"คนอื่นเขาเจ็บแล้วจำ ตายกี่ภพ เกิดกี่ชาติ เขาจะขุดกระดูกของเจ้ามาสาปแช่งเจ้า"
วลีที่เจ้าทิพย์ต่อว่าปิ่นมณีผู้ก่อเหตุ "งานเลี้ยงลวงสังหาร"
ในประวัติศาสตร์โลก ผู้ปกครองไร้ศีลธรรมเมื่อยามมีชีวิตใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ ผู้คนเคารพด้วยความกลัว
แต่เมื่อสิ้นชีวิต กฏแห่งกรรมอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองที่ประชาชนเกลียดชังจะได้รับตอบแทนคือการขุดศพมาประจาน
มีกรณีดังๆในโลกสากลให้เห็นชัดเช่นคือ
"กรณีสังหารหมู่ชาวโปรเตสแตนท์ในฝรั่งเศส"
ในฝรั่งเศส ยุคศตวรรษที่ 16 ยุคสมัยที่ยังปกครองด้วยกษัตริย์
เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวโปรเตสแตนส์ ในค.ศ. 1572
แผนการสังหารหมู่คล้ายกับแผนของปิ่นมณี คือ "งานเลี้ยงลวงสังหาร"
จุดจบของผู้อยู่เบื้องหลังก็คือการถูกขุดศพมาทำลาย
ก่อนเข้าเรื่องฝรั่งเศสขอเกริ่นนำบริบทสังคมยุโรปในศตวรรษที่ 16 ก่อนนะคะ
ในศตวรรษที่ 16 ยุโรปอยู่ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หรือที่เรียกว่า เรอเนสซองค์
ขณะเดียวเป็นยุคแห่งการปฏิรูปศาสนา ยุคที่เกิดนิกายใหม่ขึ้นคือ โปรเตสแสตนส์
นิกายโปรเตสแสตนส์เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านคำสอนเดิมของคาทอลิก
เดิมทีนิกายคาทอลิกที่ครอบงำยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง แต่พอมีการตั้งคำถามถึงคำสอนที่ผูกขาดกับพระคาทอลิก (ขายใบล้างบาปแล้วเอาเข้ากระเป๋าพระ) จึงเกิดการแตกนิกายใหม่ออกมา นิกายโปรเตสแตนส์
นิกายใหม่นี้แพร่หลายไปทั่งยุโรปมากขึ้น รวมทั้งฝรั่งเศส
ราชสำนักฝรั่งเศสที่นับถือคาทอลิกประสงค์ที่จะยุดติความขัดแย้งคริสศาสนาในฝรั่งเศสที่แตกเป็นสองฝ่ายคือนิกายคาทอลิก (ฝ่ายราชสำนักฝรั่งเศส) และ โปรเตสแตนส์ (คนโปรเตสแตนส์ในฝรั่งเศสในยุคนั้นถูกเรียกว่า อูเกอร์โน) แต่ด้วยแรงกดดันจากฝ่ายคาทอลิกและฝ่ายอูเกอร์โนมีเยอะมาก จึงมีแผนกำจัดฐานอำนาจของคนโปรเตสแสตนส์ในฝรั่งเศส
จุดเริ่มต้นก่อนเกิดวันสังหารหมู่ เริ่มขึ้นเมื่องานอภิเษกของเจ้าหญิงมาร์เกอริต เดอ วาลัวร์ (ฝ่ายราชสำนักฝรั่งเศส) กับ อองรี เดอ บูบง กษัตริย์แห่งนาวาร์ (ฝ่ายโปรเตสแตนส์) อ้างว่าเพื่อความสันติแก่สองนิกาย ท่ามกลางผู้คนมากมายโดยเฉพาะฝ่ายโปรเตสเเตนส์ มีชาวโปรเตสแสตนส์มารวมตัวกันในปารีสเพื่องานอภิเษกครั้งนี้
ปล. อองรี เดอ บูบง คือปฐมราชวงษ์บูบงในฝรั่งเศส (หลุยส์ที่ 14 และ หลุยส์ที่ 16 คือรุ่นหลานเหลน)
