เรื่องราวของความรักอีกเรื่องหนึ่ง...
เป็นเรื่องราวที่ผมค่อยๆเรียบเรืยงปะติดปะต่อ หลังจากเกิดความสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และ ถามตัวเองว่าผมจะเดินชีวิตข้างหน้าต่อในแบบไหนดี
หากผู้หญิงคนหนึ่ง บล๊อคตัวตนของเราจากชีวิตส่วนตัวของเธอ จากเฟตบุ๊ค ที่แทบไม่เคยมีเรื่องราวหรือภาพคู่ของเรา ไม่ค่อยรับแท๊คเรื่องราวที่ควรจะเป็นเรื่องราวดีๆร่วมกัน จากครอบครัวของเขา...ที่ไม่เคยเปิดตัวผมในฐานะแฟนที่มีเรื่องราวมามากกว่า 20 ปี หรืออาจเพียง 4-5ปีที่คบกันในฐานะคนรัก ยังต้องคอยแอบพบเจอ หรือมีเรื่องราวที่ต้องปิดบังจากความจริง กับแวดวงเพื่อนของเธอ...ที่เราแทบไม่เคยไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปพบเจอคนเหลานั้น จากที่ทำงาน...ที่เรานั้นแทบไม่เคยรู้จัก จากธุระกิจที่ทำร่วมกัน เธอกับต้องการความเป็นส่วนตัว ใช้คำว่าไม่ชอบให้ธุรกิจเป็นที่เปิดเผยในหน้าเฟตบุ๊คของเธอ จะมีเพียงกลุ่มเล็กๆที่รู้ว่าเราทำธุรกิจนี้ร่วมกัน
ในมุมกลับกัน เธอมีLine แม่ผม แม่ผมรับรู้ทุกอย่างนับตั่งแต่วันเริ่มต้น เราไปไหนเมื่อมีโอกาสร่วมกันเสมอ “ในทุกครั้งที่มีโอกาส” เพื่อนผมเธอรู้จักทุกคน ตั่งแต่มัธยม มหาลัย กลุ่มเพื่อนทำงาน เธอมีเบอร์โทรเกือบแทบทุกคน มีเฟตบุ๊ค มีLIne เพื่อนไปไหนมาไหน ผมพาเธอไปด้วยเสมอ ญาติพี่น้องทุกคน เธอรู้จักในทุกๆคนที่ผมเทียวไปมาหาสู่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เธอเข้าถึงทุกอย่างของผมได้หมด ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาก็จะรู้จักเธอดีในฐานะคนรักของผม
ผมเคยถาม เคยพูดคุยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่น้อยเรื่องที่จะได้คำตอบ ถาม 10 ได้กลับมา 1-2เรื่อง หรือเป็นที่รู้กันว่าทำไมจนบางเรื่องเราไม่ต้องพูดคุยกัน
มาดูรายละเอียดที่ผมพอทำความเข้าใจกันก่อน เธอเป็นแฟนคนแรกในชีวิตของผม ตั่งแต่มัธยมต้น แต่เรื่องราวก็ผ่านมาแล้วจบลงด้วยผมเอง และเรากลับมาคบกันอีกครั้ง ครอบครัวเธอเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ พี่น้องทุกคนมีอาชีพการงานที่หน้านับถือ “เป็นอย่างมาก” ตัวเธอเองก็ทำงานในระดับงานที่ดี จบปริญาโทในมหาลัยอันดับต้นๆของประเทศ ญาติพี่น้องก็เป็นอยู่ที่ไม่เดือนร้อนเป็นส่วนใหญ่
