
ขอเริ่มด้วยด้วยภาพโปรดที่สุดในทริปนี้ก่อนเลยนะคะ
[วิวMatterhorn ที่Gornergrat, Zermatt ค่ะ]
ตามไปเที่ยวด้วยกันค่ะ
เช่นเคยนะคะ
*****โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และสไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ*****
ทริปนี้ เดินทางเมื่อ 18-25 March 2017
จุดหมายปลายทางหลักคือประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ
ปลายหนาว ต้นใบไม้ผลิ อากาศยังไม่เริ่ดนัก
ถ้าถามว่าทำไมมาช่วงนี้ คำตอบคือ ตั๋วโปรโมชั่นของสายการบินแห่งชาติที่จองไว้ตั้งแต่ช่วงสิงหาคมปีที่แล้ว เดินทางได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคมค่ะ
(ถ้าจำไม่ผิดไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิค ชั้นประหยัด 20,500บาท)
ออกเดินทางคืนวันศุกร์ วันศุกร์แห่งชาติในเมืองหลวง รถติดเสมอ แต่ไม่ใช่ปัญหาค่ะ
เราเผื่อเวลาไว้เยอะค่ะ จะได้ไม่ต้องกังวลจะตกเครื่อง
รีบออกจากบ้าน ไปเชคอิน และช๊อปปิ้งที่คิงพาวเวอร์กันดีกว่า...

นอกจากหนังสือเดินทางแล้ว อย่าลืมนำบัตรสมาชิกคิงพาวเวอร์ไปด้วยนะคะ
จขกท.เคยลืมแล้ว เสียดายมากค่ะ อดทั้งส่วนลด และอดสะสมคะแนน
เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์เวลาไปต่างประเทศ เอาใส่ซอง แยกเก็บ ง่ายดีค่ะ
เนื่องจากบัตรของเจ้าของกระทู้ เป็นบัตรที่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่อองจากบัตรเดิม และบัตรกำลังจะหมดอายุในเดือนเมษายนนี้ ถ้ามียอดสะสมไม่ถึง 5หมื่นบาท จะไม่ได้ต่ออายุหรือไม่ได้ส่วนลดเท่าเดิม ก็ไม่แน่ใจนัก จึงแวะเข้าไปสอบถามตรงจุดบริการสมาชิก
เจ้าหน้าที่ให้บริการดีมากค่ะ ให้ข้อมูล คำแนะนำครบถ้วน ตรวจสอบยอดซื้อแล้ว บัตรที่มียอดซื้อเกินไปไกลแล้วค่ะ
แต่ยังไงวันนี้เราก็จะช๊อปปิ้งกันต่ออยู่ดี
พุ่งตัวมานี่นี่ค่ะ

ส่วนมากจขกท.ใช้บริการดอนเมืองค่ะ ถึงตอนนี้ดอนเมืองเราจะมีสินค้าเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มี Jo Malone ค่ะ
กำลังจะไปยุโรป ถามว่าทำไมไม่รอไปซื้อที่นู่น ที่นู่นอาจจะถูกกว่าค่ะ แต่จากแผนการเดินทางทั้งหมดแล้ว ไม่มีเวลาไปเดินเลือกดมสบายๆแน่เลย ราคาไม่ต่างกันมากนัก ซื้อที่นี่สะดวกกว่าค่ะ
แตร่น แตร๊น.....

ครบ1หมื่นบาท ได้กระเป๋า 1ใบค่ะ กระเป๋าที่แถมล๊อตนี้สีสันสวยงาม ลวดลายน่ารักมากค่ะ
(แถมหน้าจขกท.แบบง่วงๆให้ดูด้วยค่ะ)
ไม่พอค่ะ เป้าหมายต่อไปของวันนี้

