สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกคน
เราจะมาเล่าเรื่องราวการผจญภัยที่ได้พบเจอมาเมื่อเร็วๆนี้
นี่เป็นกระทู้ที่สองของเราแล้ว ซึ่งกระทู้แรกได้รีวิวการไปเที่ยวเกาะเต่ามา
หากใครสนใจก็เข้าไปรับชมได้นะคะ
https://pantip.com/topic/34086666
เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว airasia มีโปรโมชั่น big sale ออกมา มีหรือที่เราจะพลาด
จึงจัดหาวันเวลา และราคาที่เราคิดว่าโอเคที่สุด ซึ่งก็สรุปว่า
ได้ตั๋วไปกลับพิษณุโลก-ดอนเมือง ด้วยราคา 2200บาท/3คน
ไปกลับดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี 1300บาท/3คน
แต่ๆๆๆ เราอยู่ที่สุราษฎร์ไม่ถึง 24 ชม. คือถึงสุราษฎร์ 12.40น. แล้ววันต่อไปกลับไฟล์ 11.25น.
มันเป็นทริปที่บ้ามาก 555 และก็โหดมากเช่นกัน แต่มันจะคุ้มหรือเปล่าลองให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันค่ะ
ภาพที่ได้มาจากกล้องมือถือของเราและโกโปรของน้องชาย
mirrorless ของเรามันเปิดไม่ได้กะทันหัน พอเปิดดูรูปแล้วมันค้าง เสียใจจัง

ลืมบอกไปว่าเรามีเพื่อนอยู่สุราษฎร์ เค้ามารับที่สนามบินแล้วก็ร่วมทริปครั้งนี้กับเราด้วยค่ะ
หน้าโหดไปหน่อยแต่ใจดี ถ้าไม่โกนหนวดเคราจะน่ากลัวมาก 555
ให้เดากันเองนะคะว่าคนไหน อิอิ

ต้องขอบคุณเพื่อนมากๆเลยที่ทำให้การเดินทางของเรานั้นราบรื่น
เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากสนามบินถึงเขื่อน ระยะทางประมาณ 60 ก.ม.

วิวบนเขื่อนค่ะ มองเห็นเขาสุดลุกหูลูกตา

จากนั้นเราก็ต้องขึ้นเรือเพื่อไปที่พักกันค่ะ ซึ่งเราต้องจ่ายค่าเข้าเขื่อนอีกคนละ 40 บาท
ส่วนค่าเรือเป็นเหมาจ่ายต่อลำ เค้าจะอยู่กับเราวันนึงเต็มๆเลยค่ะ ซึ่งระยะทางไปที่พักเรา
ราคา2500 บาท แต่ถ้าไปที่พักไกลกว่านี้ก็จะแพงขึ้นค่ะ

พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยค่ะ
เสบียงพร้อม!!!

ดีตรงที่วันนั้นแดดไม่ร้อน เมฆหมอกเต็มเลยค่ะ

น้ำใสมาก มันสีเขียวแต่มันใสอ่ะ อย่างกับน้ำทะเล

โอ้ทะเลแสนงามมมม ฟ้าสีครามสดใสๆๆๆๆ...อ้าววว ไม่ใช่หรอ 555

ข้างหลังสุดชื่อพี่เปรียว ใจดีมากค่ะ

สัญลักษณ์ของเขื่อนเชี่ยวหลาน ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
แต่ยังไงเรือก็ต้องพามาอยู่แล้วค่ะ

จากนั้นพี่เปรียวพาเราแวะแพนางไพรค่ะ เพื่อนบอกว่าเรือจะต้องมาแวะที่นี่ทุกครั้ง ก่อนไปส่งเราถึงที่พัก

ไม่แน่ใจว่าปลาตะเพียนหางแดงหรือเปล่า แต่มันเยอะมากๆเลยค่ะ

จะว่าไป วิวที่แพนี้ก็สวยไม่เบาเลยนะคะ

เค้ามีอาหารให้เลี้ยงปลาด้วย แต่ต้องซื้อนะ

บรรยากาศดีมาก อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ นี่ที่เค้าเรียกว่า slow life หรือเปล่านะ