แล้วผู้ชายอย่างผมหละ ครอบครัวแตก ผมอยู่กับพ่อที่มีแต่คำด่าทอ ชีวิตคอนข้างเละ รายละเอียดประมาณหนึ่ง ญาติพี่น้องผมส่วนใหญ่เกษตกรบ้าง หาเช้ากินค่ำบ้าง กลุ่มเพื่อนเป็นคนทั่วไปปริญาตรีในระดับทั่วไป และ ผมเรียนไม่จบผมใจแตกเสียก่อน แต่ยังรักดี ตอนนี้ก็ยังพอสร้างตัวเองทีละน้อย มีวิชาชีพที่พัฒนาเป็นธุระกิจได้ ก่อนหน้าทำธุระกิจด้วยกัน ผมพอจะมีรายได้ไม่เคยต่ำกว่า 50000บ “อธิบายให้พอเห็นภาพ” เราเริ่มอยากเติบโตขึ้น จึงตัดสิ้นใจทำธุระกิจด้วยกัน เมื่อเราคบกัน เธอพอมีทุ่นทรัพย์ ประมาณหนึ่ง ราวๆ2-3แสน ผมเองก็มีอุปกรณ์ มีเงินที่ร่วมจากการช่วยเหลือของแม่อีกแสนกว่าๆ แต่ไม่สำคัญในวันที่เราคาดหวังว่าจะมีอนาคตร่วมกัน แต่ผมก็ชัดเจน เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งเรื่องเงินผมไม่เคยผิดใจและเสียในเรื่องนี้ ทั่งต่อเพื่อนและคนใกล้ตัว ผมให้เธอดูแลทุกอย่าง แต่ก็อย่างว่า ธุรกิจที่เราทำด้วยกันนั้นไม่สวยหรูอย่างที่ฝันไว้ เราทะเลาะกันตลอด ในทุกๆเรื่อง เราทะเลาะกันหนักๆได้ตั่งแต่ ไม้ถูพื้น ยัน ไม้แขวนเสื้อ เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนเราก็ทำให้มันใหญ่ได้ ผมไม่โทษเธอฝ่ายเดียว ผมก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่ยอมคน หากไม่ผิดนี้ผมสู้ขาดใจมาตั่งแต่เด็ก ทุกเรื่องที่ผมคิดเธอไม่เคยเห็นด้วย และ ทะเลาะกันมาตลอด จะอยู่ตรงข้ามผมเสมอ แต่เธอก็ไม่เคยหากทางเลือกให้จะว่าไป ถึงมีเอาเข้าจริงมันไม่ใช่จะให้ลงรายละเอียดให้เห็นภาพ ผมจะมีความเป็นศิลป์และอย่างทำงานทุกงานให้ดีที่สุด คาดหวังในงานค่อนข้างสูง อยากดูแลลูกค้าให้ดี ด้วยความเชื่อที่ว่าทำให้ดีแล้วทุกอย่างจะตอบรับกลับมาดีเอง แต่ เธอจะอยู่ในระบบความคิด ในความละเอียดทุกอย่างคือเงิน ทุกอย่างคือบัญชี ทุกอย่างมีเทคนิค เมื่อนานมาแล้วผมเคยคิดว่ามันคือการเติมเต็ม ในสิ่งที่เราต่างนั้นมีหากรวมกันได้ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นน้ำ กับน้ำมัน มันเติมเต็ม แต่ไม่ได้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
แต่ความรักนั้นยังอยู่ เธออยู่ข้างผมในทุกๆครั้งที่ผมมีปัญหาในทุกๆทางตัน มันทำให้ผมสับสนกับชีวิตอย่างรุ่นแรง ผมเองก็ยังเชื่อเสมอหากผมเป็นอะไรไป อาจต้องพิการเธอก็ยังอยู่ช้างผมเสมอ แต่หากมันเป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตที่เหลืออยู่ "จริงๆเหรอ” ทุกวันนี้เรายังทะเลาะกัน เมื่อผมเรียบเรียงเรื่องราวที่ทะเลาะกัน เมื่อก่อนผมคิดว่าเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจอย่างเดียว แต่จริงๆแล้ว มันเป็นทุกเรื่องที่เป็นของผม ทางบ้านเขาจะทำอะไรให้ผมช่วยอะไรผมไม่เคยอิดอ๊อด เขาจะให้ผมช่วยเขาทำอะไรไปรับไปส่งที่ไหน