เมื่อฝ่ายราชสำนักเห็นว่ามีชาวโปรเตสแสตนส์รวมตัวกันเยอะ (ทั้งผู้มีอำนาจ ทั้งนายพลทหาร) จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะสั่งการ "เก็บ" ชาวโปรเตสแสตนส์ให้หมดสิ้นไป หลังการอภิเษกไปไม่กี่วันก็เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวโปรเตสแสตนส์อย่างสยดสยอง ในคืนที่เรียกว่า ลา แซงค์ บาร์เทเลมี (la Saint Barthélémy) ชาวโปรเตสแสตนส์ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทั้งในบ้านและบนถนนโดยชาวคาทอลิก
ผลของการสังหารหมู่ทำให้มีชาวโปรเตสแสตนส์ตายไปมากกว่าหมื่นคน
อองรี เดอ บูบง จำต้องทำพิธีเข้ารีดนิกายคาทอลิกเพื่อความปลอดภัย
ผลของการสังหารหมู่เป็นบาดแผลให้แก่ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ราชสำนักถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น
แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดเอาผิดหรือทำการใดกับผู้ก่อเหตุได้
แต่อีกสองร้อยปีต่อมาก็เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789
ราชสำนักถูกล้มล้าง และในปี 1792-1793 มีการขุดศพกษัตริย์และราชวงศ์ของฝรั่งเศสในอดีตมาปล้นพระทรัพย์ในโลงและทำลายร่างกาย
และสมาชิกในราชวงศ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารหมู่ก็ถูกทำลายทิ้งด้วยเช่นกัน
"ตายกี่ภพ เกิดกี่ชาติ เขาจะขุดกระดูกของเจ้ามาสาปแช่ง" กฎแห่งกรรมที่ผู้ปกครองที่ถูกเกลียดชังต้องเจอ
วลีที่เจ้าทิพย์ต่อว่าปิ่นมณีผู้ก่อเหตุ "งานเลี้ยงลวงสังหาร"
ในประวัติศาสตร์โลก ผู้ปกครองไร้ศีลธรรมเมื่อยามมีชีวิตใช้พระเดชมากกว่าพระคุณ ผู้คนเคารพด้วยความกลัว
แต่เมื่อสิ้นชีวิต กฏแห่งกรรมอย่างหนึ่งที่ผู้ปกครองที่ประชาชนเกลียดชังจะได้รับตอบแทนคือการขุดศพมาประจาน
มีกรณีดังๆในโลกสากลให้เห็นชัดเช่นคือ
"กรณีสังหารหมู่ชาวโปรเตสแตนท์ในฝรั่งเศส"
ในฝรั่งเศส ยุคศตวรรษที่ 16 ยุคสมัยที่ยังปกครองด้วยกษัตริย์
เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวโปรเตสแตนส์ ในค.ศ. 1572
แผนการสังหารหมู่คล้ายกับแผนของปิ่นมณี คือ "งานเลี้ยงลวงสังหาร"
จุดจบของผู้อยู่เบื้องหลังก็คือการถูกขุดศพมาทำลาย
ก่อนเข้าเรื่องฝรั่งเศสขอเกริ่นนำบริบทสังคมยุโรปในศตวรรษที่ 16 ก่อนนะคะ
ในศตวรรษที่ 16 ยุโรปอยู่ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ หรือที่เรียกว่า เรอเนสซองค์
ขณะเดียวเป็นยุคแห่งการปฏิรูปศาสนา ยุคที่เกิดนิกายใหม่ขึ้นคือ โปรเตสแสตนส์
นิกายโปรเตสแสตนส์เกิดขึ้นเพื่อต่อต้านคำสอนเดิมของคาทอลิก