น้องชายสุดหล่อ ตากล้องโกโปรของเราเอง

เค้าจอดพักจนกว่าเราจะถ่ายรูปจนพอใจ หากเราพร้อมไปต่อ ก็บอกเค้าได้เลยค่ะ
ที่พักเรากับแพนางไพรไม่ห่างกันมาก เพราะเป็นแพของอุทยานเหมือนกัน
ซึ่งแพของอุทยานกับเอกชนเนี่ย จริงๆมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ในด้านความสะดวกสบาย
แต่เราว่าวิวที่พักของอุทยานดีกว่ามากเลย แล้วที่พักเค้าก็จะแจกถุงดำให้เราใส่ขยะกลับทุกชิ้น
บริเวณที่พักจึงสะอาดมากเลยค่ะ

เราพักที่คลองคะกันค่ะ การนั่งเรือจะใช้เวลาประมาณ 1.5 ชม. รวมเวลาแวะพักที่แพนางไพร

ห้องพักที่นี่มีหลายแบบ มีห้องพักได้2 คน ห้อง 8 คน
แต่เราได้นอนในกระท่อม ห้องละ2 คน ฟินไปอีกแบบ 555

พอถึงปุ๊บ วางสำภาระ แล้วโดดน้ำเลยค่ะ เย็นชื่นใจมาก

เวลาพระอาทิตย์ตกดินมันช่างงดงามเหลือเกิน แต่ยังไม่อยากเห็นพระจันทร์เลย
พระะอาทิตย์อย่าเพิ่งตกดินได้ไหม...เพ้อล่ะ 555

เรามาถึงที่พักก็ 4 โมงเย็นกว่าๆแล้ว เล่นน้ำได้ครู่เดียว เพราะเค้าให้ลิมิตเล่นน้ำถึง 6 โมง
จากนั้นก็อาบน้ำและเตรียมตัวไปทานข้าวเย็นกันค่ะ
ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ แยกหญิงชาย
แล้วเค้าจะปั่นไฟหลัง 6 โมงไปแล้ว แล้วจะตัดไฟตอน 4 ทุ่ม
ทางที่ดีควรชาร์ตเพาเวอร์แบงค์ไปเยอะๆเลย

นี่คืออาหารเย็นของเราค่ะ มีกับข้าว4อย่าง และผลไม้จะตามมาทีหลังค่ะ
กับข้าวเติมได้นะคะ ข้าวก็เติมได้ เรียกได้ว่าทานบุฟเฟ่กันเลยทีเดียว

เสร็จจากมื้อค่ำ เราก็มานอนเล่น เกลือกกลิ้งกันบนหญ้าเทียม ซึ่งเป็นลานกว้างๆ หน้าห้องทานอาหาร
นอนดูดาวกันสักพัก วันนั้นมีพระจันทร์ทรงกลดด้วยค่ะ แต่มือถือมันถ่ายแล้วไม่เห็น
นอนชมเมฆเคลื่อนไปมา เครื่องบินหลายเส้นทางบินผ่านเขื่อนนี้ด้วย
ได้เวลาเราก็กลับไปเม้ามอยหอยสังข์ ปาตี้กันหน้ากระท่อมสุดน่ารักของเรากันต่อ
แต่เสียดายที่เรากลับไฟล์เช้า ดังนั้นต้องรีบนอนเอาแรงเพราะต้องรีบตื่นค่ะ
เรานัดกับพี่เปรียวไว้ 7 โมงเช้าไปส่งกลับท่าเรือ
อาหารมื้อเช้าที่นี่เป็นข้าวต้มหมู ชา กาแฟ ขนมปัง อร่อยมากๆ ทานได้ไม่อั้นเช่นเคยค่ะ
แต่เรารีบมากจึงไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้
ค่าพักที่นี่ รวมอาหาร2 มื้อ ตกคนละ 700 บาทต่อคืน ถ้าใครมาถึงสายๆ
แล้วทานอาหารที่นี่ตอนกลางวัน เค้าก็จะเพิ่มอีกคนละ 200 บาท