ผมก็พยายามทำให้ไม่เคยเป็นประเด่นให้ทะเลาะกัน แต่ทุกเรื่องที่ทะเลาะกัน เป็นเพราะผม ผมเป็นผู้ชายที่ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยเก็บบ้าน กางเกงยีนใส่ได้เป็นเดือน เพื่อนก็สายเฮฮาบ้านๆ แต่ผมไม่กินเหล้า อย่างน้อยก็ไม่สูบบุหรี่จนมาหนึ่งปีที่ใช้ชีวิตหนักๆ ผมหันเวลาไปพึ่งมัน อย่างน้อยผมเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง ผมยังมองหาโอกาสประสบความสำเร็จ ตั่งใจทำงานในทุกๆงานที่ได้รับมา
จุดของปัญหาชีวิตหลักๆของบทความนี้เกิดขึ้นเมื่อ ผมมีลูกในสมัยเลิกรากันไปและวันนี้ผมจะพาเขากลับมาดูแล เธอรับรู้มาตลอด แต่ด้วยความสุขที่มีแต่ความกดดัน เสียงหัวเราะของเรานั้นน้อยกว่าเรื่องราวทะเลาะกัน เมื่อความอบอุ่นในอ้อมกอดเรามีน้อยกว่าความเย็นชาในแต่ละวัน เด็กคนนี้ก็เป็นเหมือนตำหนิ ที่เขาอาจเรียนไม่เก่ง ไม่มีความสามารถที่หน้าภูมิใจ แต่เป็นเด็กดี หัวอ่อน จึงอยากเอามาดูแล ผมอยากให้เขาใช้ชีวิตให้เป็น อยากน้อยให้เอาตัวรอดได้ แต่ก็อย่างที่พอเขาใจพื้นฐานของแฟนผม มันจะยิ่งให้บ้านร้อน คำดุ คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ บางทีผมฟังยังสะเทือนใจเลย แน่นอนเธอพูดในสิ่งที่ถูก ผมก็ย้อนกลับมาถามตัวเอง ผมจำเรื่องราวคำดูถูกได้ตอนไหนนะ แล้วมันส่งผลอย่างไรกับจิตใจผมจนวันนี้บ้าง ผมพูดคุยกับเธอนะ ไม่ได้คาดหวังให้เธอนั้นรักเด็กคนนี้ แต่ก็อยากให้เธอเพียงเมตตาสักเพียงน้อย คำพูดหนึ่งที่ออกมาจากเธอที่ผมคงต้องรบกวนให้ทำความเข้าใจหนักๆ ว่ามันเป็นเรื่องราวของคนสองคนคุยกัน “สำหรับฉันไม่รู้ว่านี้ลูกใคร เขาไม่ใช่ลูกฉัน “ มันมีมิติมุมมองและเรื่องราวที่ไม่ได้พูดถึงอีกมากมาย และ ไม่สามารถอธิบายได้ในกระดานสั้นๆ ผู้หญิงที่ค่อยเคียงข้างในวันที่ผมไม่มีใคร ผมรักเธอ และ รู้ว่าเธอก็รักผมเช่นกัน มันเป็นความบิดเบี้ยวของความรักที่สับสน เราผ่านการปรับตัวที่เนินนานมาก มันไม่ใช่เรื่องของการต้องเลือกว่าผมจะเลือกใคร แต่ความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่ กับอีกหนึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์ เอาไว้เป็นอุทาหณร์ชีวิตของคนอื่น สำหรับผมวินาทีนี้ สิ่งเดียวที่ยอมไม่ได้หากความบริสุทธิ์ของเด็กไม่สามารถเป็นที่รัก และ สร้างอนาคตที่มีความสุขร่วมกันได้ ก็อยากให้ปล่อยมือจากผมไป ลมหายใจผมยังมี จะไม่โทษชะตาที่ทำให้ผมเกิดมามีน้อยกว่า ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด แต่มันไม่สวยงามได้ดังใจทุกคนก็ตาม ผมเสียใจกับความรักในครั้งนี้ ผมอยากขอโทษในทุกสิ่งที่เธอมีให้ แต่ทุกวันนี้มันมีแต่ความทุกข์ จากผมไปเริ่มต้นใหม่กับคนที่คู่ควร เถิดที่รัก
