..คนประเภทที่สาม.. เขียนโดย ใจแก้ว "นักเขียนสาวผู้พิการทางสายตา"

“คนประเภทที่สาม”

ตั้งแต่ที่ผมเป็นคนตาบอด
ผมสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า คนที่เข้ามาในชีวิตผมจะมีสามประเภท

1. คนที่ผมให้นิยามว่าเป็น "เวทนานิยม" นั่นคือเอื้ออาทรเกินเหตุ ส่วนมากจะเป็นคำพูดจา เช่นว่า "น่าสงสารจังเลย" ฯลฯ
คนประเภทนี้ผมจะยิ้มๆ ถ้าเขาไม่มาวุ่นวายเกินเหตุผมจะปล่อยผ่านไป
แต่ถ้าเยอะ ผมจะพยายามอธิบายในสิ่งที่ผมเป็นให้เขาฟัง

2. ผมไม่รู้จะนิยามอย่างไร คือคนที่ชื่นชมและอัศจรรย์ใจได้ตลอดเวลา
เมื่อผมทำอะไรอย่างที่คนอื่นทำกัน เช่น เรื่องราวในชีวิตประจำวัน การถ่ายภาพ ใช้คอมพิวเตอร์ เล่นสมาร์ทโฟน
คนประเภทนี้จะตื่นเต้นกว่าปกติ พร้อมคำพูดว่า "เก่งจัง..ทำได้ไง" ฯลฯ
ผมก็จะยิ้มๆ แล้วจะปล่อยผ่านไป
แต่ถ้าเยอะ ผมก็จะอธิบายเหมือนประเภทแรก

3. คนที่มองผมเป็นคนปกติ ผมจะนิยามว่า "คนปกติ!" คนประเภทนี้จะมองผมว่าเป็นคนธรรมดา ทั่วๆไป
เข้าใจตามความเป็นจริงว่าผมแค่มองไม่เห็น ไม่สามารถใช้ดวงตาได้ แต่ผมสามารถใช้ประสาทสัมผัสอื่นและสิ่งอื่นช่วยในการดำเนินชีวิตได้เช่นเดียวกับคนปกติ
คนประเภทนี้ผมจะพูดคุยทุกเรื่องได้อย่างสนิทใจ และจะนึกขอบคุณบุคคลเหล่านี้อยู่เสมอ

แรกเมื่อผมตัดสินใจว่าจะส่งข้อความเพื่อทำความรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์หนึ่ง ผมภาวนาให้เธอเป็นบุคคลประเภทที่สาม
ผมบอกเธอไปว่าผมเป็นคนพิการทางสายตา ผมตาบอดสนิททั้งสองข้าง เมื่อผมส่งข้อความไป ผมยังคงภาวนา ขอให้เธอมองผมเหมือนคนปกติด้วยเถิด
แต่ก็ผิดคาด เธอตอบกลับมาด้วยความอัศจรรย์ใจ สรุปว่าเธอเป็นบุคคลประเภทที่สองอ่อนๆ
ที่ว่าอ่อนๆ นั่นเพราะเธอไม่ได้เป็นหนักถึงขนาดว้าวไปเสียทุกเรื่องที่ผมทำ
เธอเพียงอยากรู้ว่าผมเล่นคอมพิวเตอร์สนทนากับเธออย่างไร ผมอธิบายให้เธอฟังด้วยความเต็มใจอย่างละเอียด

ผมกับเธอไม่ค่อยได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมากนัก ส่วนมากเราจะรู้เรื่องราวของกันและกันผ่านเฟสบุ๊ค กดไลค์ คอมเมนต์กันทั่วๆไป

ผมทำความรู้จักเธอผ่านสิ่งที่เธอโพสต์ในเฟสบุ๊ค เธอเองก็อ่านโพสต์ผมเช่นกัน ผมรู้ได้จากการกด ไลค์ ของเธอ นั่นทำให้ผมต้องใส่ใจในทุกรายละเอียดทุกถ้อยคำก่อนจะโพสต์อะไรลงในเฟสบุ๊คเสมอ

ผมเริ่มเข้าไปอ่านเฟสบุ๊คเธอบ่อยเข้า จากวันละครั้งสองครั้ง ค่อยเพิ่มมากขึ้น รู้ตัวอีกทีก็ต่อเมื่อผมเข้าเฟสบุ๊คทุกครั้ง ก็ต้องกดเข้าไปในเฟสบุ๊คของเธอทุกครั้งด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เธอโพสต์ส่วนมากจะเป็นเรื่องการบ้านการเมือง การแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ในทุกมุมโลกที่เธอสนใจ ผมไล่อ่านคอมเมนต์ต่างๆ สังเกตถ้อยคำที่เธอใช้โต้ตอบกับเพื่อนในเฟสบุ๊คของเธอ
แล้วพบว่า ระดับภาษาที่เธอใช้พูดคุยกับเพื่อนในเฟสบุ๊คของเธอจะเป็นไปตามความสนิทสนมว่ามากหรือน้อย