เดิมทีนิกายคาทอลิกที่ครอบงำยุโรปมาตั้งแต่ยุคกลาง แต่พอมีการตั้งคำถามถึงคำสอนที่ผูกขาดกับพระคาทอลิก (ขายใบล้างบาปแล้วเอาเข้ากระเป๋าพระ) จึงเกิดการแตกนิกายใหม่ออกมา นิกายโปรเตสแตนส์
นิกายใหม่นี้แพร่หลายไปทั่งยุโรปมากขึ้น รวมทั้งฝรั่งเศส
ราชสำนักฝรั่งเศสที่นับถือคาทอลิกประสงค์ที่จะยุดติความขัดแย้งคริสศาสนาในฝรั่งเศสที่แตกเป็นสองฝ่ายคือนิกายคาทอลิก (ฝ่ายราชสำนักฝรั่งเศส) และ โปรเตสแตนส์ (คนโปรเตสแตนส์ในฝรั่งเศสในยุคนั้นถูกเรียกว่า อูเกอร์โน) แต่ด้วยแรงกดดันจากฝ่ายคาทอลิกและฝ่ายอูเกอร์โนมีเยอะมาก จึงมีแผนกำจัดฐานอำนาจของคนโปรเตสแสตนส์ในฝรั่งเศส
จุดเริ่มต้นก่อนเกิดวันสังหารหมู่ เริ่มขึ้นเมื่องานอภิเษกของเจ้าหญิงมาร์เกอริต เดอ วาลัวร์ (ฝ่ายราชสำนักฝรั่งเศส) กับ อองรี เดอ บูบง กษัตริย์แห่งนาวาร์ (ฝ่ายโปรเตสแตนส์) อ้างว่าเพื่อความสันติแก่สองนิกาย ท่ามกลางผู้คนมากมายโดยเฉพาะฝ่ายโปรเตสเเตนส์ มีชาวโปรเตสแสตนส์มารวมตัวกันในปารีสเพื่องานอภิเษกครั้งนี้
ปล. อองรี เดอ บูบง คือปฐมราชวงษ์บูบงในฝรั่งเศส (หลุยส์ที่ 14 และ หลุยส์ที่ 16 คือรุ่นหลานเหลน)
เมื่อฝ่ายราชสำนักเห็นว่ามีชาวโปรเตสแสตนส์รวมตัวกันเยอะ (ทั้งผู้มีอำนาจ ทั้งนายพลทหาร) จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะสั่งการ "เก็บ" ชาวโปรเตสแสตนส์ให้หมดสิ้นไป หลังการอภิเษกไปไม่กี่วันก็เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวโปรเตสแสตนส์อย่างสยดสยอง ในคืนที่เรียกว่า ลา แซงค์ บาร์เทเลมี (la Saint Barthélémy) ชาวโปรเตสแสตนส์ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมทั้งในบ้านและบนถนนโดยชาวคาทอลิก
ผลของการสังหารหมู่ทำให้มีชาวโปรเตสแสตนส์ตายไปมากกว่าหมื่นคน
อองรี เดอ บูบง จำต้องทำพิธีเข้ารีดนิกายคาทอลิกเพื่อความปลอดภัย
ผลของการสังหารหมู่เป็นบาดแผลให้แก่ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ราชสำนักถูกมองว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นองเลือดครั้งนั้น
แม้ว่าจะไม่มีผู้ใดเอาผิดหรือทำการใดกับผู้ก่อเหตุได้
แต่อีกสองร้อยปีต่อมาก็เกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789
ราชสำนักถูกล้มล้าง และในปี 1792-1793 มีการขุดศพกษัตริย์และราชวงศ์ของฝรั่งเศสในอดีตมาปล้นพระทรัพย์ในโลงและทำลายร่างกาย
และสมาชิกในราชวงศ์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารหมู่ก็ถูกทำลายทิ้งด้วยเช่นกัน