Jungfraujoch vs Mt. Schilthorn

สวัสดีคะทุกคน สืบเนื่องจาก จขก ได้มีโอกาสไปขึ้นเขาสองลูกในเมือง Interlaken ถึงแม้จะเป็นคนละช่วงเวลา แต่ความประทับใจไม่ต่างกันนะคะ 
เริ่มจากลูกแรกก่อนคือ Jungfraujoch ยอดเขาที่เป็นแลนด์มาร์ค สำหรับนักท่องเที่ยว เพราะจากการพูดคุยกับคนพี้นที่ แทบไม่มีใครเคยไปเขาลูกนี้เลย เหตุผลเดียว คือ คนสวิสบอกแพง ^-^
แต่เราบ้านไกลฮะ ยังไงก็ต้องไปสักครั้ง แต่ค่าตั๋วขึ้นจุงฟราวนี่แพงจริงจัง ถึงจะมีสวิสพาสก็ลดได้ไม่มาก เหมือนเป็นเขาแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น เพราะฉะนั้นเช็คอากาศดีๆ ก่อนขึ้นไปกันนะ ดูไลน์ของเวปไซด์เค้าเลย 

เราเริ่มต้นจากสนามบินซูริกเลย ซึ่งหว่างทางจาก Zürich ไป Intelraken Ost นั่งรถไฟประมาณสองชั่วโมง มาสายที่ผ่านเมือง Thun จะเห็นวิวทะเลสาบสวยงาม 

ถึง Intelraken หาป้ายทางออกหมายเลข 1 เลย มีทางลาดให้ลากกระเป๋า เดินหาให้เจอ เรานี่แบกขึ้นบันได โผล่มาเจอทางลาดลากกระเป๋า น้ำตาจิไหล  ไปฝากกระเป๋าที่ล็อคเกอร์ราคา 7 CHF สำหรับกระเป๋าใบใหญ่ ปล. ตู้หยอดเหรียญไม่มีทอนนะจ๊ะ

เสร็จแล้วก็มาขึ้นซื้อตั๋วขึ้น Jungfraujoch กัน ก็ต้องไปซื้อตั๋วก่อน ที่สถานี Interlaken Ost ใครมีสวิสพาสก็โชว์ตอนซื้อตั๋วได้เลย ได้ลดนิดหน่อย ช่วงที่เราไปเป็นช่วงเดือนกันยา อากาศไม่ได้หนาวแล้ว แต่ขึ้นจุงฟราว ต้องเอาเสื้อหนาวไป เพราะข้างบนหนาวมาก 
ทางขึ้นจะมีให้เลือกสองเส้นทาง คือขึ้นทาง Grindelwald หรือ Lauterbrunnen สำหรับเราเลือกขึ้นทาง Grindelwald แล้วลง Lauterbrunnen เพราะอยากเก็บวิวทั้งสองฝั่ง
รถไฟมาแล้วววว

ขึ้นทาง Grindelwald ก็จะเห็นหมู่บ้านเล็กๆ รายทาง น่ารักเชียว แล้วต้องมาเปลี่ยนรถไฟเป็นรถไฟที่จะขึ้นจุงฟราวที่สถานี Kleine Scheidegg ซึ่งจะเป็นสถานีตั้งต้นไปจุงฟราวไม่ว่าจะขึ้นมาจากทางไหนก็ตาม จากตรงนี้ไป รถไฟจะแวะจอดจุดชมวิวสองสามที ประมาณห้านาที พอลงไปถ่ายรูปได้ สำหรับเรา เราว่าเวลามันน้อยไป กลายเป็นกังวลว่าจะตกรถไฟ เลยเหมือนวิ่งผ่านๆ เอาวะ ไปเก็บวิวข้างบนล่ะกัน

และแล้วเราก็มาถึงยอดจุงฟราว เสียงเพลงคุณชายปวรรุช ก็มาาาา แต่อากาศเบาบางมาก และหนาวมากเช่นกัน ข้างล่างนี่ร้อนเปรี้ยง ข้างบน -2c หายใจลำบาก ใครมาต้องค่อยๆ เดินนะ ไม่งั้นจะเวียนหัวเลยแหล่ะ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงที่ไปเป็นช่วง high season หรือเปล่า นักท่องเที่ยวเยอะมากกกกกก ส่วนมากเป็นคนเอเชีย การถ่ายรูปกับป้ายพิชิตยอดจุงฟราวนั้น ให้ลืมมันไป 
การเดินเที่ยวจุงฟราวนี่ เดินตามป้าย Tour ดีที่สุด ครบ อินบ้างไม่อินบ้าง แต่เป็นที่ที่มีเรื่องราวดี เดินไป อ่านโน่นนี่ไป เพลินๆ และที่ชอบมากอีกอย่าง คือห้องฉายหนังพาโนรามา อลังการงานสร้าง

ในวันที่ฟ้าเปิดสุดๆ นี่ก็สวยสมกับเป็น Top of Erope (ตอนนี้ไม่น่าใช่แล้ว) 

อยู่ข้างบนสักสองชั่วโมงนี่เดินทั่วล่ะ ตอนลงนี่เลือกลงทาง Lauterbrunnen วิวสวยกว่าขาขึ้นมาก 

แล้วก็แวะ Lauterbrunnen สักหน่อย เฮ้ยยย เมืองโครตน่ารักอ่ะ แล้วก็ต้องจบด้วยมุมมหาชน น้ำตกกลางเมืองกับยอดเขาสามพี่น้อง 