ไปดูนาฬิกากันค่ะ ทุกคนบอกว่าคิงพาวเวอร์ถูก
กำลังจะไปยุโรป แต่นาฬิกานี่ไม่กล้ารอไปซื้อที่นู่น มีแต่คนว่าที่สวิสฯแพง และก็แพงกว่าจริงๆ
ส่วนที่เยอรมันไม่ได้เข้าไปดูเลยค่ะ
โชคดี(ไหมนะ)ที่คิงพาวเวอร์มีรุ่นและหน้า(สี)ที่ต้องการพอดี จัดไปค่ะ พร้อมได้กระเป๋ามาอีก 1 ใบ
กระเป๋าที่คิงพาวเวอร์แถมกับสินค้านี้ คนละแบบกับสินค้าข้างนอกที่ได้มาเมื่อกี้นะคะ

สรุปแล้ว ยังไม่ไปไหนกันเลย ได้กระเป๋าจากคิงพาวเวอร์งอกมา 3 แล้วใบค่ะ
(ไม่เยอะนะคะ 5 คนรวมกันค่ะ เรารวมกันจ่ายเพื่อของแถม)
ขอบคุณสมาชิกร่วมทริป ที่เผื่อพื้นที่สำหรับกระเป๋าไว้แล้ว
พอค่ะ ช๊อปจนหนำใจแล้ว แวะไปหาอะไรทานที่คิงพาวเวอร์เลาจ์
เราเดินทาง 5 คน บัตร 2 ใบ เข้าได้ทุกคนพอดีเลยค่ะ
คืนนี้ที่คิงพาวเวอร์เลาจ์คนแน่นมาก อยู่ได้ไม่นาน ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ ช๊อปปิ้งพอแล้ว ทานอิ่มแล้ว....
ขอบคุณคิงพาวเวอร์ค่ะ
******************************************

หลายคนถามว่ามาสวิสฯทำไมไม่นั่งรถไฟ
คำตอบคือ เรื่องความคล่องตัวของพวกเราค่ะ
ไม่อยากลากกระเป๋า ไม่เที่ยวแบบโดนจำกัดเวลา ไปไหนต้องรีบให้ทันรอบรถไฟ
มากันหลายคน ขับรถสะดวกกว่ามากค่ะ

•พาหนะ Volkswagen Touran, Automatic transmission
•รถ 7 ที่นั่ง พับเบาะแถวสาม เก็บของได้พอดีเป๊ะ ตามที่วางแผนคำนวณขนาดกระเป๋ากันไว้แล้ว
•รถมีจีพีเอสในตัวค่ะ แม่นยำและรวดเร็วมาก แต่เราก็เอาน้องGarminตัวโปรดติดไป เผื่อพลาดค่ะ
•จองรถเช่าผ่าน cars-scanner.com ยังไม่เคยมีเวบประจำค่ะ เจอเวบไหนถูกก็จองเวบนั้น
•ยุโรปรถเกียร์ธรรมดาจะถูกกว่าออโต้นะคะ
•เราจองเกียร์ธรรมดาไป แต่ได้ออโต้มา สบายคนขับและประหยัดไปได้เยอะ
•เราเช่ารถจากเยอรมัน และจะขับเข้าสวิส ต้องซื้อVignette คือแผ่นป้ายภาษี เป็นเหมือน Road Taxของประเทศสวิสด้วยนะคะ เพราะรถจะไม่มีแปะไว้
เช่นกันกับขากลับ เราขับเข้าผ่านออสเตรีย ก็ต้องซื้อของออสเตรียมาแปะด้วยค่ะ

•ข้อเสียคือ Vignette ของสวิส คือมีแต่แบบ 1 ปี ราคา CHF40 เรามาแค่ไม่กี่วันก็ต้องซื้อค่ะ ถ้าออสเตรียหรือประเทศอื่น จะมีแบบ5วัน 7วัน 10วัน 1เดือน ฯลฯ ให้เลือกซื้อได้
•Vignette หาซื้อได้ที่มินิมาร์ทตามปั๊มน้ำมันค่ะ ที่สติ๊กเกอร์จะมีบอกจุดที่ให้แปะ ว่าแปะตรงไหนได้บ้าง
•ที่สวิสมีระบบMOTORAIL คือนำรถเราขึ้นรถไฟ ตัดผ่านเขา ลดระยะเวลาในการขับรถได้มากค่ะ เราได้ใช้บริการช่วงจาก Kandersteg มา Goppenstein ค่ะ นั่งบนรถ ทานขนม ร้องเพลง เพลินๆ 15 นาที ถ้าขับรถใช้เวลานานกว่าเกือบ 2 ชั่วโมง