ก่อนกลับเราชักภาพ ซึมซับบรรยากาศอีกแปป ที่นี่ตอนเช้าอากาศดีมาก
แต่เพราะเป็นหน้าร้อน และฝนไม่ตกเมื่อคืน จึงไม่ค่อยมีหมอกเท่าไหร่
แต่โดยรวมเราว่าก็สวยนะ

อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้...
เพลงพี่สิงห์โตลอยมาเลยค่ะ

ระหว่างทางกลับ มีหมอกคลอเขาให้เราได้ชมกันด้วยค่ะ

หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะ

ก่อนกลับเพื่อนแวะสันเขื่อนให้เราได้ชมบรรยากาศกันอีกสักพัก

See you a g a i n...
จริงๆ ที่นี่มีกิจกรรมอีกหลายอย่าง ทั้งเดินป่า ลอดถ้ำ นั่งเรือชมสัตว์ ถ้าใครมีเวลาไม่รีบร้อนจนเกินไปเหมือนเรา
ก็แนะนำนะคะ เพื่อนบอกว่าสนุกมาก
แต่เราก็อยากไปอีกนะ
ทริปนี้สั้นไปนิดนึงแต่ก็สนุกดีค่ะ
ครั้งแรกที่เชี่ยวหลาน หากข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ค่ะ
[CR] [เชี่ยวหลาน] : วันเดียวเที่ยวไม่พอ
เราจะมาเล่าเรื่องราวการผจญภัยที่ได้พบเจอมาเมื่อเร็วๆนี้
นี่เป็นกระทู้ที่สองของเราแล้ว ซึ่งกระทู้แรกได้รีวิวการไปเที่ยวเกาะเต่ามา
หากใครสนใจก็เข้าไปรับชมได้นะคะ https://pantip.com/topic/34086666
เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว airasia มีโปรโมชั่น big sale ออกมา มีหรือที่เราจะพลาด
จึงจัดหาวันเวลา และราคาที่เราคิดว่าโอเคที่สุด ซึ่งก็สรุปว่า
ได้ตั๋วไปกลับพิษณุโลก-ดอนเมือง ด้วยราคา 2200บาท/3คน
ไปกลับดอนเมือง-สุราษฎร์ธานี 1300บาท/3คน
แต่ๆๆๆ เราอยู่ที่สุราษฎร์ไม่ถึง 24 ชม. คือถึงสุราษฎร์ 12.40น. แล้ววันต่อไปกลับไฟล์ 11.25น.
มันเป็นทริปที่บ้ามาก 555 และก็โหดมากเช่นกัน แต่มันจะคุ้มหรือเปล่าลองให้ภาพเล่าเรื่องแล้วกันค่ะ
ภาพที่ได้มาจากกล้องมือถือของเราและโกโปรของน้องชาย
mirrorless ของเรามันเปิดไม่ได้กะทันหัน พอเปิดดูรูปแล้วมันค้าง เสียใจจัง
หน้าโหดไปหน่อยแต่ใจดี ถ้าไม่โกนหนวดเคราจะน่ากลัวมาก 555
ให้เดากันเองนะคะว่าคนไหน อิอิ
เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงจากสนามบินถึงเขื่อน ระยะทางประมาณ 60 ก.ม.
ส่วนค่าเรือเป็นเหมาจ่ายต่อลำ เค้าจะอยู่กับเราวันนึงเต็มๆเลยค่ะ ซึ่งระยะทางไปที่พักเรา
ราคา2500 บาท แต่ถ้าไปที่พักไกลกว่านี้ก็จะแพงขึ้นค่ะ
เสบียงพร้อม!!!
ข้างหลังสุดชื่อพี่เปรียว ใจดีมากค่ะ
