สวัสดีชาวพันทิปทุกคนค่ะ

ขอแบ่งปันเรื่องการเดินทางเที่ยวอยุธยาครั้งแรกกับรถไฟไทยค่ะ (เหมาะมากกับคนที่ไม่เคยขึ้นรถไฟ หรือขึ้นเป็นครั้งแรก)
เช้าวันเสาร์: เดินทางไปสถานีรถไฟบางซื่อพอถึงแล้วก็ไปรอต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟชั้นประหยัด ราคา 20บาท/คน
(แนะนำว่าออกตอนเช้าหน่อยนะคะ และถ้าใครซื้อผ่านออนไลน์ก็ดีกว่านะ เพราะราคาถูกกว่าซื้อหน้าสถานีค่ะ)
..แต่เราอยากซื้อที่สถานีมันได้ Feel ของการเดินทาง..

หลังเสร็จสิ้นภาระกิจซื้อตั๋วรถไฟชั้น3 แล้วก็เดินไปดูบอร์ดใหญ่ๆที่ระบุขบวนรถไฟว่ามีอะไรบางลองศึกษาดู
ตั๋วเวลา 8:40 ถึง 9:41 น.
ระหว่างรอก็เดินเล่นถ่ายภาพไปสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศ รถไฟกำลังเข้าจอดชานชลาที่ 3
ตอนนั้นมองหาป้ายตัวเลขเลยเพื่อรอขึ้นรถไฟ
แต่เเล้วก็"ขุ่นพระ!! คนเยอะจริงๆนี่เรามาเช้าแล้วนะเนี่ย555"
พอขึ้นมาบนรถไฟก็ไม่เห็นอะไรนอกจากราวจับเพราะคนเยอะมาก
สรุปคือ..ยืนตั้งแต่สถานีบางซื่อ จนถึงอยุธยา (ต้องอึดมากเลยนะเรา)

555
...คนนะไม่ใช่พระอิฐ พระปูน...
ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาเช็คตั๋ว คนที่มาไกลกว่าเค้าก็ได้นั่งไป ช่วงนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากในตู้ 3ของฉัน !!นั้นเตอะ...
และเเล้วรถไฟก็จอดไปตามสถานี ประมาณ3-4สถานี จากนั้นก็วิ่งต่อไป แต่คนกลับเพิ่มมากขึ้น..
(ภาพถ่ายระหว่างทางไม่มีเลย ได้แต่ดูทุ่งนาและหุ่นไล่กา ก็เป็นบรรยากาศที่ดีไปอีกแบบหนึ่งค่ะ)
ยืนมองดูนาฬิกาไปเรื่อยๆ รถไฟก็วิ่งในระดับความเร็วที่เร็วสุดๆ (นี่ไม่ใช่เรือหางยาวใช่ไหม)
*ก่อนมาควรนอนให้อิ่ม และฝึกยืนนานๆเพื่อร่างกายที่แข็งเเรง :มั้งนะ

พอถึง 9:50 ก็เริ่มได้ยินเสียงจอดที่สถานีอยุธยา ถึงสักที..!!!!

ตอนนั้นไม่คิดอะไร นอกจากไปห้องน้ำเพื่อล้างมือ ล้างหน้า อากาศตอนนั่งรถไฟไม่ได้ร้อนแต่มันอบอ้าวไปนิด..!!แฮร่
หลังจากล้างมือ ล้างหน้าแล้วก็เดินไปตามคนอื่นๆ จนถึงที่เค้าเเจกแผนที่ฟรี ให้กับนักท่องเที่ยว
v.v เราก็เดินไปหยิบแล้วก็เสียงของลุงๆ ป้าๆทั้งหลายที่เรียกให้เราไปใช้บริการรถกระป๋อง แต่เราไม่ได้สนใจเดินต่อไปเพื่อหารถจักรยานเช่า
ออกจากสถานีรถไฟเดินข้ามถนนไปเลยแถวนั้นจะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่
ให้เดินตรงไปตามทางที่เข้าเขียนป้ายว่าทางลงเรือข้ามฝั่ง
ถ้าไม่เห็นให้สังเกตว่าจะมีร้านให้เช่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์อยู่ ราคาพอๆกัน
แนะนำว่าอย่าเช่าเลยคะ เพราะมีให้เช่าอีกฝั่งหนึ่ง
ข้อดีคือ ราคาไม่เเพง เเละไม่ต้องจูงลงเรือด้วย (มันลำบากมากนะบอกก่อน)
พอเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอป้ายเขียนว่า"ท่าเรือโดยสารอยุธยา"
เราก็จ่ายเงินค่าเรือโดยสาร 5บาท/คน (และรอจนกว่าเรือจะมา ไม่ถึงนาทีค่ะ)