ความรักที่เติมเต็ม ด้วยนำ้ กับ น้ำมัน
เป็นเรื่องราวที่ผมค่อยๆเรียบเรืยงปะติดปะต่อ หลังจากเกิดความสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และ ถามตัวเองว่าผมจะเดินชีวิตข้างหน้าต่อในแบบไหนดี
หากผู้หญิงคนหนึ่ง บล๊อคตัวตนของเราจากชีวิตส่วนตัวของเธอ จากเฟตบุ๊ค ที่แทบไม่เคยมีเรื่องราวหรือภาพคู่ของเรา ไม่ค่อยรับแท๊คเรื่องราวที่ควรจะเป็นเรื่องราวดีๆร่วมกัน จากครอบครัวของเขา...ที่ไม่เคยเปิดตัวผมในฐานะแฟนที่มีเรื่องราวมามากกว่า 20 ปี หรืออาจเพียง 4-5ปีที่คบกันในฐานะคนรัก ยังต้องคอยแอบพบเจอ หรือมีเรื่องราวที่ต้องปิดบังจากความจริง กับแวดวงเพื่อนของเธอ...ที่เราแทบไม่เคยไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปพบเจอคนเหลานั้น จากที่ทำงาน...ที่เรานั้นแทบไม่เคยรู้จัก จากธุระกิจที่ทำร่วมกัน เธอกับต้องการความเป็นส่วนตัว ใช้คำว่าไม่ชอบให้ธุรกิจเป็นที่เปิดเผยในหน้าเฟตบุ๊คของเธอ จะมีเพียงกลุ่มเล็กๆที่รู้ว่าเราทำธุรกิจนี้ร่วมกัน
ในมุมกลับกัน เธอมีLine แม่ผม แม่ผมรับรู้ทุกอย่างนับตั่งแต่วันเริ่มต้น เราไปไหนเมื่อมีโอกาสร่วมกันเสมอ “ในทุกครั้งที่มีโอกาส” เพื่อนผมเธอรู้จักทุกคน ตั่งแต่มัธยม มหาลัย กลุ่มเพื่อนทำงาน เธอมีเบอร์โทรเกือบแทบทุกคน มีเฟตบุ๊ค มีLIne เพื่อนไปไหนมาไหน ผมพาเธอไปด้วยเสมอ ญาติพี่น้องทุกคน เธอรู้จักในทุกๆคนที่ผมเทียวไปมาหาสู่ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เธอเข้าถึงทุกอย่างของผมได้หมด ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาก็จะรู้จักเธอดีในฐานะคนรักของผม
ผมเคยถาม เคยพูดคุยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่น้อยเรื่องที่จะได้คำตอบ ถาม 10 ได้กลับมา 1-2เรื่อง หรือเป็นที่รู้กันว่าทำไมจนบางเรื่องเราไม่ต้องพูดคุยกัน
มาดูรายละเอียดที่ผมพอทำความเข้าใจกันก่อน เธอเป็นแฟนคนแรกในชีวิตของผม ตั่งแต่มัธยมต้น แต่เรื่องราวก็ผ่านมาแล้วจบลงด้วยผมเอง และเรากลับมาคบกันอีกครั้ง ครอบครัวเธอเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างสมบูรณ์ พี่น้องทุกคนมีอาชีพการงานที่หน้านับถือ “เป็นอย่างมาก” ตัวเธอเองก็ทำงานในระดับงานที่ดี จบปริญาโทในมหาลัยอันดับต้นๆของประเทศ ญาติพี่น้องก็เป็นอยู่ที่ไม่เดือนร้อนเป็นส่วนใหญ่