•ถนนแคบแต่ดี ขับไม่ยากค่ะ
•แรกๆเราขับเลาะเส้นเล็กๆตลอดต้องการชมวิว

•ขับไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกเสียเวลา เพราะช้ากว่าใช้ไฮเวย์
•สุดท้ายกลับลงไปใช้ไฮเวย์สะดวกกว่าค่ะ
•วันที่อากาศดี คือสวยมาก ดีมาก แต่วันที่อากาศแย่ข้างทางก็ไม่มีอะไรให้ดูเลย

*****แผนการเดินทาง*****
•เราลงและกลับจากมิวนิค ประเทศเยอรมันค่ะ อย่าแปลกใจ ต้องการไปเอ้าเลทและช๊อปปิ้งที่มาเรียนพลาส ดังนั้นรีวิวนี้ขอข้ามเรื่องในมิวนิคไปเลยนะคะ ไปแค่ช๊อปปิ้งเท่านั้น
•มีเวลาในสวิสเซอร์แลนด์ 6 วันเต็ม กางแผนที่ ไปไหนดีนะ
•สรุปได้ว่าจะนอน Kendersteg 2 คืน, Zermatt 2 คืน, Bellagio(Italy) 1 คืน ก่อนกลับเข้ามานอนมิวนิคอีก 2 คืน

•เส้นทางการขับรถทั้งหมดในสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ เริ่มและวนกลับไปเยอรมันตรงมุมขวาบน
•รูปหัวใจคือจุดที่เราพักค่ะ
•ตอนแรกเราจะวนวงกลม แต่ด้วยสภาพอากาศจนเราต้องปรับแผนการเดินทาง และใช้บริการ MOTORAIL นำรถขึ้นรถไฟตัดข้ามจาก Kandersteg มา Goppenstein ค่ะ
•แต่ละวันจะไปไหนทำอะไร ดูอีกทีค่ะ เพราะยอดเขาต้องดูอากาศเท่านั้นค่ะ เมฆลง ฟ้าปิดขึ้นไปก็ไม่เห็นอะไร และค่ารถไฟแพงค่ะ เนื่องจากเราไม่มีสวิสพาส ค่าขึ้นจุงฟราว CHF189.6(หกพันว่าบาทไทย)
วันแรกที่ไปถึงฝนตกค่ะ ตกตั้งแต่เยอรมัน เข้าสวิสฯก็ยังตก

•Kapellbrücke หรือ Chapel Bridge สะพานไม้เมืองลูเซิร์น
วันนี้ฝนตก เงียบมาก นักท่องเที่ยวเลยน้อย เดินบนสะพานได้สบายๆไม่เบียดกัน ย่านเมืองเก่าของลูเซิร์น ก็เดินเล่นเพลินๆค่ะ แต่ครั้งนี้ฝนตก เดินไม่ไหวจริงๆค่ะ
คืนนี้เรานอนที่ Kandersteg กันค่ะ
วันรุ่งขึ่น อากาศเริ่มดีขึ้น แต่บนจุงฟราวยังมีเมฆ ในพยากรณ์บอกว่าแดดออก 2 ชั่วโมง ไม่รู้ตอนไหนด้วยแฮะ
เปลี่ยนแผนทันที เที่ยวเล่นเมืองใกล้ๆก่อนแล้วกันนะคะ
ที่แรกที่เราแวะ Blausee ค่ะ

•Blausee แปลว่าทะเลสาบสีน้ำเงิน น้ำสวย ใสแจ๋ว
•ช่วงที่เราไปเข้าฟรีเพราะยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ในนี้มีปลาเทร้าที่เค้าเลี้ยงไว้สามารถมาตกปลาได้ในช่วงฤดูร้อน ที่นี่มีร้านอาหาร โรงแรม สปา
ถ้าในมาที่นี่แถวนี้ช่วงฤดูร้อน แนะนำให้ไปทะเลสาบOeschinenseeนะคะ ยังไม่เคยไปค่ะ ดูจากรูปแล้วสวยมาก
แต่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว กระเช้ายังปิด ถ้าเดินไปอาจจะอันตรายกับน้ำแข็งและหิมะที่พื้นค่ะ

