พี่: ทำๆ ไปเหอะ ไม่ต้องบ่น
---
คำพูดของพี่ผู้จัดการประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวมาตลอด 4 ปี
4 ปีที่ดิ้นทุรนทุรายตลอดเวลา เพราะอยู่ไม่ได้กับการทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ใครต่อใครก็กรอกหูจนจะทะลุแล้วว่า ทำๆ ไปเหอะ ไม่ต้องคิดมาก แต่ก็พยายามวิ่งหนีไปทำอย่างอื่นแทนตลอด คืออยู่กับปัจจุบันไม่ได้เลย
จนกระทั่งมาค้นพบว่าเวลาที่แค่ทำๆ บางอย่างไป แบบที่ไม่ต้องตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่มโหฬารเกินตัว ผลที่ออกมามันเกินคาดตลอด ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาจำใจทำซะด้วยซ้ำ แบบที่ว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องพูดกับตัวเองว่า "โอ้ว ถึงระดับนี้แล้วหรอเนี่ย? สุดยอดจริงๆ เรา"
เวลาที่ไม่ไปจดจ้องกับอะไรมากเกิน ผลที่งอกเงยออกมามันยิ่งใหญ่เสมอ คงจะเป็นการที่ไม่ได้ไปยึดติดกับผลลัพธ์จนมองข้ามกระบวนการ มันเลยทำให้เราไปโฟกัสที่กระบวนการแทน สุดท้ายผลจึงงอกงามออกมา
เวลาที่เราโฟกัสที่ผลลัพธ์ เราจะมองข้ามสิ่งรอบตัว แม้กระทั่งรายละเอียดที่สำคัญที่จะพาไปสู่เป้าหมาย สุดท้ายถึงที่เป้าหมาย ก็แค่นั้น แล้วยังไงต่อ?
เวลาที่เราโฟกัสที่ช่วงระหว่างการเดินทาง เราจะได้ประสบกับทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ จนกระทั่งเดินไปถึงเป้าหมาย นั่นคือ ความสวยงามของชีวิตที่แท้จริง
คืนนี้นั่งโหลดเพลงไทยให้คุณน้าที่กำลังจะเปิดร้านสปา โหลดไป เปิดไป เพิ่งค้นพบว่าเราสองคนหัวโบราณเหมือนกัน ก็ขำ นั่งฟังเพลงของวินัย จุลละบุษปะ แล้วก็ซื้อขนมมากินมานั่งคุยกัน
ที่จริงมาไต้หวันครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรพิเศษเลย ทีแรกแค่มารอร่วมงานแต่งงานของลูกศิษย์ที่รู้จักกันมาหลายปี 2 คนตอนกลางเดือน ใครจะรู้ว่าเราจะได้มาเพิ่มมูลค่าให้คนรอบตัว
1. ช่วยซัพพอร์ตคุณน้าเปิดธุรกิจใหม่ เดี๋ยวจะช่วยแกทำแฟนเพจร้านสปา
2. สอนน้องชายทำธุรกิจส่งออกสไตล์บ้านๆ แล้วเอากำไรให้ตี๋มันเก็บเป็นค่าประสบการณ์เอง พอดีมีคนสั่งของเข้ามา
3. เกิดไอเดียทำขนมที่น่าจะอร่อย 555 (พูดถึงทำอาหารแล้วสมองแล่น)
《ชีวิตใหม่ ที่ ไทเป: The Beginning》ตอนที่ 6
---
คำพูดของพี่ผู้จัดการประโยคนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวมาตลอด 4 ปี
4 ปีที่ดิ้นทุรนทุรายตลอดเวลา เพราะอยู่ไม่ได้กับการทนทำในสิ่งที่ไม่ชอบ ใครต่อใครก็กรอกหูจนจะทะลุแล้วว่า ทำๆ ไปเหอะ ไม่ต้องคิดมาก แต่ก็พยายามวิ่งหนีไปทำอย่างอื่นแทนตลอด คืออยู่กับปัจจุบันไม่ได้เลย
จนกระทั่งมาค้นพบว่าเวลาที่แค่ทำๆ บางอย่างไป แบบที่ไม่ต้องตั้งเป้าหมายยิ่งใหญ่มโหฬารเกินตัว ผลที่ออกมามันเกินคาดตลอด ทั้งๆ ที่ตลอดเวลาจำใจทำซะด้วยซ้ำ แบบที่ว่าพอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องพูดกับตัวเองว่า "โอ้ว ถึงระดับนี้แล้วหรอเนี่ย? สุดยอดจริงๆ เรา"
เวลาที่ไม่ไปจดจ้องกับอะไรมากเกิน ผลที่งอกเงยออกมามันยิ่งใหญ่เสมอ คงจะเป็นการที่ไม่ได้ไปยึดติดกับผลลัพธ์จนมองข้ามกระบวนการ มันเลยทำให้เราไปโฟกัสที่กระบวนการแทน สุดท้ายผลจึงงอกงามออกมา
เวลาที่เราโฟกัสที่ผลลัพธ์ เราจะมองข้ามสิ่งรอบตัว แม้กระทั่งรายละเอียดที่สำคัญที่จะพาไปสู่เป้าหมาย สุดท้ายถึงที่เป้าหมาย ก็แค่นั้น แล้วยังไงต่อ?
เวลาที่เราโฟกัสที่ช่วงระหว่างการเดินทาง เราจะได้ประสบกับทั้งสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ จนกระทั่งเดินไปถึงเป้าหมาย นั่นคือ ความสวยงามของชีวิตที่แท้จริง
คืนนี้นั่งโหลดเพลงไทยให้คุณน้าที่กำลังจะเปิดร้านสปา โหลดไป เปิดไป เพิ่งค้นพบว่าเราสองคนหัวโบราณเหมือนกัน ก็ขำ นั่งฟังเพลงของวินัย จุลละบุษปะ แล้วก็ซื้อขนมมากินมานั่งคุยกัน
ที่จริงมาไต้หวันครั้งนี้ไม่ได้มีเป้าหมายอะไรพิเศษเลย ทีแรกแค่มารอร่วมงานแต่งงานของลูกศิษย์ที่รู้จักกันมาหลายปี 2 คนตอนกลางเดือน ใครจะรู้ว่าเราจะได้มาเพิ่มมูลค่าให้คนรอบตัว
1. ช่วยซัพพอร์ตคุณน้าเปิดธุรกิจใหม่ เดี๋ยวจะช่วยแกทำแฟนเพจร้านสปา
2. สอนน้องชายทำธุรกิจส่งออกสไตล์บ้านๆ แล้วเอากำไรให้ตี๋มันเก็บเป็นค่าประสบการณ์เอง พอดีมีคนสั่งของเข้ามา
3. เกิดไอเดียทำขนมที่น่าจะอร่อย 555 (พูดถึงทำอาหารแล้วสมองแล่น)