แบงก์พาณิชย์ส่องสินเชื่อบ้านครึ่งปีแรกไม่สดใส "กรุงศรี" คาด ยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ไตรมาสแรกต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนหวั่นเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว หนี้รายย่อยยังอยู่ระดับสูง ด้าน "เกียรตินาคิน" ชี้สินเชื่อที่ให้ผู้ประกอบการอสังหาฯปีนี้ไม่ขยายตัวเหตุซัพพลายล้นตลาด กระทบการเปิดโครงการใหม่บางพื้นที่
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แนวโน้มการขอสินเชื่อบ้านในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ถือว่ายังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความต้องการสินเชื่อใหม่ยังไม่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวประกอบกับภาระหนี้ของรายย่อยที่ยังอยู่ในระดับสูงจึงยังเห็นการชะลอการซื้อบ้านใหม่ในขณะนี้ และคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1.6 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่าไตรมาส 4/2559 ทีระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 นี้ คาดยอดการปล่อยสินเชื่อบ้าน น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ประเมินว่าภายในครึ่งปีแรกธนาคารน่าจะปล่อยสินเชื่อบ้านได้สัดส่วน 35-40% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามคาดว่าการขอสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้เนื่องจากภาระหนี้จากรถยนต์คันแรกน่าจะทยอยหมดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งอาจทำให้เริ่มเห็นการกลับมาขอสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าส่วนนี้มากขึ้น
"สิ่งที่เราต้องดูอีกด้าน คือคุณภาพสินเชื่อที่ต้องดูแลเอ็นพีแอลต่อเนื่องไม่ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยผ่านการคัดกรองลูกค้าให้ดีตั้งแต่ต้น เช่น การดูหนี้สินต่อรายได้ที่ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถคุมเอ็นพีแอลไว้ได้ที่ 2.5% ใกล้เคียงปีก่อน ส่วนกลุ่มลูกค้าเราไม่ได้เน้นเป็นพิเศษว่าต้องเป็นกลุ่มไหน เพียงแค่มีเงินเดือน 1.5 หมื่นต่อเดือนก็กู้ได้ แต่ลูกค้าก็ต้องดีระดับหนึ่งเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา" นายณัฐพลกล่าว
นางสุวรรณี วัธนเวคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาพรวมยอดปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลลอปเปอร์) ในปีนี้คาดว่ายอดคงค้างน่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับสิ้นปี 2559 ที่อยู่1.7-1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากโครงการอสังหาฯต่างๆ ยังมีปริมาณล้นตลาดอยู่ ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯชะลอก่อสร้างในบางพื้นที่ลง อย่างไรก็ตามธนาคารก็ยังเปิดรับลูกค้าใหม่ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
"ถ้าเป็นพรีไฟแนนซ์ (สินเชื่อปล่อยให้ดีเวลลอปเปอร์) ดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในส่วนของเกียรตินาคิน เราจะมีทีมช่วยบริหารสินเชื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น ลูกค้าที่ต้องการกู้เงิน 200 ล้านบาท แต่เฟสแรกต้องการใช้เพียง 30 ล้านบาท ส่วนอีก 170 ล้านบาทที่ยังไม่ใช้ ก็แนะนำให้ลูกค้าเราไปลงทุน เช่น พันธบัตรหรืออื่น ๆ เพื่อพักช่วงเงินไว้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้" นางสุวรรณีกล่าว
ส่วนด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (postfinance)ในปีนี้ คาดว่าจะมียอดอนุมัติอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากช่วง 3 เดือนแรก ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 1.5 พันล้านบาท
ส่วนด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล ธนาคารตั้งเป้าคุมไว้ไม่เกิน 5.2% ลดลงจากปี 2559 ที่อยู่ระดับ 5.6% หลังจากที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงมาโดยตลอด
นางสุวรรณีกล่าวต่อว่าส่วนภาพรวมการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ปีนี้นั้น กลุ่มแนวโน้มบ้านแนวราบดูดีขึ้น แต่คอนโดฯยังมีซัพพลายเหลือจำนวนมาก จนทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาจจะชะลอโครงการ ส่งผลให้ภาพรวมยอดการปล่อยสินเชื่ออสังหาฯทั้งระบบยังมีทิศทางทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน ประกอบกับธนาคารยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ แม้จะไม่มีการปรับเกณฑ์การขอสินเชื่อให้เข้มข้นขึ้น แต่คนที่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้มีน้อยลงโดยเฉพาะคนที่มีอัตราหนี้ต่อรายได้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี...ซี้จุกสูญ ครึ่งปีแรกสินเชื่อบ้านไม่กระเตื้อง แบงก์โอดยอดกู้หดชี้ "รายย่อยหนี้พุ่ง-คอนโดฯล้น"