สัญลักษณ์ของเขื่อนเชี่ยวหลาน ไม่มาถือว่ามาไม่ถึงนะคะ
แต่ยังไงเรือก็ต้องพามาอยู่แล้วค่ะ
ที่พักเรากับแพนางไพรไม่ห่างกันมาก เพราะเป็นแพของอุทยานเหมือนกัน
ซึ่งแพของอุทยานกับเอกชนเนี่ย จริงๆมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ในด้านความสะดวกสบาย
แต่เราว่าวิวที่พักของอุทยานดีกว่ามากเลย แล้วที่พักเค้าก็จะแจกถุงดำให้เราใส่ขยะกลับทุกชิ้น
บริเวณที่พักจึงสะอาดมากเลยค่ะ
แต่เราได้นอนในกระท่อม ห้องละ2 คน ฟินไปอีกแบบ 555
พระะอาทิตย์อย่าเพิ่งตกดินได้ไหม...เพ้อล่ะ 555
จากนั้นก็อาบน้ำและเตรียมตัวไปทานข้าวเย็นกันค่ะ
ที่นี่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ แยกหญิงชาย
แล้วเค้าจะปั่นไฟหลัง 6 โมงไปแล้ว แล้วจะตัดไฟตอน 4 ทุ่ม
ทางที่ดีควรชาร์ตเพาเวอร์แบงค์ไปเยอะๆเลย
กับข้าวเติมได้นะคะ ข้าวก็เติมได้ เรียกได้ว่าทานบุฟเฟ่กันเลยทีเดียว
นอนดูดาวกันสักพัก วันนั้นมีพระจันทร์ทรงกลดด้วยค่ะ แต่มือถือมันถ่ายแล้วไม่เห็น
นอนชมเมฆเคลื่อนไปมา เครื่องบินหลายเส้นทางบินผ่านเขื่อนนี้ด้วย
ได้เวลาเราก็กลับไปเม้ามอยหอยสังข์ ปาตี้กันหน้ากระท่อมสุดน่ารักของเรากันต่อ
แต่เสียดายที่เรากลับไฟล์เช้า ดังนั้นต้องรีบนอนเอาแรงเพราะต้องรีบตื่นค่ะ
เรานัดกับพี่เปรียวไว้ 7 โมงเช้าไปส่งกลับท่าเรือ
อาหารมื้อเช้าที่นี่เป็นข้าวต้มหมู ชา กาแฟ ขนมปัง อร่อยมากๆ ทานได้ไม่อั้นเช่นเคยค่ะ
แต่เรารีบมากจึงไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้
ค่าพักที่นี่ รวมอาหาร2 มื้อ ตกคนละ 700 บาทต่อคืน ถ้าใครมาถึงสายๆ
แล้วทานอาหารที่นี่ตอนกลางวัน เค้าก็จะเพิ่มอีกคนละ 200 บาท
แต่เพราะเป็นหน้าร้อน และฝนไม่ตกเมื่อคืน จึงไม่ค่อยมีหมอกเท่าไหร่
แต่โดยรวมเราว่าก็สวยนะ
อยู่ต่อเลยได้ไหม อย่าปล่อยให้ตัวฉันไป เธอก็รู้ทั้งหัวใจฉันอยู่ที่เธอหมดแล้วตอนนี้...
เพลงพี่สิงห์โตลอยมาเลยค่ะ
จริงๆ ที่นี่มีกิจกรรมอีกหลายอย่าง ทั้งเดินป่า ลอดถ้ำ นั่งเรือชมสัตว์ ถ้าใครมีเวลาไม่รีบร้อนจนเกินไปเหมือนเรา
ก็แนะนำนะคะ เพื่อนบอกว่าสนุกมาก
แต่เราก็อยากไปอีกนะ
ทริปนี้สั้นไปนิดนึงแต่ก็สนุกดีค่ะ
ครั้งแรกที่เชี่ยวหลาน หากข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี่ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น