ผมเปิดกล่องข้อความ สังเกตการใช้ภาษาที่เธอสนทนากับผม “ยังไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ” ผมบอกตัวเอง
บางถ้อยคำทำให้ผมรู้สึกว่า เธอยังไม่ได้มองผมเป็นคนปกติอย่างเธอ
ผมจะทำทุกอย่าง ให้เธอยอมรับผมให้จงได้

ผมเริ่มศึกษาหาข้อมูล ทั้งในเรื่องเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก และที่สำคัญ ผมดิ้นรนหาหนังสือที่เธอเขียนมาอ่าน ในเรื่องหลังผมพบกับความยากลำบากพอควร เพราะการอ่านหนังสือของคนตาบอดอย่างผมไม่ได้ทำง่ายนัก ต้องหาคนสายตาปกติช่วยอ่านให้ฟัง แต่ผมก็อ่านหนังสือเล่มนั้นจนจบ จากการช่วยเหลือของพี่ชายคนหนึ่ง

ผมจดประเด็นที่ผมสนใจจากหนังสือของเธอเป็นอักษรเบรลล์ไว้ และเมื่อมีโอกาสผมจึงพิมพ์สิ่งที่ผมสงสัยลงในกล่องข้อความ ส่งไปถึงเธอ เธอตอบผมกลับทุกครั้ง แน่นอนว่าผมก็เฝ้าสังเกตเนื้อหาข้อความและระดับการใช้ภาษาของเธออย่างพินิจพิจารณาทุกครั้งด้วยเช่นกัน

ผมยังคงรักษาระยะห่างของเราไว้ตามความเหมาะสม ในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจทำการ์ดรูปดอกกุหลาบส่งเป็นภาพไปให้เธอ โดยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่งให้เขาเป็นคน
หาภาพดอกกุหลาบสี่ห้าภาพแล้วอธิบายแต่ละภาพให้ผมฟัง จนกระทั่งผมเลือกภาพที่ตรงใจได้ ผมตั้งใจทำการ์ดมาก ให้เพื่อนช่วยดูว่าการวางองค์ประกอบภาพกับคำบรรยายลงตัวหรือยัง
เมื่อเธอได้เห็นการ์ดวาเลนไทน์ของผม เธอตอบกลับด้วยความรู้สึกดีใจอย่างจริงใจ ผมรู้เพราะผมตั้งใจสังเกตการใช้ภาษาของเธอทุกถ้อยคำ
ผมยิ้มกับตัวเอง ความตั้งใจครั้งนี้สำเร็จตามต้องการ
ระดับภาษาที่เธอใช้เริ่มจะเป็นภาษากึ่งทางการบ้างแล้ว

ผมยังคงติดตามโพสต์ของเธอ กดไลค์เสมอ คอมเมนต์ตามสมควร อยู่เช่นเดิม
เธอเป็นฝ่ายส่งข้อความมาคุยกับผมมากขึ้น ผมตอบกลับ สนใจ และใส่ใจทุกถ้อยคำเช่นเคย

และเมื่อวานนี้เอง เธอส่งข้อความมาว่า
เธอ “วันนี้เราไปทำธุระต่างจังหวัด เดินผ่านสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เห็นดอกไม้แปลกตา จึงถ่ายรูปมาเก็บไว้”
ผม “ดอกไม้นั่นมันเป็นอย่างไรหรือครับ”
เธอ “เดี๋ยวเราส่งภาพให้ดูนะ สวยมากเลย แล้วเธอจะว้าวเหมือนเรา”
ผม “ครับ”
ผมยิ้มกับตัวเอง โดยไม่รู้หรอกว่าภาพดอกไม้ที่เธอส่งมานั้น,  มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ผมก็ส่งข้อความตอบกลับไปว่า “สวยครับ สวยมากเลย”
ต่อจากนั้นผมเขียนอีกข้อความ “ที่ว่าสวย คือหัวใจคุณ คุณยอมรับผมแล้ว” เมื่อเขียนข้อความนี้เสร็จ ผมกดลบ ให้มันเป็นข้อความที่ผมได้อ่านเพียงคนเดียวก็พอ

.....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่