เห็นคนมาดำน้ำในนี้ด้วยนะคะ น่าสนุกค่ะ เห็น Dry suit ก็หนาวแล้ว ปกติจขกท.ดำน้ำ แต่ยังไม่เคยลองดำในอากาศหนาวๆและใช้ Drysuite มาก่อนเลย เป็นอีกกิจกรรมที่น่าลองมาก

•Bern เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์
•เราอ่านว่าเบอร์น แต่คนสวิสออกเสียงว่า แบร์น
ย่านเมืองเก่าตั้งกลางโค้งน้ำของแม่น้ำ Aare การจัดวางผังเมืองสวยงาม เดินเล่นเพลินๆค่ะ กลางเมืองมีสัญลักษณ์เป็นหอนาฬิกาดาราศาสตร์ Zeitglockenturm) และยังมีน้ำพุ11 แห่ง กระจายอยู่ทั่วเมือง โดยน้ำพุทำเป็นเรื่องราวตามประเพณีความเชื่อสมัยก่อน
•ส่วนตัวชอบเบิร์นจากมุมนี้มาก ส่วนมากจะเห็นแค่รูปนาฬิกา รูปในเมืองเก่า พอมาถึงที่นี่ เห็นมุมนี้แล้วรู้สึก ว๊าว แบบนี้เลย เมืองเก่าแบบที่เราชอบ

•หมีค่ะ มีน่ารักมาก เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ชื่อเมืองมาจากภาษาดัชช์ที่แปลว่าหมีค่ะ
•บ้านไอสไตน์ เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ เขาเคยใช้ชีวิตที่นี่ค่ะ

•Chateau de Chillon
ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ใกล้เมืองMontreaux ส่วนตัวรู้สึกปราสาทนี้คล้ายปราสาทในนิทานมาก
เดินเล่นริมทะเลสาบสวยดีค่ะ ข้างในก็สวยค่ะ นี่เป็นปราสาทแรกที่แวะในทริปนี้ เลยเข้าไปดูข้างในค่ะ หลังๆเริ่มไม่เข้าแล้ว มองแค่ข้างนอก
•ปราสาทในยุโรป ส่วนตัวชอบมองจากข้างนอกมากกว่าค่ะ รู้สึกข้างนอกสวย บรรยากาศดีกว่า เพราะมักจะตั้งอยู่บนภูเขาสูง หรือริมทะเลสาบแบบนี้
อีกวันอากาศดี ได้เวลาขึ้นจุงฟราวกันแล้วค่ะ

•Jungfraujoch Top of Europe
•ยอดเขาจุงฟราว หรือที่นี่ออกเสียงว่า ยุงฟราว ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ทุกคนรู้จักที่นี่กันดี เพราะเป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์
•เราขับรถมาจอดที่สถานี Lauterbrunnen มีอาคารจอดรถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ

•ค่ารถไฟไปกลับ CHF189.60 (ถ้ามีสวิสพาสจะได้ลดราคาอีก)