พอเรือมาเล้วก็ลงไปนั่งเลย คนขับเรือก็จะรอผู้โดยสารตามจำนวน จากนั้นก็ข้ามฝั่ง แค่1นาทีเท่านั้น

เรือจอดเทียบท่าแล้วเดินขึ้นบันไดไปจะเจอร้านเช่ารถจักรยาน และมอเตอร์ไซค์ร้านเเรกเลยค่ะ
เราก็เดินเข้าไปถามราคา เค้าก็ให้แผนที่เรามาอีกใบ

ตอนนั้นพอเห็นแผนที่เเล้ว สติมาทันที.. ตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ ราคาคันละ200 บาท ทั้งวันเลยนะ
พี่เจ้าของร้านเค้าเเนะนำรุ่น ฮอนด้าคลิกให้มีน้ำมันอยู่ครึ่งถัง พี่เค้าบอกไม่ต้องเติมน้ำมันให้
มันพอเพราะรถสุดแสนประหยัดระบบไฮบริดนะจ๊ะ
*เช่ามอเตอร์ไซค์ ต้องมีบัตรประชาชน และ ใบขับขี่ด้วยนะค่ะ
พอจ่ายเงินเสร็จพี่เค้าก็อธิบายแผนที่ แต่เราก็งงสุดๆ เพราะไม่เคยมาอยุธยา เลยลองเปิด Google Map (ไม่ได้ช่วยสักนิดค่ะ)
ก็อาศัยการสังเกตป้าย และดูแผนที่ช่วย ขับมาได้สักพักก็ถึงวัดมหาธาตุ จอดรถและล็อคล้อด้วยกุญเเจอย่างดี
เดินเข้าไปในวัดเลยคะจะมีของกินอร่อยๆ พวกน้ำผลไม้ หรือพวกของฝากเหมือนเชียงใหม่เยอะค่ะ ราคาไม่เเพงเลย
บางอ้อทันทีว่า..วันหยุดไม่เสียเงินค่าเข้า (Lucky Me)
(แนะนำใครมาเที่ยววัดในอยุธยาให้มาวันหยุดนะค่ะ ไม่เสียเงินค่าเข้า)
>>> เข้าวัดแล้วของกินอย่าทิ้งนะคะ เพราะในวัดไม่มีถังขยะ ควรทานก่อนเข้าชมหรือเก็บติดตัวไว้ก่อนค่ะ<<<
นี่คือวัดมหาธาตุค่ะ

เข้ามาถึงวัดก็เดินดูรอบๆก่อนเลย ถ่ายภาพบันทึกความทรงจำ แต่ได้ความรู้สึกที่ประทับใจมากถึงกับนั่งลงกับพื้นแล้วเอามือถูกับดิน
สมัยนั้นจะเป็นยังไง เราคงอยากเห็นภาพของจริงที่ไม่ใช่เพียงแค่ในภาพยนต์หรือจินตนาการเนอะ...
เราตั้งใจมากกับการมาไหว้พระเพื่อเป็นศิรมงคลแก่ครอบครัว และเป็นสถานที่ที่คนไทยทุกคนควรมาสักการะ บูชานะ ...สาธุๆ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวและถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกเยอะมากจริงๆ

จากนั้นเราก็เก็บภาพสถานที่ เพื่อเป็นที่ระลึกเช่นเดียวกัน เดินไปไม่มีเหนื่อยมีแต่ความประทับใจและคุ้มค่าที่สุด

ความบังเอิญเจอพิธีกรรายการญี่ปุ่นมาถ่ายทำรายการท่องเที่ยว หลบกล้องกันแถบไม่ทัน

พอเดินรอบวัดได้สักพักฝนก็ตกลงมา เลยต้องเดินออกจากวัดเพื่อหาที่หลบฝน
เลยตัดสินใจไปต่อสถานที่อีกแห่ง "คือ วัดธรรมมิกราช"
ขับรถออกจากวัดมหาธาตุ เหมือนฟ้าฝนเป็นใจ ตกเบาลง "ปลื้มจิต"
พอถึงวัดก็เดินเข้าไปบูชาธูปเทียน เเละดอกดาวเรืองที่เป็นพวกมาลัย (ค่าบูชาตามจิตศรัทธาค่ะ)
ไปสักการะพระนเรศวรมหาราช บริเวณลานมีไก่ชนที่เป็นรูปปั้นเยอะมาก บางคนก็บูชารูปปั้นไก่ชนมาถวายนะ
(รูปปั้นไก่มีบูชาที่ธูปเทียน และดอกไม้ค่ะ)
...เรียบร้อยแล้วก็ออกมาบูชาเเผ่นกระเบื้องเพื่อนำไปบูรณะ แผ่นละ 20บาท...
จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในวิหารเพื่อกราบไหว้พระนอนองค์ใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเดินทางค่ะ

ในวิหารจะมีหลวงพ่อมาให้พรและรดน้ำมนต์ค่ะ (ไม่ได้เดินชมรอบวัด เพราะฝนตกค่ะ)
เดินออกจากวัดเพื่อไปยัง"วัดหน้าพระเมรุ" ต่อกันเลย
วัดนี้จะมีพระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่มีชื่อว่า "พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ"

และ พระนำมาจากประเทศอินเดีย มีชื่อว่า "พระคันธารราฐ"

จากนั้นก็ขับรถไปยัง"วิหารพระมงคลบพิตร" แต่พอถึงก็ไม่ได้เข้าไปค่ะเค้าทำการปิดปรับปรุง
เลยขับรถไปข้างหน้าต่อเผื่อว่ามีสถานที่ใหม่ความโชคดีมีอยู่จริง เจอลานเเสดงช้างพอดีค่ะ เลยจอดรถแวะถ่ายรูปหน่อย

จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาอาหารเที่ยงทาน ซึ่งความจริงมัน 13:00 น.แล้ว แถววัดไม่มีร้านอาหารนะค่ะวันหยุด ต้องขับรถไปหาทานเอง
แนะนำว่าถ้าไม่รู้เส้นทางให้ไปทานที่ตลาดน้ำอโยธยากันเลย อาหารอร่อย ราคาไม่แพงเลยค่ะ ... Go ...!!
(แนะนำสำหรับคนที่ไปตลาดน้ำอโยธยาไม่ให้หลง ให้สอบถามคนเเถวนั้นหรือไม่ก็ก่อนออกจากวัดถามแม่ค้าแถวนั้นดูคะ)
ถึงแล้วตลาดน้ำอโยธยา ค่าจอดมอเตอร์ไซค์ 10บาท/คัน ทางเข้าตลาดน้ำอโยธยาจะมีเรือเป็นสัญญาลักษณ์

เดินเข้าไปตามทางเดิน ถ้าคนเยอะช่วงเเรกทางจะเเคบมากค่ะ ของกินเล่นเพียบเลย
ของฝากเยอะเเยะไปหมด ทางเดินจะมีเเยกเดินขึ้นสะพานค่ะตลาดทางมีของทานเยอะ