นายณัฐพล ลือพร้อมชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า แนวโน้มการขอสินเชื่อบ้านในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ถือว่ายังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความต้องการสินเชื่อใหม่ยังไม่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวประกอบกับภาระหนี้ของรายย่อยที่ยังอยู่ในระดับสูงจึงยังเห็นการชะลอการซื้อบ้านใหม่ในขณะนี้ และคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำได้ 1.6 หมื่นล้านบาท และต่ำกว่าไตรมาส 4/2559 ทีระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 นี้ คาดยอดการปล่อยสินเชื่อบ้าน น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกปีนี้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้ประเมินว่าภายในครึ่งปีแรกธนาคารน่าจะปล่อยสินเชื่อบ้านได้สัดส่วน 35-40% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามคาดว่าการขอสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้เนื่องจากภาระหนี้จากรถยนต์คันแรกน่าจะทยอยหมดมากขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกซึ่งอาจทำให้เริ่มเห็นการกลับมาขอสินเชื่อจากกลุ่มลูกค้าส่วนนี้มากขึ้น
"สิ่งที่เราต้องดูอีกด้าน คือคุณภาพสินเชื่อที่ต้องดูแลเอ็นพีแอลต่อเนื่องไม่ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยผ่านการคัดกรองลูกค้าให้ดีตั้งแต่ต้น เช่น การดูหนี้สินต่อรายได้ที่ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งจะทำให้สามารถคุมเอ็นพีแอลไว้ได้ที่ 2.5% ใกล้เคียงปีก่อน ส่วนกลุ่มลูกค้าเราไม่ได้เน้นเป็นพิเศษว่าต้องเป็นกลุ่มไหน เพียงแค่มีเงินเดือน 1.5 หมื่นต่อเดือนก็กู้ได้ แต่ลูกค้าก็ต้องดีระดับหนึ่งเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา" นายณัฐพลกล่าว
นางสุวรรณี วัธนเวคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน กล่าวว่า ภาพรวมยอดปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ให้กับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ (ดีเวลลอปเปอร์) ในปีนี้คาดว่ายอดคงค้างน่าจะทรงตัวใกล้เคียงกับสิ้นปี 2559 ที่อยู่1.7-1.8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากโครงการอสังหาฯต่างๆ ยังมีปริมาณล้นตลาดอยู่ ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯชะลอก่อสร้างในบางพื้นที่ลง อย่างไรก็ตามธนาคารก็ยังเปิดรับลูกค้าใหม่ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง
"ถ้าเป็นพรีไฟแนนซ์ (สินเชื่อปล่อยให้ดีเวลลอปเปอร์) ดอกเบี้ยเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ ในส่วนของเกียรตินาคิน เราจะมีทีมช่วยบริหารสินเชื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น ลูกค้าที่ต้องการกู้เงิน 200 ล้านบาท แต่เฟสแรกต้องการใช้เพียง 30 ล้านบาท ส่วนอีก 170 ล้านบาทที่ยังไม่ใช้ ก็แนะนำให้ลูกค้าเราไปลงทุน เช่น พันธบัตรหรืออื่น ๆ เพื่อพักช่วงเงินไว้ เพื่อลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้" นางสุวรรณีกล่าว
ส่วนด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับรายย่อย (postfinance)ในปีนี้ คาดว่าจะมียอดอนุมัติอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากช่วง 3 เดือนแรก ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อใหม่ไปแล้ว 1.5 พันล้านบาท
ส่วนด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล ธนาคารตั้งเป้าคุมไว้ไม่เกิน 5.2% ลดลงจากปี 2559 ที่อยู่ระดับ 5.6% หลังจากที่ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงมาโดยตลอด
นางสุวรรณีกล่าวต่อว่าส่วนภาพรวมการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ปีนี้นั้น กลุ่มแนวโน้มบ้านแนวราบดูดีขึ้น แต่คอนโดฯยังมีซัพพลายเหลือจำนวนมาก จนทำให้ผู้ประกอบการบางรายอาจจะชะลอโครงการ ส่งผลให้ภาพรวมยอดการปล่อยสินเชื่ออสังหาฯทั้งระบบยังมีทิศทางทรงตัวใกล้เคียงปีก่อน ประกอบกับธนาคารยังคงมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อใหม่ แม้จะไม่มีการปรับเกณฑ์การขอสินเชื่อให้เข้มข้นขึ้น แต่คนที่ผ่านเกณฑ์ที่ตั้งไว้มีน้อยลงโดยเฉพาะคนที่มีอัตราหนี้ต่อรายได้สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด