เด็กหนุ่ม: ผมขอเงิน 86 เหรียญได้ไหมคับ คือผมลำบากมาก
เรา: อ่อ... มีอยู่ 500 เดี๋ยวไปแลกก่อนนะ (แล้วเราก็หยิบให้ 100 เหรียญ
เด็กหนุ่ม: ขอบคุณคับ
หญิงสาว: เธอให้เงินผู้ชายคนนั้นไปเท่าไหร่?
เรา: ให้ไป 100 เหรียญค่ะ ก็ถือซะว่าทำบุญละกัน
หญิงสาว: ฉันยืนมองเค้ามานานมากแล้ว ผู้ชายคนนั้นเค้าเข้าไปขอคนอื่นๆ แบบนี้เหมือนกัน ขอ 86 เหรียญน่ะ ฉันว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย!
(หญิงสาวเดินตรงไปที่เด็กหนุ่มเพื่อต่อว่า เราก็เลยเดินตามเข้าไป)
เด็กหนุ่ม: นี่เพื่อนคุณเค้ามีปัญหาทางสมองอะไรหรือเปล่า (หันมาถามเรา)
เรา: เธอมาเร่ขอเงินคนอื่น ไปทำอะไร?
เด็กหนุ่ม: ผมมีความลำบากส่วนตัว
เรา: ลำบากยังไง?
เด็กหนุ่ม: คุณไม่เข้าใจหรอก ผมกำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก มีแต่ลุง ลุงผมก็เป็นตำรวจใหญ่นะ และผมก็ขึ้นศาลมาหลายรอบแล้ว ...อีกอย่างผมมีปัญหาทางสมองด้วยน่ะ
เรา: เธอขึ้นศาลไปเพราะอะไร?
เด็กหนุ่ม: ก็มีคนที่ไม่เข้าใจว่าผมลำบาก เลยไปแจ้งความผม
เรา: อยากขึ้นศาลอีกหรอ?
เด็กหนุ่ม: ใครจะอยาก...
เรา: แล้วเธอไม่คิดหรอว่ามาทำแบบนี้ คนอื่นเค้ามองเธอเป็นยังไง? ถ้าเธอเจอคนที่เคี่ยวกว่าสาวคนเมื่อตะกี้แล้วไปแจ้งความ เธอว่าเธอจะรอดหรอ?
เด็กหนุ่ม: ก็แค่เผชิญหน้าไง กลัวอะไร... คุณไม่เข้าใจความลำบากของผมหรอก คุณไปเถอะ ผมยังต้องทำแบบนี้ต่อไป และผมกำลังจะไปทำแบบนี้ต่ออีก ชีวิตผมเป็นแบบนี้เพราะผมไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่นที่จะมาคอยช่วยเหลือ ซัพพอร์ตผม ชีวิตผมมันควรเป็นอย่างงี้แหละ น่าสมน้ำหน้าจะตาย สมควรแล้ว
เรา: ฟังนะ ฟังดีๆ พ่อหนุ่ม ในฐานะที่ฉันเป็นมนุษย์ เธอก็เหมือนกัน ให้รู้ไว้เลยว่า ฉันไม่ได้จะมาทำร้าย ต่อว่าอะไรเธอนะ แต่ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง และฉันเป็นห่วงเธอ...
เด็กหนุ่ม: มีคนอยากเป็นเพื่อนกับผมด้วยหรอเนี่ย?! ไม่มีใครเคยอยากเป็นเพื่อนกับผมเลยทั้งชีวิต!
เรา: ทุกคนที่เดินไปเดินมาก็เพื่อนฉันทุกคน เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน
เด็กหนุ่ม: เธอฟังดีๆ นะ ที่เธอเป็นแบบนี้ ณ ตอนนี้ ไม่มีใครทำเธอ แต่เธอนั่นแหละที่เลือกชีวิตแบบนี้เอง ฟังนะ ตัวเธอนั่นแหละที่เลือกจะเป็นแบบนี้เองไม่เกี่ยวว่าเธอจะมีพ่อแม่หรือไม่ และเธอมีช่องทางที่จะไปได้ไกลกว่านี้ เธอทำได้ดีกว่านี้ แทนการมายืนขอเงินคนอื่น
เด็กหนุ่ม: ผมต้องไปละครับพี่สาว ต้องไปเรี่ยไรเงินต่อ ขอบคุณนะครับ
เรา: จำคำฉันไว้ดีๆ นะ ตัวเธอนั่นแหละที่ทำตัวเธอเองให้เป็นแบบนี้ เธอเลือกได้ว่าเธอจะเดินทางนี้ต่อ หรือจะไปทางอื่น จำคำฉันไว้นะ เธอเลือกได้
เด็กหนุ่ม: ขอบคุณครับ (พร้อมเปิดผ้าปิดปากเพื่อกล่าวคำขอบคุณ)
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะได้รับอิทธิพลอะไรบางอย่างจากเราไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคิดได้สักเท่าไหร่..
เรารู้สึกหดหู่นะ ที่ในสังคม บนถนนทั่วไปมีคนเก่ง ฉลาด หลักแหลม กล้าหาญ แต่เอาแต่โทษชะตาชีวิตตัวเอง โทษว่าเพราะมีปมด้อยที่ไม่มีพ่อแม่ เพราะอดีตเป็นงั้นงี้ไม่สมบูรณ์แบบ ขาดความอบอุ่น แม้แต่เอาความเจ็บป่วยของตัวเองมาเป็นข้ออ้างให้ดูน่าสงสารในสายตาคนทั่วไป หรืออาจจะแค่สมมติขึ้นมาว่ามีปัญหาทางสมอง "เพราะชีวิตไม่มีเหมือนคนอื่น ชีวิตเลยต้องเป็นแบบนี้"
ทั้งๆ ที่จริงแล้ว มันคือ การประชดชีวิตตัวเอง ทำตัวเองให้เลวลง ต่ำลงให้ยิ่งน่าสมเพช และทำตัวเองเองทั้งนั้น แล้วก็เอาตัวเองจมปลักกับอดีตอันเลวร้ายไม่ยอมลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตัวเองสักที
เรากำลังคิดอยากช่วยดึงคนพวกนี้ออกมา แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่านี่สิ
เราหวังลมๆ แล้งๆ ว่าไม่แน่วันหนึ่งอาจจะมีหนุ่มใหญ่ไต้หวันที่พลิกตัวกลายมามีชีวิตที่ดีขึ้นจากคำพูดที่เราทิ้งท้ายไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้า
เราพูดมาจากที่เราก็ไม่ได้มีชีวิตที่เพรียบพร้อม และผ่านมาทั้งช่วงสวรรค์และเหวมาแล้ว
แต่เรา...
เลือกที่จะยืนขึ้นมาสร้างสิ่งที่ไม่มีจากตัวเอง
เลือกที่จะยืนขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น
เลือกที่จะมองโลกให้สวยงาม
เลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันและทำให้มันดี
เลือกที่จะเดินออกจากอดีตอะไรก็ตามที่ไม่สวยงาม
เลือกที่จะยิ้มให้ตัวเองทุกครั้งในกระจก
#JunesDiary
10 April 2017 Taipei
《ชีวิตใหม่ ที่ ไทเป: The Beginning》ตอนที่ 9
เรา: อ่อ... มีอยู่ 500 เดี๋ยวไปแลกก่อนนะ (แล้วเราก็หยิบให้ 100 เหรียญ
เด็กหนุ่ม: ขอบคุณคับ
หญิงสาว: เธอให้เงินผู้ชายคนนั้นไปเท่าไหร่?
เรา: ให้ไป 100 เหรียญค่ะ ก็ถือซะว่าทำบุญละกัน
หญิงสาว: ฉันยืนมองเค้ามานานมากแล้ว ผู้ชายคนนั้นเค้าเข้าไปขอคนอื่นๆ แบบนี้เหมือนกัน ขอ 86 เหรียญน่ะ ฉันว่าแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย!
(หญิงสาวเดินตรงไปที่เด็กหนุ่มเพื่อต่อว่า เราก็เลยเดินตามเข้าไป)
เด็กหนุ่ม: นี่เพื่อนคุณเค้ามีปัญหาทางสมองอะไรหรือเปล่า (หันมาถามเรา)
เรา: เธอมาเร่ขอเงินคนอื่น ไปทำอะไร?
เด็กหนุ่ม: ผมมีความลำบากส่วนตัว
เรา: ลำบากยังไง?
เด็กหนุ่ม: คุณไม่เข้าใจหรอก ผมกำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก มีแต่ลุง ลุงผมก็เป็นตำรวจใหญ่นะ และผมก็ขึ้นศาลมาหลายรอบแล้ว ...อีกอย่างผมมีปัญหาทางสมองด้วยน่ะ
เรา: เธอขึ้นศาลไปเพราะอะไร?
เด็กหนุ่ม: ก็มีคนที่ไม่เข้าใจว่าผมลำบาก เลยไปแจ้งความผม
เรา: อยากขึ้นศาลอีกหรอ?
เด็กหนุ่ม: ใครจะอยาก...
เรา: แล้วเธอไม่คิดหรอว่ามาทำแบบนี้ คนอื่นเค้ามองเธอเป็นยังไง? ถ้าเธอเจอคนที่เคี่ยวกว่าสาวคนเมื่อตะกี้แล้วไปแจ้งความ เธอว่าเธอจะรอดหรอ?