แล้วผู้ชายอย่างผมหละ ครอบครัวแตก ผมอยู่กับพ่อที่มีแต่คำด่าทอ ชีวิตคอนข้างเละ รายละเอียดประมาณหนึ่ง ญาติพี่น้องผมส่วนใหญ่เกษตกรบ้าง หาเช้ากินค่ำบ้าง กลุ่มเพื่อนเป็นคนทั่วไปปริญาตรีในระดับทั่วไป และ ผมเรียนไม่จบผมใจแตกเสียก่อน แต่ยังรักดี ตอนนี้ก็ยังพอสร้างตัวเองทีละน้อย มีวิชาชีพที่พัฒนาเป็นธุระกิจได้ ก่อนหน้าทำธุระกิจด้วยกัน ผมพอจะมีรายได้ไม่เคยต่ำกว่า 50000บ “อธิบายให้พอเห็นภาพ” เราเริ่มอยากเติบโตขึ้น จึงตัดสิ้นใจทำธุระกิจด้วยกัน เมื่อเราคบกัน เธอพอมีทุ่นทรัพย์ ประมาณหนึ่ง ราวๆ2-3แสน ผมเองก็มีอุปกรณ์ มีเงินที่ร่วมจากการช่วยเหลือของแม่อีกแสนกว่าๆ แต่ไม่สำคัญในวันที่เราคาดหวังว่าจะมีอนาคตร่วมกัน แต่ผมก็ชัดเจน เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่งเรื่องเงินผมไม่เคยผิดใจและเสียในเรื่องนี้ ทั่งต่อเพื่อนและคนใกล้ตัว ผมให้เธอดูแลทุกอย่าง แต่ก็อย่างว่า ธุรกิจที่เราทำด้วยกันนั้นไม่สวยหรูอย่างที่ฝันไว้ เราทะเลาะกันตลอด ในทุกๆเรื่อง เราทะเลาะกันหนักๆได้ตั่งแต่ ไม้ถูพื้น ยัน ไม้แขวนเสื้อ เรื่องเล็กน้อยแค่ไหนเราก็ทำให้มันใหญ่ได้ ผมไม่โทษเธอฝ่ายเดียว ผมก็เป็นคนอารมณ์ร้อน ไม่ยอมคน หากไม่ผิดนี้ผมสู้ขาดใจมาตั่งแต่เด็ก ทุกเรื่องที่ผมคิดเธอไม่เคยเห็นด้วย และ ทะเลาะกันมาตลอด จะอยู่ตรงข้ามผมเสมอ แต่เธอก็ไม่เคยหากทางเลือกให้จะว่าไป ถึงมีเอาเข้าจริงมันไม่ใช่จะให้ลงรายละเอียดให้เห็นภาพ ผมจะมีความเป็นศิลป์และอย่างทำงานทุกงานให้ดีที่สุด คาดหวังในงานค่อนข้างสูง อยากดูแลลูกค้าให้ดี ด้วยความเชื่อที่ว่าทำให้ดีแล้วทุกอย่างจะตอบรับกลับมาดีเอง แต่ เธอจะอยู่ในระบบความคิด ในความละเอียดทุกอย่างคือเงิน ทุกอย่างคือบัญชี ทุกอย่างมีเทคนิค เมื่อนานมาแล้วผมเคยคิดว่ามันคือการเติมเต็ม ในสิ่งที่เราต่างนั้นมีหากรวมกันได้ แต่สุดท้ายมันกลายเป็นน้ำ กับน้ำมัน มันเติมเต็ม แต่ไม่ได้ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
แต่ความรักนั้นยังอยู่ เธออยู่ข้างผมในทุกๆครั้งที่ผมมีปัญหาในทุกๆทางตัน มันทำให้ผมสับสนกับชีวิตอย่างรุ่นแรง ผมเองก็ยังเชื่อเสมอหากผมเป็นอะไรไป อาจต้องพิการเธอก็ยังอยู่ช้างผมเสมอ แต่หากมันเป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตที่เหลืออยู่ "จริงๆเหรอ” ทุกวันนี้เรายังทะเลาะกัน เมื่อผมเรียบเรียงเรื่องราวที่ทะเลาะกัน เมื่อก่อนผมคิดว่าเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจอย่างเดียว แต่จริงๆแล้ว มันเป็นทุกเรื่องที่เป็นของผม ทางบ้านเขาจะทำอะไรให้ผมช่วยอะไรผมไม่เคยอิดอ๊อด