•จาก Lauterbrunnen เรานั่งรถไฟไปที่ Kleine Scheidegg เพื่อต่อรถไฟสาย Jungfraubahn ขึ้นยอดเขาจุงฟราวอีกทีนึงค่ะ
•แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อนขึ้นมานะคะ หากท้องฟ้าปิด จะไม่ได้เห็นวิวอะไร ไม่คุ้มค่าตั๋วรถไฟค่ะ
•สถานีรถไฟจุงฟราวเป็นสถานีที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป
ลงจากจุงฟราวแล้ว เดี๋ยวเราไปเซอร์แมทด้วยกันต่อ ที่คอมเม้นต์นะคะ
[ข้อความเต็มแล้ว]
[CR] Road trip in Switzerland 2017
ขอเริ่มด้วยด้วยภาพโปรดที่สุดในทริปนี้ก่อนเลยนะคะ
[วิวMatterhorn ที่Gornergrat, Zermatt ค่ะ]
ตามไปเที่ยวด้วยกันค่ะ
เช่นเคยนะคะ
*****โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และสไตล์การท่องเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ*****
ทริปนี้ เดินทางเมื่อ 18-25 March 2017
จุดหมายปลายทางหลักคือประเทศสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ
ปลายหนาว ต้นใบไม้ผลิ อากาศยังไม่เริ่ดนัก
ถ้าถามว่าทำไมมาช่วงนี้ คำตอบคือ ตั๋วโปรโมชั่นของสายการบินแห่งชาติที่จองไว้ตั้งแต่ช่วงสิงหาคมปีที่แล้ว เดินทางได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคมค่ะ
(ถ้าจำไม่ผิดไป-กลับ กรุงเทพฯ-มิวนิค ชั้นประหยัด 20,500บาท)
ออกเดินทางคืนวันศุกร์ วันศุกร์แห่งชาติในเมืองหลวง รถติดเสมอ แต่ไม่ใช่ปัญหาค่ะ
เราเผื่อเวลาไว้เยอะค่ะ จะได้ไม่ต้องกังวลจะตกเครื่อง
รีบออกจากบ้าน ไปเชคอิน และช๊อปปิ้งที่คิงพาวเวอร์กันดีกว่า...
นอกจากหนังสือเดินทางแล้ว อย่าลืมนำบัตรสมาชิกคิงพาวเวอร์ไปด้วยนะคะ
จขกท.เคยลืมแล้ว เสียดายมากค่ะ อดทั้งส่วนลด และอดสะสมคะแนน
เนื่องจากส่วนตัวเป็นคนชอบเปลี่ยนกระเป๋าสตางค์เวลาไปต่างประเทศ เอาใส่ซอง แยกเก็บ ง่ายดีค่ะ
เนื่องจากบัตรของเจ้าของกระทู้ เป็นบัตรที่ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อเนื่อองจากบัตรเดิม และบัตรกำลังจะหมดอายุในเดือนเมษายนนี้ ถ้ามียอดสะสมไม่ถึง 5หมื่นบาท จะไม่ได้ต่ออายุหรือไม่ได้ส่วนลดเท่าเดิม ก็ไม่แน่ใจนัก จึงแวะเข้าไปสอบถามตรงจุดบริการสมาชิก
เจ้าหน้าที่ให้บริการดีมากค่ะ ให้ข้อมูล คำแนะนำครบถ้วน ตรวจสอบยอดซื้อแล้ว บัตรที่มียอดซื้อเกินไปไกลแล้วค่ะ
แต่ยังไงวันนี้เราก็จะช๊อปปิ้งกันต่ออยู่ดี
พุ่งตัวมานี่นี่ค่ะ
ส่วนมากจขกท.ใช้บริการดอนเมืองค่ะ ถึงตอนนี้ดอนเมืองเราจะมีสินค้าเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ยังไม่มี Jo Malone ค่ะ