ราคาอาหารของทานเล่นก็อยู่ในระดับจ่ายได้สบายมากเริ่มต้นที่ 25ขึ้นไปค่ะ สำหรับอาหารค่ะ
ขึ้นชื่อก็ต้องเป็น โรตี สายไหม....ของอยุธยาเค้าเลย (ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นไม่รวมในการเดินทางนะค่ะ แล้วแต่แต่ละคนค่ะ)
ฝนก็ยังไม่หยุดตกค่ะ ไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เปียกได้ 5555
เดินเล่นสักพักในตลาดจะมีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ เรียกลูกค้าอะไรทำนองนั้น
แต่เราไม่เข้าไปนะเราเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน
จะอยู่ตรงด้านทางออกของลานจอดรถ มี 2ร้าน เราเลือกร้านที่ใกล้กับร้านขายของฝาก อร่อยมากเลย ไม่เเพงด้วย
ชอบบรรยากาศนั่งชิว คุยกันเรื่องวันนี้ ก๋วยเตี๋ยว 25บาทค่ะ น้ำซื้อมาเองจะดี เพราะที่นี่น้ำเปล่าขวดละ10 บาท
อิ่มแปร่....<<
พร้อมออกเดินทางต่อแล้ว ไปเที่ยวต่อที่หมู่บ้านญี่ปุนค่ะ ระหว่างทางไปหมู่บ้านมีร้านก๋วยเตี๋ยวเยอะค่ะ จะอยู่ตรงทางออกตลาดพอดี
(มีเวลาเหลือก็เเวะเลยค่ะ บอกก่อนนะวันเดียวเที่ยวไม่หมด อยุธยากว้างจริงๆค่ะ)
ขับรถมาเจอร้านข้างทางขายไหมย้อมสี จอดรถถามทางก็ได้คำตอบชัดเจนดีค่ะ (การถามทางทำให้ถึงจุดหมายไวขึ้นนะจ๊ะ)
ระหว่างทางเจอบ้านคนเยอะเเยะ อยู่กันแบบเรียบง่าย ถนนสะอาดมาก และคนที่นี้ขับรถไม่เร็วเลยค่ะ รู้สึกปลอดภัย
ยกเว้นตัวเมืองทางขึ้นสะพานข้ามรถไฟต้องระมัดระวังค่ะ
ก่อนถึงหมู่บ้านญี่ปุ่น เจอวัดพนัญเชิงวรวิหาร แต่ยังไม่ได้เข้าค่ะ รีบไปหมู่บ้านญี่ปุ่นก่อนกลัวปิดคะ
ถึงแล้ว .... หมู่บ้านญี่ปุ่น เรื่องราวที่จะทำให้คนไทยคิดถึงญี่ปุ่นในเรื่องราวดีๆ

จอดรถแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วที่ข้างประตูทางเข้าค่ะ ราคา ผู้ใหญ่-คนทั่วไป50บาท นักศึกษา 20 บาท
เดินเข้าไปชมเรื่องราวจาก วีดีทัศน์ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นในสมัยที่ประเทศไทยและญี่ปุ่นค้าขายด้วยกัน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรแวะมาเยี่ยมชมได้นะค่ะ แต่ช่วงที่ไปเค้าปรับเปลี่ยนสถานที่โดยรอบอยู่ค่ะ แต่ภาพรวมดีมากเลยค่ะ

มีสวนให้เดินพักผ่อน มีลานประชุมกว้างมากค่ะ บริเวณติดหมู่บ้านมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เเล่นผ่าน
ถือว่าทำเลดีทีเดียว แต่ก็เคยประสบปัญหาน้ำท่วมนะค่ะที่หมู่บ้านญี่ปุ่น เเต่การอนุรักษ์ทำให้ไม่มีร่องรอยเลยค่ะ

หมดเวลาเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านญี่ปุ่นแล้วค่ะ
ต่อตอนที่2 นะค่ะ >>
https://pantip.com/topic/36309349
[CR] เที่ยวอยุธยาด้วยรถไฟ เงินเหลือสบายกระเป๋า
ขอแบ่งปันเรื่องการเดินทางเที่ยวอยุธยาครั้งแรกกับรถไฟไทยค่ะ (เหมาะมากกับคนที่ไม่เคยขึ้นรถไฟ หรือขึ้นเป็นครั้งแรก)
เช้าวันเสาร์: เดินทางไปสถานีรถไฟบางซื่อพอถึงแล้วก็ไปรอต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟชั้นประหยัด ราคา 20บาท/คน
(แนะนำว่าออกตอนเช้าหน่อยนะคะ และถ้าใครซื้อผ่านออนไลน์ก็ดีกว่านะ เพราะราคาถูกกว่าซื้อหน้าสถานีค่ะ)
..แต่เราอยากซื้อที่สถานีมันได้ Feel ของการเดินทาง..
หลังเสร็จสิ้นภาระกิจซื้อตั๋วรถไฟชั้น3 แล้วก็เดินไปดูบอร์ดใหญ่ๆที่ระบุขบวนรถไฟว่ามีอะไรบางลองศึกษาดู
ตั๋วเวลา 8:40 ถึง 9:41 น.
ระหว่างรอก็เดินเล่นถ่ายภาพไปสักพักก็ได้ยินเสียงประกาศ รถไฟกำลังเข้าจอดชานชลาที่ 3
ตอนนั้นมองหาป้ายตัวเลขเลยเพื่อรอขึ้นรถไฟ
แต่เเล้วก็"ขุ่นพระ!! คนเยอะจริงๆนี่เรามาเช้าแล้วนะเนี่ย555"
พอขึ้นมาบนรถไฟก็ไม่เห็นอะไรนอกจากราวจับเพราะคนเยอะมาก
สรุปคือ..ยืนตั้งแต่สถานีบางซื่อ จนถึงอยุธยา (ต้องอึดมากเลยนะเรา)
...คนนะไม่ใช่พระอิฐ พระปูน...
ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่มาเช็คตั๋ว คนที่มาไกลกว่าเค้าก็ได้นั่งไป ช่วงนั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะมากในตู้ 3ของฉัน !!นั้นเตอะ...
และเเล้วรถไฟก็จอดไปตามสถานี ประมาณ3-4สถานี จากนั้นก็วิ่งต่อไป แต่คนกลับเพิ่มมากขึ้น..
(ภาพถ่ายระหว่างทางไม่มีเลย ได้แต่ดูทุ่งนาและหุ่นไล่กา ก็เป็นบรรยากาศที่ดีไปอีกแบบหนึ่งค่ะ)
ยืนมองดูนาฬิกาไปเรื่อยๆ รถไฟก็วิ่งในระดับความเร็วที่เร็วสุดๆ (นี่ไม่ใช่เรือหางยาวใช่ไหม)
*ก่อนมาควรนอนให้อิ่ม และฝึกยืนนานๆเพื่อร่างกายที่แข็งเเรง :มั้งนะ
พอถึง 9:50 ก็เริ่มได้ยินเสียงจอดที่สถานีอยุธยา ถึงสักที..!!!!
ตอนนั้นไม่คิดอะไร นอกจากไปห้องน้ำเพื่อล้างมือ ล้างหน้า อากาศตอนนั่งรถไฟไม่ได้ร้อนแต่มันอบอ้าวไปนิด..!!แฮร่
หลังจากล้างมือ ล้างหน้าแล้วก็เดินไปตามคนอื่นๆ จนถึงที่เค้าเเจกแผนที่ฟรี ให้กับนักท่องเที่ยว
v.v เราก็เดินไปหยิบแล้วก็เสียงของลุงๆ ป้าๆทั้งหลายที่เรียกให้เราไปใช้บริการรถกระป๋อง แต่เราไม่ได้สนใจเดินต่อไปเพื่อหารถจักรยานเช่า
