ท่องเที่ยวเมืองย่างกุ้ง Ep.8

Ep.1 เริ่มต้นการเดินทาง
https://pantip.com/topic/36234589
Ep.2 เดินทางสู่เมืองพินอูลวิน
https://pantip.com/topic/36234818
Ep.3 ท่องเที่ยวเมืองพินอูลวิน
https://pantip.com/topic/36235583
Ep.4 เดินทางรถไฟสู่เมืองสีป้อ
https://pantip.com/topic/36236251
Ep.5 เที่ยวเมืองสีป้อเพื่อตามรอยสิ้นแสงฉาน
https://pantip.com/topic/36238528
Ep.6 เดินทางสู่รัฐฉานเหนือ ณ เมืองล่าเสี้ยว
https://pantip.com/topic/36242742
Ep.7 ท่องเที่ยวเมืองหงสาวดี
https://pantip.com/topic/36255768

หลังจากที่ห่างเหินการเขียนตอนจบหลายอาทิตย์ วันนี้ตั้งใจเขียนให้จบทริปการเดินทาง วันรุ่งขึ้นได้ให้แท็กซี่ที่ได้นัดไว้คืออังโก๊ะ (Aung ko) พาเที่ยวในย่างกุ้ง จุดแรกที่ไปคือวัดจ๊อกตอจี (พระหินอ่อน)

สถานที่ที่สองคือ วัดพระเขี้ยวแก้วจุฬามณี
หรือ วัดซเวตอเมียต หรือเมียด เซดอร์ (Swe Taw Myat, Buddha Tooth Relic Pagoda) วัดนี้พม่าใช้สถาปัตยกรรมโบราณพุกาม โดยรวมเอาสถาปัตยกรรมของพม่าในยุคต่างๆ มาผสมผสานเข้าด้วยกัน องค์เจดีย์เป็นทรงปราสาทแปดเหลี่ยม ปลายยอดเจดีย์ประดับด้วยทองคำแท้ภายในองค์เจดีย์ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร กลางโถงเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครั้งอัญเชิญมาจากประเทศจีน เป็นองค์เดียวกับที่เคยอัญเชิญมาที่พุทธมณฑล

สถานที่ที่สามคือ เจดีย์กาบาเอ
เป็นเจดีย์ทรงกลม ซึ่งมีทางเข้าทั้งหมดห้าด้าน ที่นายอูนุนายกคนแรกของพม่า สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎก เป็นที่แปลกตาอีกแห่งหนึ่ง และมีความสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านใน คำว่ากาบาเอ ในภาษาพม่า หมายถึง โลกแห่งสันติสุข สร้างขึ้นในปี 1952 เจดีย์แห่งนี้เป็นที่รำลึกถึงการประชุมประสภาสงฆ์ระดับโลก ครั้งที่ 6 เพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่ชาวโลกของพุทธศาสนา ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1954

สถานที่ที่สี่คือ พระพุทธไสยาสน์เจาทัตจี หรือพระนอนตาหวานที่คนไทยเรียกกัน
เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ

สถานที่ที่ห้าคือ วัดงาทัตจี
มีพระพุธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่องาทัตจี แปลว่า หลวงพ่อที่สูงเท่าตึก 5 ชั้น เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่แกะสลักจากหินอ่อน ทรงเครื่องแบบกษัตริย์  เครื่องทรงเป็นโลหะ ส่วนเครื่องประกอบด้านหลังจะเป็นไม้สักแกะสลักทั้งหมด และสลักป็นลวดลายต่างๆ จำลองแบบมาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยยะตะนะโบง (สมัยมัณฑเลย์)

สถานที่ที่หกคือ เจดีย์โบตะทาวน์(โบตะตาว) แปลว่า เจดีย์นายทหาร 1000นาย ตามตำนานเล่าขานว่า เมื่อราว 2000 ปีก่อน พระเจ้าโอกะลาปะ กษัตริย์มอญทรงบัญชาให้นายทหารระดับแม่ทัพตั้งแถวถวายสักการะแด่พระเกศาธาตุ ที่นายวาณิชสองพี่น้องอัญเชิญมาทางเรือและมาขึ้นฝั่งเมืองตะเกิงหรือดากอง ณ บริเวณนี้ จึงสร้างเจดีย์โบตะทาวน์ไว้เป็นที่ระลึก พร้อมทั้งแบ่งพระพุทธเกศา 1 เส้น มาบรรจุไว้ ก่อนนำไปบรรจุในมหาเจดีย์เวดากองและเจดีย์สำคัญอื่นๆ เจดีย์โบดาทาวน์จึงเป็นหนึ่งในมหาบูชาสถานของชาวมอญและพม่าเรื่อยมา จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่2 เครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดถล่มย่างกุ้ง ทำให้เจดีย์โบดาทาวน์องค์เดิมถูกทำลายพินาศ แต่ในระหว่างการบูรณะได้ค้นพบผอบทรงสถูปบรรจุพระเกศธาตุและพระบรมสารีริกธาตุ


จุดที่คนไทยมาไหว้สักการะกันมากเพื่อมาขอพรคือ เทพทันใจนัตโบโบยี


และอีกจุดหนึ่งที่คนไทยมาขอพรไม่แพ้กันคือเทพกระซิบเมี้ยะนานหน่วย

จากนั้นได้แวะเดินที่ตลาดสก็อต (โบจ๊กอองซาน)

สถานที่สุดท้ายที่ทุกคนต้องมา และเป็นจุดแลนด์มาร์ก นั่นคือ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง เป็นหนึ่งในห้า มหาบูชาสถานสูงสุดของพม่า

จะมีสถานที่กราบไหว้ตามทิศและรดน้ำพระประจำวันเกิด

แรงศรัทธาของคนพม่าที่มีต่อพระพุทธศาสนา

ในเวลาพลบค่ำ เป็นเวลาที่ผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้และชมความงดงามของเจดีย์ชเวดากองในยามค่ำคืน


จากนั้นก็กลับโรงแรม
เช้าวันต่อมาถึงเวลาที่ต้องเดินทางกลับประเทศไทยแล้วได้นัดให้อังโกะมารับที่โรงแรมเพื่อไปส่งที่สนามบิน ซึ่งได้จองเครื่องของสายการบินนกแอร์ไว้ ต้องไปที่เทอร์มินอล 2 เพื่อเช็คอินและเครื่องออกในเวลา 12.15 น.

จบทริปการเดินทาง 10 วันในพม่า ถือว่าเป็นการเดินทางยาวนาน ประทับใจในหลายๆอย่าง ทั้งสถานที่ ผู้คน อาหารการกิน ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาประเทศพม่าอีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่