กำลังจะไปยุโรป ถามว่าทำไมไม่รอไปซื้อที่นู่น ที่นู่นอาจจะถูกกว่าค่ะ แต่จากแผนการเดินทางทั้งหมดแล้ว ไม่มีเวลาไปเดินเลือกดมสบายๆแน่เลย ราคาไม่ต่างกันมากนัก ซื้อที่นี่สะดวกกว่าค่ะ
แตร่น แตร๊น.....
ครบ1หมื่นบาท ได้กระเป๋า 1ใบค่ะ กระเป๋าที่แถมล๊อตนี้สีสันสวยงาม ลวดลายน่ารักมากค่ะ
(แถมหน้าจขกท.แบบง่วงๆให้ดูด้วยค่ะ)
ไม่พอค่ะ เป้าหมายต่อไปของวันนี้
ไปดูนาฬิกากันค่ะ ทุกคนบอกว่าคิงพาวเวอร์ถูก
กำลังจะไปยุโรป แต่นาฬิกานี่ไม่กล้ารอไปซื้อที่นู่น มีแต่คนว่าที่สวิสฯแพง และก็แพงกว่าจริงๆ
ส่วนที่เยอรมันไม่ได้เข้าไปดูเลยค่ะ
โชคดี(ไหมนะ)ที่คิงพาวเวอร์มีรุ่นและหน้า(สี)ที่ต้องการพอดี จัดไปค่ะ พร้อมได้กระเป๋ามาอีก 1 ใบ
กระเป๋าที่คิงพาวเวอร์แถมกับสินค้านี้ คนละแบบกับสินค้าข้างนอกที่ได้มาเมื่อกี้นะคะ
สรุปแล้ว ยังไม่ไปไหนกันเลย ได้กระเป๋าจากคิงพาวเวอร์งอกมา 3 แล้วใบค่ะ
(ไม่เยอะนะคะ 5 คนรวมกันค่ะ เรารวมกันจ่ายเพื่อของแถม)
ขอบคุณสมาชิกร่วมทริป ที่เผื่อพื้นที่สำหรับกระเป๋าไว้แล้ว
พอค่ะ ช๊อปจนหนำใจแล้ว แวะไปหาอะไรทานที่คิงพาวเวอร์เลาจ์
เราเดินทาง 5 คน บัตร 2 ใบ เข้าได้ทุกคนพอดีเลยค่ะ
คืนนี้ที่คิงพาวเวอร์เลาจ์คนแน่นมาก อยู่ได้ไม่นาน ก็ได้เวลาขึ้นเครื่อง
ไปเที่ยวกันดีกว่าค่ะ ช๊อปปิ้งพอแล้ว ทานอิ่มแล้ว....
ขอบคุณคิงพาวเวอร์ค่ะ
******************************************
หลายคนถามว่ามาสวิสฯทำไมไม่นั่งรถไฟ
คำตอบคือ เรื่องความคล่องตัวของพวกเราค่ะ
ไม่อยากลากกระเป๋า ไม่เที่ยวแบบโดนจำกัดเวลา ไปไหนต้องรีบให้ทันรอบรถไฟ
มากันหลายคน ขับรถสะดวกกว่ามากค่ะ
•พาหนะ Volkswagen Touran, Automatic transmission
•รถ 7 ที่นั่ง พับเบาะแถวสาม เก็บของได้พอดีเป๊ะ ตามที่วางแผนคำนวณขนาดกระเป๋ากันไว้แล้ว
•รถมีจีพีเอสในตัวค่ะ แม่นยำและรวดเร็วมาก แต่เราก็เอาน้องGarminตัวโปรดติดไป เผื่อพลาดค่ะ
•จองรถเช่าผ่าน cars-scanner.com ยังไม่เคยมีเวบประจำค่ะ เจอเวบไหนถูกก็จองเวบนั้น
•ยุโรปรถเกียร์ธรรมดาจะถูกกว่าออโต้นะคะ
•เราจองเกียร์ธรรมดาไป แต่ได้ออโต้มา สบายคนขับและประหยัดไปได้เยอะ
•เราเช่ารถจากเยอรมัน และจะขับเข้าสวิส ต้องซื้อVignette คือแผ่นป้ายภาษี เป็นเหมือน Road Taxของประเทศสวิสด้วยนะคะ เพราะรถจะไม่มีแปะไว้
เช่นกันกับขากลับ เราขับเข้าผ่านออสเตรีย ก็ต้องซื้อของออสเตรียมาแปะด้วยค่ะ
•ข้อเสียคือ Vignette ของสวิส คือมีแต่แบบ 1 ปี ราคา CHF40 เรามาแค่ไม่กี่วันก็ต้องซื้อค่ะ ถ้าออสเตรียหรือประเทศอื่น จะมีแบบ5วัน 7วัน 10วัน 1เดือน ฯลฯ ให้เลือกซื้อได้