ออกจากสถานีรถไฟเดินข้ามถนนไปเลยแถวนั้นจะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่
ให้เดินตรงไปตามทางที่เข้าเขียนป้ายว่าทางลงเรือข้ามฝั่ง
ถ้าไม่เห็นให้สังเกตว่าจะมีร้านให้เช่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์อยู่ ราคาพอๆกัน
แนะนำว่าอย่าเช่าเลยคะ เพราะมีให้เช่าอีกฝั่งหนึ่ง
ข้อดีคือ ราคาไม่เเพง เเละไม่ต้องจูงลงเรือด้วย (มันลำบากมากนะบอกก่อน)
พอเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอป้ายเขียนว่า"ท่าเรือโดยสารอยุธยา"
เราก็จ่ายเงินค่าเรือโดยสาร 5บาท/คน (และรอจนกว่าเรือจะมา ไม่ถึงนาทีค่ะ)
พอเรือมาเล้วก็ลงไปนั่งเลย คนขับเรือก็จะรอผู้โดยสารตามจำนวน จากนั้นก็ข้ามฝั่ง แค่1นาทีเท่านั้น
เรือจอดเทียบท่าแล้วเดินขึ้นบันไดไปจะเจอร้านเช่ารถจักรยาน และมอเตอร์ไซค์ร้านเเรกเลยค่ะ
เราก็เดินเข้าไปถามราคา เค้าก็ให้แผนที่เรามาอีกใบ
ตอนนั้นพอเห็นแผนที่เเล้ว สติมาทันที.. ตัดสินใจเช่ามอเตอร์ไซค์ ราคาคันละ200 บาท ทั้งวันเลยนะ
พี่เจ้าของร้านเค้าเเนะนำรุ่น ฮอนด้าคลิกให้มีน้ำมันอยู่ครึ่งถัง พี่เค้าบอกไม่ต้องเติมน้ำมันให้
มันพอเพราะรถสุดแสนประหยัดระบบไฮบริดนะจ๊ะ
*เช่ามอเตอร์ไซค์ ต้องมีบัตรประชาชน และ ใบขับขี่ด้วยนะค่ะ
พอจ่ายเงินเสร็จพี่เค้าก็อธิบายแผนที่ แต่เราก็งงสุดๆ เพราะไม่เคยมาอยุธยา เลยลองเปิด Google Map (ไม่ได้ช่วยสักนิดค่ะ)
ก็อาศัยการสังเกตป้าย และดูแผนที่ช่วย ขับมาได้สักพักก็ถึงวัดมหาธาตุ จอดรถและล็อคล้อด้วยกุญเเจอย่างดี
เดินเข้าไปในวัดเลยคะจะมีของกินอร่อยๆ พวกน้ำผลไม้ หรือพวกของฝากเหมือนเชียงใหม่เยอะค่ะ ราคาไม่เเพงเลย
บางอ้อทันทีว่า..วันหยุดไม่เสียเงินค่าเข้า (Lucky Me)
(แนะนำใครมาเที่ยววัดในอยุธยาให้มาวันหยุดนะค่ะ ไม่เสียเงินค่าเข้า)
>>> เข้าวัดแล้วของกินอย่าทิ้งนะคะ เพราะในวัดไม่มีถังขยะ ควรทานก่อนเข้าชมหรือเก็บติดตัวไว้ก่อนค่ะ<<<
นี่คือวัดมหาธาตุค่ะ
เข้ามาถึงวัดก็เดินดูรอบๆก่อนเลย ถ่ายภาพบันทึกความทรงจำ แต่ได้ความรู้สึกที่ประทับใจมากถึงกับนั่งลงกับพื้นแล้วเอามือถูกับดิน
สมัยนั้นจะเป็นยังไง เราคงอยากเห็นภาพของจริงที่ไม่ใช่เพียงแค่ในภาพยนต์หรือจินตนาการเนอะ...
เราตั้งใจมากกับการมาไหว้พระเพื่อเป็นศิรมงคลแก่ครอบครัว และเป็นสถานที่ที่คนไทยทุกคนควรมาสักการะ บูชานะ ...สาธุๆ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวและถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกเยอะมากจริงๆ
จากนั้นเราก็เก็บภาพสถานที่ เพื่อเป็นที่ระลึกเช่นเดียวกัน เดินไปไม่มีเหนื่อยมีแต่ความประทับใจและคุ้มค่าที่สุด
ความบังเอิญเจอพิธีกรรายการญี่ปุ่นมาถ่ายทำรายการท่องเที่ยว หลบกล้องกันแถบไม่ทัน
พอเดินรอบวัดได้สักพักฝนก็ตกลงมา เลยต้องเดินออกจากวัดเพื่อหาที่หลบฝน
เลยตัดสินใจไปต่อสถานที่อีกแห่ง "คือ วัดธรรมมิกราช"
ขับรถออกจากวัดมหาธาตุ เหมือนฟ้าฝนเป็นใจ ตกเบาลง "ปลื้มจิต"
พอถึงวัดก็เดินเข้าไปบูชาธูปเทียน เเละดอกดาวเรืองที่เป็นพวกมาลัย (ค่าบูชาตามจิตศรัทธาค่ะ)
ไปสักการะพระนเรศวรมหาราช บริเวณลานมีไก่ชนที่เป็นรูปปั้นเยอะมาก บางคนก็บูชารูปปั้นไก่ชนมาถวายนะ
(รูปปั้นไก่มีบูชาที่ธูปเทียน และดอกไม้ค่ะ)
...เรียบร้อยแล้วก็ออกมาบูชาเเผ่นกระเบื้องเพื่อนำไปบูรณะ แผ่นละ 20บาท...
จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในวิหารเพื่อกราบไหว้พระนอนองค์ใหญ่เพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเดินทางค่ะ
ในวิหารจะมีหลวงพ่อมาให้พรและรดน้ำมนต์ค่ะ (ไม่ได้เดินชมรอบวัด เพราะฝนตกค่ะ)
เดินออกจากวัดเพื่อไปยัง"วัดหน้าพระเมรุ" ต่อกันเลย
วัดนี้จะมีพระอุโบสถและพระพุทธรูปประธานทรงเครื่องใหญ่มีชื่อว่า "พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญบรมไตรโลกนาถ"
และ พระนำมาจากประเทศอินเดีย มีชื่อว่า "พระคันธารราฐ"
จากนั้นก็ขับรถไปยัง"วิหารพระมงคลบพิตร" แต่พอถึงก็ไม่ได้เข้าไปค่ะเค้าทำการปิดปรับปรุง
เลยขับรถไปข้างหน้าต่อเผื่อว่ามีสถานที่ใหม่ความโชคดีมีอยู่จริง เจอลานเเสดงช้างพอดีค่ะ เลยจอดรถแวะถ่ายรูปหน่อย
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาอาหารเที่ยงทาน ซึ่งความจริงมัน 13:00 น.แล้ว แถววัดไม่มีร้านอาหารนะค่ะวันหยุด ต้องขับรถไปหาทานเอง
แนะนำว่าถ้าไม่รู้เส้นทางให้ไปทานที่ตลาดน้ำอโยธยากันเลย อาหารอร่อย ราคาไม่แพงเลยค่ะ ... Go ...!!
(แนะนำสำหรับคนที่ไปตลาดน้ำอโยธยาไม่ให้หลง ให้สอบถามคนเเถวนั้นหรือไม่ก็ก่อนออกจากวัดถามแม่ค้าแถวนั้นดูคะ)
ถึงแล้วตลาดน้ำอโยธยา ค่าจอดมอเตอร์ไซค์ 10บาท/คัน ทางเข้าตลาดน้ำอโยธยาจะมีเรือเป็นสัญญาลักษณ์
เดินเข้าไปตามทางเดิน ถ้าคนเยอะช่วงเเรกทางจะเเคบมากค่ะ ของกินเล่นเพียบเลย
ของฝากเยอะเเยะไปหมด ทางเดินจะมีเเยกเดินขึ้นสะพานค่ะตลาดทางมีของทานเยอะ
ราคาอาหารของทานเล่นก็อยู่ในระดับจ่ายได้สบายมากเริ่มต้นที่ 25ขึ้นไปค่ะ สำหรับอาหารค่ะ
ขึ้นชื่อก็ต้องเป็น โรตี สายไหม....ของอยุธยาเค้าเลย (ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นไม่รวมในการเดินทางนะค่ะ แล้วแต่แต่ละคนค่ะ)
ฝนก็ยังไม่หยุดตกค่ะ ไม่แรงมากแต่ก็ทำให้เปียกได้ 5555
เดินเล่นสักพักในตลาดจะมีร้านอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยวเรือ เรียกลูกค้าอะไรทำนองนั้น
แต่เราไม่เข้าไปนะเราเลือกร้านก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน
จะอยู่ตรงด้านทางออกของลานจอดรถ มี 2ร้าน เราเลือกร้านที่ใกล้กับร้านขายของฝาก อร่อยมากเลย ไม่เเพงด้วย
ชอบบรรยากาศนั่งชิว คุยกันเรื่องวันนี้ ก๋วยเตี๋ยว 25บาทค่ะ น้ำซื้อมาเองจะดี เพราะที่นี่น้ำเปล่าขวดละ10 บาท
อิ่มแปร่....<<
พร้อมออกเดินทางต่อแล้ว ไปเที่ยวต่อที่หมู่บ้านญี่ปุนค่ะ ระหว่างทางไปหมู่บ้านมีร้านก๋วยเตี๋ยวเยอะค่ะ จะอยู่ตรงทางออกตลาดพอดี
(มีเวลาเหลือก็เเวะเลยค่ะ บอกก่อนนะวันเดียวเที่ยวไม่หมด อยุธยากว้างจริงๆค่ะ)
ขับรถมาเจอร้านข้างทางขายไหมย้อมสี จอดรถถามทางก็ได้คำตอบชัดเจนดีค่ะ (การถามทางทำให้ถึงจุดหมายไวขึ้นนะจ๊ะ)
ระหว่างทางเจอบ้านคนเยอะเเยะ อยู่กันแบบเรียบง่าย ถนนสะอาดมาก และคนที่นี้ขับรถไม่เร็วเลยค่ะ รู้สึกปลอดภัย
ยกเว้นตัวเมืองทางขึ้นสะพานข้ามรถไฟต้องระมัดระวังค่ะ
ก่อนถึงหมู่บ้านญี่ปุ่น เจอวัดพนัญเชิงวรวิหาร แต่ยังไม่ได้เข้าค่ะ รีบไปหมู่บ้านญี่ปุ่นก่อนกลัวปิดคะ
ถึงแล้ว .... หมู่บ้านญี่ปุ่น เรื่องราวที่จะทำให้คนไทยคิดถึงญี่ปุ่นในเรื่องราวดีๆ
จอดรถแล้วก็เดินไปซื้อตั๋วที่ข้างประตูทางเข้าค่ะ ราคา ผู้ใหญ่-คนทั่วไป50บาท นักศึกษา 20 บาท
เดินเข้าไปชมเรื่องราวจาก วีดีทัศน์ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่นในสมัยที่ประเทศไทยและญี่ปุ่นค้าขายด้วยกัน
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรแวะมาเยี่ยมชมได้นะค่ะ แต่ช่วงที่ไปเค้าปรับเปลี่ยนสถานที่โดยรอบอยู่ค่ะ แต่ภาพรวมดีมากเลยค่ะ
มีสวนให้เดินพักผ่อน มีลานประชุมกว้างมากค่ะ บริเวณติดหมู่บ้านมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เเล่นผ่าน
ถือว่าทำเลดีทีเดียว แต่ก็เคยประสบปัญหาน้ำท่วมนะค่ะที่หมู่บ้านญี่ปุ่น เเต่การอนุรักษ์ทำให้ไม่มีร่องรอยเลยค่ะ
หมดเวลาเข้าเยี่ยมชมหมู่บ้านญี่ปุ่นแล้วค่ะ
ต่อตอนที่2 นะค่ะ >> https://pantip.com/topic/36309349