ตัดภาพมาช่วงกุมภาพันธ์ของอีกปีนึง เป็นฤดูหนาวกลางๆ ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเขาอีกลูกนึงที่ Interlaken นั่นก็คือ Mr. Mt. Schilthorn เหตุผลเดียวเลย คือปีนั้นสวิสพาสขึ้นฟรี 
เราต้องนั่งรถไฟไปที่ Lauterbrunnen ก่อน แล้วไปต่อกระเช้าอีกหลายต่อเลยเพื่อขึ้น Schilthorn ถ้ามีสวิสพาสขึ้นไปได้เลยแล้วเวลาจะขึ้นกระเช้าแต่ละจุดก็โชว์พาสให้เจ้าหน้าที่ดู เค้าก็จะเปิดประตูให้ แต่ถ้าไม่มีต้องซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟ Intelraken Ost ก่อนนะ จากสถานีรถไฟ Lauterbrunnen ก็ต้องนั่งบัสสาย 141 ตรงหน้าสถานีนั่นแหล่ะ ไปสถานีขึ้นกระเช้าที่สถานี Stechelberg ขึ้นต่อมา Mürren แล้วมาแวะที่ Birg ต้องแวะเปลี่ยนกระเช้าทุกเมือง

แวะ Birg ซะหน่อย สวยมากกกก ฟ้าดีแดดดี มุมมหาชน ต้องถ่ายให้เห็น 3 ขุนเขาผู้ยิ่งใหญ่ Eiger - Mönch - Jungfrau อย่าถามว่าลูกไหนคืออะไร เพราะไม่รู้  ทางเดินเป็นตระแกรงโปร่ง อย่างว่าง ไม่มีใครเดินไปเลย นั่งถ่ายรูปกันอยู่ไกลๆ ที่สำคัญเขาลูกนี้นักท่องเที่ยวน้อย สงสัยไปขึ้นจุงฟราวกันหมด


อีกจุดไฮไลท์ของ Birg คือ Thrill Walk เป็นทางเดินโปร่งๆ เลาะหน้าผา มองลงไปมีขาสั่น ความเสียวก็ไต่ระดับ จากพื้นตะเกรงโปร่งๆ ต่อมาเป็นกระจก ต่อมาเป็นเดินเชือก ต่อมาเป็นคลานที่บังคับให้เราต้องมองข้างล่าง  ใครใจไม่ถึงเค้าก็มีทางเล็กๆ ที่ทำเป็นทางเดินแบบมั่นเท้าหน่อยให้เดินนะ

ถึงแล้ว Schilthorn สวยจริงจัง นักท่องเที่ยวน้อยด้วย ไม่วุ่นวาย ส่วนมากเป็นคนสวิสขึ้นมาเล่นสกี และนี่คือยอดเขาของ Jame Bond 007 มีพิพิธภัณฑ์ด้วยนะ ส่ง post card กลับบ้านเรา แสตมป์ 2 CHF

นกคู่บ้านคู่เมือง ต้องมีเก็บไว้สักรูป 

ขาวสุดลูกหูลูกตา ถ่ายรูปยาก มันขาวโพลนไปหมด ดูกะตาเก็บไว้ในหัว นี่เวิร์คสุดล่ะ อีกหนึ่งไฮไลท์คือการกินข้าวที่ Piz Gloria ร้านอาหารหมุนได้ ดูวิว 360 องศา แบบไม่มีอะไรบัง สำหรับเราก็ไม่ถึงกับจำเป็นนะ ข้างนอกก็ไม่เห็นมีไรบังนะเราว่า แต่อาหารเค้ารสชาดใช้ได้นะ

ขาลงจากยอดเขา ลงอีกทางนึง เพราะอยากนั่งรถไฟเก่าๆ สีแดงๆ (ซึ่งพอตอนไปนั่ง ขบวนมันเล็กจน อ่ะ #อิหยังวะ) เลยนั่งกระเช้ามาลงที่ Mürren แล้วเดินเลาะหมู่บ้านมาอีกฝั่งนึงเพื่อขึ้นรถไฟ สองข้างทางสวยงามน่ารักทีเดียวเชียว เดินตามป้าย Grutschalp ไปเรื่อยๆ ก็จะเจอสถานีรถไฟ รถไฟขบวนสั้นจี๊ดเดียว นั่งกลับมาที่ Lauterbrunnen
Lauterbrunnen หน้าหนาว ยังคงความเป็นเมืองที่น่ารัก น่าเดินเหมือนเดิม ต่างที่ว่าน้ำตกกลางเมืองน้านนนนเป็นน้ำแข็งซะแล้ว ความ contrast ของแดด เงาดำของภูเขา และความขาวของหิมะ รูปเลยออกมาเป็นงี้
Lauterbrunnen หน้าหนาว ยังคงความเป็นเมืองที่น่ารัก น่าเดินเหมือนเดิม ต่างที่ว่าน้ำตกกลางเมืองน้านนนนเป็นน้ำแข็งซะแล้ว ความ contrast ของแดด เงาดำของภูเขา และความขาวของหิมะ รูปเลยออกมาเป็นแบบนี้

โดนรวม เขาสองลูกนี้มีเสน่ห์ต่างกันไปนะเราว่า ใครมีโอกาสได้ไปเที่ยวสวิสก็เลือกตามความสะดวกเราเลย อยู่ที่งบ เวลา อากาศ หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจจะไปเที่ยวสวิสนะคะ แต่คงต้องรอให้ทุกอย่างเป็นปกติก่อนเนอะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่