•Vignette หาซื้อได้ที่มินิมาร์ทตามปั๊มน้ำมันค่ะ ที่สติ๊กเกอร์จะมีบอกจุดที่ให้แปะ ว่าแปะตรงไหนได้บ้าง
•ที่สวิสมีระบบMOTORAIL คือนำรถเราขึ้นรถไฟ ตัดผ่านเขา ลดระยะเวลาในการขับรถได้มากค่ะ เราได้ใช้บริการช่วงจาก Kandersteg มา Goppenstein ค่ะ นั่งบนรถ ทานขนม ร้องเพลง เพลินๆ 15 นาที ถ้าขับรถใช้เวลานานกว่าเกือบ 2 ชั่วโมง
•ถนนแคบแต่ดี ขับไม่ยากค่ะ
•แรกๆเราขับเลาะเส้นเล็กๆตลอดต้องการชมวิว
•ขับไปเรื่อยๆเริ่มรู้สึกเสียเวลา เพราะช้ากว่าใช้ไฮเวย์
•สุดท้ายกลับลงไปใช้ไฮเวย์สะดวกกว่าค่ะ
•วันที่อากาศดี คือสวยมาก ดีมาก แต่วันที่อากาศแย่ข้างทางก็ไม่มีอะไรให้ดูเลย
*****แผนการเดินทาง*****
•เราลงและกลับจากมิวนิค ประเทศเยอรมันค่ะ อย่าแปลกใจ ต้องการไปเอ้าเลทและช๊อปปิ้งที่มาเรียนพลาส ดังนั้นรีวิวนี้ขอข้ามเรื่องในมิวนิคไปเลยนะคะ ไปแค่ช๊อปปิ้งเท่านั้น
•มีเวลาในสวิสเซอร์แลนด์ 6 วันเต็ม กางแผนที่ ไปไหนดีนะ
•สรุปได้ว่าจะนอน Kendersteg 2 คืน, Zermatt 2 คืน, Bellagio(Italy) 1 คืน ก่อนกลับเข้ามานอนมิวนิคอีก 2 คืน
•เส้นทางการขับรถทั้งหมดในสวิสเซอร์แลนด์ค่ะ เริ่มและวนกลับไปเยอรมันตรงมุมขวาบน
•รูปหัวใจคือจุดที่เราพักค่ะ
•ตอนแรกเราจะวนวงกลม แต่ด้วยสภาพอากาศจนเราต้องปรับแผนการเดินทาง และใช้บริการ MOTORAIL นำรถขึ้นรถไฟตัดข้ามจาก Kandersteg มา Goppenstein ค่ะ
•แต่ละวันจะไปไหนทำอะไร ดูอีกทีค่ะ เพราะยอดเขาต้องดูอากาศเท่านั้นค่ะ เมฆลง ฟ้าปิดขึ้นไปก็ไม่เห็นอะไร และค่ารถไฟแพงค่ะ เนื่องจากเราไม่มีสวิสพาส ค่าขึ้นจุงฟราว CHF189.6(หกพันว่าบาทไทย)
วันแรกที่ไปถึงฝนตกค่ะ ตกตั้งแต่เยอรมัน เข้าสวิสฯก็ยังตก
•Kapellbrücke หรือ Chapel Bridge สะพานไม้เมืองลูเซิร์น
วันนี้ฝนตก เงียบมาก นักท่องเที่ยวเลยน้อย เดินบนสะพานได้สบายๆไม่เบียดกัน ย่านเมืองเก่าของลูเซิร์น ก็เดินเล่นเพลินๆค่ะ แต่ครั้งนี้ฝนตก เดินไม่ไหวจริงๆค่ะ
คืนนี้เรานอนที่ Kandersteg กันค่ะ
วันรุ่งขึ่น อากาศเริ่มดีขึ้น แต่บนจุงฟราวยังมีเมฆ ในพยากรณ์บอกว่าแดดออก 2 ชั่วโมง ไม่รู้ตอนไหนด้วยแฮะ
เปลี่ยนแผนทันที เที่ยวเล่นเมืองใกล้ๆก่อนแล้วกันนะคะ
ที่แรกที่เราแวะ Blausee ค่ะ
•Blausee แปลว่าทะเลสาบสีน้ำเงิน น้ำสวย ใสแจ๋ว
•ช่วงที่เราไปเข้าฟรีเพราะยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ในนี้มีปลาเทร้าที่เค้าเลี้ยงไว้สามารถมาตกปลาได้ในช่วงฤดูร้อน ที่นี่มีร้านอาหาร โรงแรม สปา
ถ้าในมาที่นี่แถวนี้ช่วงฤดูร้อน แนะนำให้ไปทะเลสาบOeschinenseeนะคะ ยังไม่เคยไปค่ะ ดูจากรูปแล้วสวยมาก
