station และสามารถเดินต่อจนไปถึงบริเวณท่าเรือได้เลย
ห้างที่นี่จะเน้น function มากกว่าในโตเกียวคือหาของง่ายมากถ้าใครมีเวลาลองมาเดินเล่นๆดูเพลินๆก็ได้ เราได้พวกผ้าเช็ดหน้าน่ารักๆมาพอสมควร
DAY 3: วันนี้เน้นช็อปอาจจะไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่
เริ่มต้นวันด้วยมื้อเช้าที่ MIDORI SUSHI คือไปถึงคิวยาวพอควรแต่ก็ไม่ได้นานขนาดนั้น
ชอบตรงที่ที่นี่สามารถคละรสได้
อันนี้เป็นร้านขายของมือสองที่เราไปเจอมา ตกแต่งร้านแปลกตาและใช้กระเบื้องที่น่ารักมากๆ
ออกจาก Shimokitazawa ไปเดินเล่นชิบูย่าเหมือนเดิม
เสียทรัพย์เสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็นที่ shabu sen ginza
เราจำราคาไม่ได้แต่อาหารเป็นคอร์สที่ตอนแรกคิดว่าจะไม่อิ่มแต่อิ่มมากในราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพ ไม่ได้แพงเว่อร์วัง
เริ่มด้วยพุดดิ้งเต้าหู้ (มั้งงงง) จริงๆไม่รู้เลยว่าอะไรรสชาติหร่อยแปลกๆแต่ไม่ใช่แนว
DAY 4:
วันนี้มีแพลนจะไปทะเลสาป kawaguchiko เลยตื่นเช้ากว่าปกติเพราะเดี๋ยวนั่งรถไฟนานพอสมควรเริ่มด้วยอาหารเช้าที่ซื้อจากเซเว่นตั้งแต่เมื่อคืน โอนิกิริไส้เมนไทโกะ เต็มคำมากชอบอันนี้ที่สุดในเมนูเซเว่น ใครที่ไม่เคยกินเมนไทโกะต้องลองจริงๆแล้วจะติดใจทันที
ใครที่มาที่นี่แนะนำให้กินไอศครีมร้านนี้ ชอบมากจัดไป 2 ถ้วย
ตอนต่อไปลิ้งค์อยู่ด้านบนน้า