เขาจะให้ผมช่วยเขาทำอะไรไปรับไปส่งที่ไหน ผมก็พยายามทำให้ไม่เคยเป็นประเด่นให้ทะเลาะกัน แต่ทุกเรื่องที่ทะเลาะกัน เป็นเพราะผม ผมเป็นผู้ชายที่ไม่เรียบร้อย ไม่ค่อยเก็บบ้าน กางเกงยีนใส่ได้เป็นเดือน เพื่อนก็สายเฮฮาบ้านๆ แต่ผมไม่กินเหล้า อย่างน้อยก็ไม่สูบบุหรี่จนมาหนึ่งปีที่ใช้ชีวิตหนักๆ ผมหันเวลาไปพึ่งมัน อย่างน้อยผมเป็นคนสู้ชีวิตคนหนึ่ง ผมยังมองหาโอกาสประสบความสำเร็จ ตั่งใจทำงานในทุกๆงานที่ได้รับมา
จุดของปัญหาชีวิตหลักๆของบทความนี้เกิดขึ้นเมื่อ ผมมีลูกในสมัยเลิกรากันไปและวันนี้ผมจะพาเขากลับมาดูแล เธอรับรู้มาตลอด แต่ด้วยความสุขที่มีแต่ความกดดัน เสียงหัวเราะของเรานั้นน้อยกว่าเรื่องราวทะเลาะกัน เมื่อความอบอุ่นในอ้อมกอดเรามีน้อยกว่าความเย็นชาในแต่ละวัน เด็กคนนี้ก็เป็นเหมือนตำหนิ ที่เขาอาจเรียนไม่เก่ง ไม่มีความสามารถที่หน้าภูมิใจ แต่เป็นเด็กดี หัวอ่อน จึงอยากเอามาดูแล ผมอยากให้เขาใช้ชีวิตให้เป็น อยากน้อยให้เอาตัวรอดได้ แต่ก็อย่างที่พอเขาใจพื้นฐานของแฟนผม มันจะยิ่งให้บ้านร้อน คำดุ คำพูดที่ทำร้ายจิตใจ บางทีผมฟังยังสะเทือนใจเลย แน่นอนเธอพูดในสิ่งที่ถูก ผมก็ย้อนกลับมาถามตัวเอง ผมจำเรื่องราวคำดูถูกได้ตอนไหนนะ แล้วมันส่งผลอย่างไรกับจิตใจผมจนวันนี้บ้าง ผมพูดคุยกับเธอนะ ไม่ได้คาดหวังให้เธอนั้นรักเด็กคนนี้ แต่ก็อยากให้เธอเพียงเมตตาสักเพียงน้อย คำพูดหนึ่งที่ออกมาจากเธอที่ผมคงต้องรบกวนให้ทำความเข้าใจหนักๆ ว่ามันเป็นเรื่องราวของคนสองคนคุยกัน “สำหรับฉันไม่รู้ว่านี้ลูกใคร เขาไม่ใช่ลูกฉัน “ มันมีมิติมุมมองและเรื่องราวที่ไม่ได้พูดถึงอีกมากมาย และ ไม่สามารถอธิบายได้ในกระดานสั้นๆ ผู้หญิงที่ค่อยเคียงข้างในวันที่ผมไม่มีใคร ผมรักเธอ และ รู้ว่าเธอก็รักผมเช่นกัน มันเป็นความบิดเบี้ยวของความรักที่สับสน เราผ่านการปรับตัวที่เนินนานมาก มันไม่ใช่เรื่องของการต้องเลือกว่าผมจะเลือกใคร แต่ความสุขในชีวิตที่เหลืออยู่ กับอีกหนึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์ เอาไว้เป็นอุทาหณร์ชีวิตของคนอื่น สำหรับผมวินาทีนี้ สิ่งเดียวที่ยอมไม่ได้หากความบริสุทธิ์ของเด็กไม่สามารถเป็นที่รัก และ สร้างอนาคตที่มีความสุขร่วมกันได้ ก็อยากให้ปล่อยมือจากผมไป ลมหายใจผมยังมี จะไม่โทษชะตาที่ทำให้ผมเกิดมามีน้อยกว่า ผมจะทำในสิ่งที่ดีที่สุด แต่มันไม่สวยงามได้ดังใจทุกคนก็ตาม ผมเสียใจกับความรักในครั้งนี้ ผมอยากขอโทษในทุกสิ่งที่เธอมีให้ แต่ทุกวันนี้มันมีแต่ความทุกข์ จากผมไปเริ่มต้นใหม่กับคนที่คู่ควร เถิดที่รัก