แต่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว กระเช้ายังปิด ถ้าเดินไปอาจจะอันตรายกับน้ำแข็งและหิมะที่พื้นค่ะ
เห็นคนมาดำน้ำในนี้ด้วยนะคะ น่าสนุกค่ะ เห็น Dry suit ก็หนาวแล้ว ปกติจขกท.ดำน้ำ แต่ยังไม่เคยลองดำในอากาศหนาวๆและใช้ Drysuite มาก่อนเลย เป็นอีกกิจกรรมที่น่าลองมาก
•Bern เมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์
•เราอ่านว่าเบอร์น แต่คนสวิสออกเสียงว่า แบร์น
ย่านเมืองเก่าตั้งกลางโค้งน้ำของแม่น้ำ Aare การจัดวางผังเมืองสวยงาม เดินเล่นเพลินๆค่ะ กลางเมืองมีสัญลักษณ์เป็นหอนาฬิกาดาราศาสตร์ Zeitglockenturm) และยังมีน้ำพุ11 แห่ง กระจายอยู่ทั่วเมือง โดยน้ำพุทำเป็นเรื่องราวตามประเพณีความเชื่อสมัยก่อน
•ส่วนตัวชอบเบิร์นจากมุมนี้มาก ส่วนมากจะเห็นแค่รูปนาฬิกา รูปในเมืองเก่า พอมาถึงที่นี่ เห็นมุมนี้แล้วรู้สึก ว๊าว แบบนี้เลย เมืองเก่าแบบที่เราชอบ
•หมีค่ะ มีน่ารักมาก เป็นสัญลักษณ์ของเมือง ชื่อเมืองมาจากภาษาดัชช์ที่แปลว่าหมีค่ะ
•บ้านไอสไตน์ เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ เขาเคยใช้ชีวิตที่นี่ค่ะ
•Chateau de Chillon
ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ใกล้เมืองMontreaux ส่วนตัวรู้สึกปราสาทนี้คล้ายปราสาทในนิทานมาก
เดินเล่นริมทะเลสาบสวยดีค่ะ ข้างในก็สวยค่ะ นี่เป็นปราสาทแรกที่แวะในทริปนี้ เลยเข้าไปดูข้างในค่ะ หลังๆเริ่มไม่เข้าแล้ว มองแค่ข้างนอก
•ปราสาทในยุโรป ส่วนตัวชอบมองจากข้างนอกมากกว่าค่ะ รู้สึกข้างนอกสวย บรรยากาศดีกว่า เพราะมักจะตั้งอยู่บนภูเขาสูง หรือริมทะเลสาบแบบนี้
อีกวันอากาศดี ได้เวลาขึ้นจุงฟราวกันแล้วค่ะ
•Jungfraujoch Top of Europe
•ยอดเขาจุงฟราว หรือที่นี่ออกเสียงว่า ยุงฟราว ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ทุกคนรู้จักที่นี่กันดี เพราะเป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์
•เราขับรถมาจอดที่สถานี Lauterbrunnen มีอาคารจอดรถเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟ
•ค่ารถไฟไปกลับ CHF189.60 (ถ้ามีสวิสพาสจะได้ลดราคาอีก)
•จาก Lauterbrunnen เรานั่งรถไฟไปที่ Kleine Scheidegg เพื่อต่อรถไฟสาย Jungfraubahn ขึ้นยอดเขาจุงฟราวอีกทีนึงค่ะ
•แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อนขึ้นมานะคะ หากท้องฟ้าปิด จะไม่ได้เห็นวิวอะไร ไม่คุ้มค่าตั๋วรถไฟค่ะ
•สถานีรถไฟจุงฟราวเป็นสถานีที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป
ลงจากจุงฟราวแล้ว เดี๋ยวเราไปเซอร์แมทด้วยกันต่อ ที่คอมเม้นต์นะคะ
[ข้อความเต็มแล้ว]