เด็กหนุ่ม: ก็แค่เผชิญหน้าไง กลัวอะไร... คุณไม่เข้าใจความลำบากของผมหรอก คุณไปเถอะ ผมยังต้องทำแบบนี้ต่อไป และผมกำลังจะไปทำแบบนี้ต่ออีก ชีวิตผมเป็นแบบนี้เพราะผมไม่มีพ่อแม่เหมือนคนอื่นที่จะมาคอยช่วยเหลือ ซัพพอร์ตผม ชีวิตผมมันควรเป็นอย่างงี้แหละ น่าสมน้ำหน้าจะตาย สมควรแล้ว
เรา: ฟังนะ ฟังดีๆ พ่อหนุ่ม ในฐานะที่ฉันเป็นมนุษย์ เธอก็เหมือนกัน ให้รู้ไว้เลยว่า ฉันไม่ได้จะมาทำร้าย ต่อว่าอะไรเธอนะ แต่ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนคนหนึ่ง และฉันเป็นห่วงเธอ...
เด็กหนุ่ม: มีคนอยากเป็นเพื่อนกับผมด้วยหรอเนี่ย?! ไม่มีใครเคยอยากเป็นเพื่อนกับผมเลยทั้งชีวิต!
เรา: ทุกคนที่เดินไปเดินมาก็เพื่อนฉันทุกคน เราเป็นมนุษย์เหมือนกัน
เด็กหนุ่ม: เธอฟังดีๆ นะ ที่เธอเป็นแบบนี้ ณ ตอนนี้ ไม่มีใครทำเธอ แต่เธอนั่นแหละที่เลือกชีวิตแบบนี้เอง ฟังนะ ตัวเธอนั่นแหละที่เลือกจะเป็นแบบนี้เองไม่เกี่ยวว่าเธอจะมีพ่อแม่หรือไม่ และเธอมีช่องทางที่จะไปได้ไกลกว่านี้ เธอทำได้ดีกว่านี้ แทนการมายืนขอเงินคนอื่น
เด็กหนุ่ม: ผมต้องไปละครับพี่สาว ต้องไปเรี่ยไรเงินต่อ ขอบคุณนะครับ
เรา: จำคำฉันไว้ดีๆ นะ ตัวเธอนั่นแหละที่ทำตัวเธอเองให้เป็นแบบนี้ เธอเลือกได้ว่าเธอจะเดินทางนี้ต่อ หรือจะไปทางอื่น จำคำฉันไว้นะ เธอเลือกได้
เด็กหนุ่ม: ขอบคุณครับ (พร้อมเปิดผ้าปิดปากเพื่อกล่าวคำขอบคุณ)
ดูเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้จะได้รับอิทธิพลอะไรบางอย่างจากเราไป แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคิดได้สักเท่าไหร่..
เรารู้สึกหดหู่นะ ที่ในสังคม บนถนนทั่วไปมีคนเก่ง ฉลาด หลักแหลม กล้าหาญ แต่เอาแต่โทษชะตาชีวิตตัวเอง โทษว่าเพราะมีปมด้อยที่ไม่มีพ่อแม่ เพราะอดีตเป็นงั้นงี้ไม่สมบูรณ์แบบ ขาดความอบอุ่น แม้แต่เอาความเจ็บป่วยของตัวเองมาเป็นข้ออ้างให้ดูน่าสงสารในสายตาคนทั่วไป หรืออาจจะแค่สมมติขึ้นมาว่ามีปัญหาทางสมอง "เพราะชีวิตไม่มีเหมือนคนอื่น ชีวิตเลยต้องเป็นแบบนี้"
ทั้งๆ ที่จริงแล้ว มันคือ การประชดชีวิตตัวเอง ทำตัวเองให้เลวลง ต่ำลงให้ยิ่งน่าสมเพช และทำตัวเองเองทั้งนั้น แล้วก็เอาตัวเองจมปลักกับอดีตอันเลวร้ายไม่ยอมลุกขึ้นมาด้วยตัวเอง ไม่ขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตัวเองสักที
เรากำลังคิดอยากช่วยดึงคนพวกนี้ออกมา แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือเปล่านี่สิ
เราหวังลมๆ แล้งๆ ว่าไม่แน่วันหนึ่งอาจจะมีหนุ่มใหญ่ไต้หวันที่พลิกตัวกลายมามีชีวิตที่ดีขึ้นจากคำพูดที่เราทิ้งท้ายไว้ในอีก 10 ปีข้างหน้า
เราพูดมาจากที่เราก็ไม่ได้มีชีวิตที่เพรียบพร้อม และผ่านมาทั้งช่วงสวรรค์และเหวมาแล้ว
แต่เรา...
เลือกที่จะยืนขึ้นมาสร้างสิ่งที่ไม่มีจากตัวเอง
เลือกที่จะยืนขึ้นมารับผิดชอบชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น
เลือกที่จะมองโลกให้สวยงาม
เลือกที่จะอยู่กับปัจจุบันและทำให้มันดี
เลือกที่จะเดินออกจากอดีตอะไรก็ตามที่ไม่สวยงาม
เลือกที่จะยิ้มให้ตัวเองทุกครั้งในกระจก
#JunesDiary
10 April 2017 Taipei