คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ตอบเอาเท่าที่เรียนมานะครับ (ผมเรียนเภสัช คือได้เรียนมาแบบนิดเดียว ไม่ได้เน้นมาก 5555)
1. ถ้าสารที่ใส่ไปแต่ละตัวอยู่ในปริมาณที่กำหนด ไม่เกินปริมาณที่เกิดพิษ (ศัพท์ทางเทคนิคคือ ไม่เกิน max dose) ก็จะไม่อันตรายต่อร่างกายครับ
2. ถ้ามีหลายสาร สัณนิษฐานว่าสารเหล่านั้นจะเกิดการเสริมฤทธิ์กันครับ (ศัพท์ทางเทคนิคคือ synergistic effect) ยกตัวอย่างเช่น Tocopheryl Acetate ออกฤทธิ์เสร็จ มันจะกลายไปอยู่ในรูปของ pro-oxidant ก็คือเป็นรูปแบบที่ไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งถ้ามีตัวนี้ตัวเดียวเนี่ย หมดแล้วก็หมดเลยครับ แต่ถ้ามีตัวอื่นมาด้วย หลังจากที่ Tocopheryl Acetate กลายร่างไปอยู่ในรูปที่ไม่ออกฤทธิ์แล้วนั้น anti-oxidant ตัวอื่นก็จะทำหน้าที่ต่อแทนครับ
3. anti-oxidant ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการดูดซึมครับ ตามทฤษฎีบอกไว้ว่าสารที่ดูดซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้มันจะมีค่า log P (Partition coefficient) ประมาณ 1-3 แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อผิวชั้นบนสุดอยู่ครับ เช่นช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ และอีกหนึ่งอย่างตามทฤษฎีที่บอกคือสารที่จะดูดซึมเข้าชั้นผิวหนังได้ดีมักจะมีมวลโมเลกุลไม่เกิน 500 ดาลตัน ครับ (ถ้าสนใจตัวไหนอาจจะต้องไปหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสารนั้นๆครับ)
4. การใช้สารพวกนี้ร่วมกันในการใช้ภายนอก ไม่ถือว่ามีอันตรายครับ ถ้าปริมาณความเข้มข้นของสารนั้นไม่เกิน max dose ที่กำหนด แต่ถ้าใช้สารพวกนี้ในรูปแบบการรับประทานนั้นจะมีอันตรายอย่างมากครับ หลักๆเลยคือพิษต่อตับครับ แต่ในกรณีนี้ จขกท. ใช้เป็นครีม ซึ่งทาภายนอก ดังนั้นปลอดภัยอยู่ครับ
หวังว่าความรู้ของผมจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อาจจะไม่ได้เป๊ะมากหรือถูกตามทฤษฎีบ้าง เป็นความเข้าใจของผมล้วนๆครับ อีกอย่างผมไม่ได้เรียนเน้นทางเครื่องสำอางหรืออะไรพวกนี้เท่าไหร่ครับ หนักไปทางเรื่องยาซะมากกว่า แต่ถ้ามีอะไรสงสัย สามารถหลังไมค์มาถามได้นะครับ ยินดีตอบทุกคำถามครับ
ปล.) เห็น จขกท. ประกาศหาแฟน ทางนี้ก็ยังโสดอยู่นะครับ แหะๆๆ
1. ถ้าสารที่ใส่ไปแต่ละตัวอยู่ในปริมาณที่กำหนด ไม่เกินปริมาณที่เกิดพิษ (ศัพท์ทางเทคนิคคือ ไม่เกิน max dose) ก็จะไม่อันตรายต่อร่างกายครับ
2. ถ้ามีหลายสาร สัณนิษฐานว่าสารเหล่านั้นจะเกิดการเสริมฤทธิ์กันครับ (ศัพท์ทางเทคนิคคือ synergistic effect) ยกตัวอย่างเช่น Tocopheryl Acetate ออกฤทธิ์เสร็จ มันจะกลายไปอยู่ในรูปของ pro-oxidant ก็คือเป็นรูปแบบที่ไม่ออกฤทธิ์ ซึ่งถ้ามีตัวนี้ตัวเดียวเนี่ย หมดแล้วก็หมดเลยครับ แต่ถ้ามีตัวอื่นมาด้วย หลังจากที่ Tocopheryl Acetate กลายร่างไปอยู่ในรูปที่ไม่ออกฤทธิ์แล้วนั้น anti-oxidant ตัวอื่นก็จะทำหน้าที่ต่อแทนครับ
3. anti-oxidant ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องการดูดซึมครับ ตามทฤษฎีบอกไว้ว่าสารที่ดูดซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้มันจะมีค่า log P (Partition coefficient) ประมาณ 1-3 แต่ถ้ามากกว่านี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อผิวชั้นบนสุดอยู่ครับ เช่นช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ และอีกหนึ่งอย่างตามทฤษฎีที่บอกคือสารที่จะดูดซึมเข้าชั้นผิวหนังได้ดีมักจะมีมวลโมเลกุลไม่เกิน 500 ดาลตัน ครับ (ถ้าสนใจตัวไหนอาจจะต้องไปหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลสารนั้นๆครับ)
4. การใช้สารพวกนี้ร่วมกันในการใช้ภายนอก ไม่ถือว่ามีอันตรายครับ ถ้าปริมาณความเข้มข้นของสารนั้นไม่เกิน max dose ที่กำหนด แต่ถ้าใช้สารพวกนี้ในรูปแบบการรับประทานนั้นจะมีอันตรายอย่างมากครับ หลักๆเลยคือพิษต่อตับครับ แต่ในกรณีนี้ จขกท. ใช้เป็นครีม ซึ่งทาภายนอก ดังนั้นปลอดภัยอยู่ครับ
หวังว่าความรู้ของผมจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ อาจจะไม่ได้เป๊ะมากหรือถูกตามทฤษฎีบ้าง เป็นความเข้าใจของผมล้วนๆครับ อีกอย่างผมไม่ได้เรียนเน้นทางเครื่องสำอางหรืออะไรพวกนี้เท่าไหร่ครับ หนักไปทางเรื่องยาซะมากกว่า แต่ถ้ามีอะไรสงสัย สามารถหลังไมค์มาถามได้นะครับ ยินดีตอบทุกคำถามครับ

ปล.) เห็น จขกท. ประกาศหาแฟน ทางนี้ก็ยังโสดอยู่นะครับ แหะๆๆ
แสดงความคิดเห็น
ครีมที่เติม antioxidants เยอะ ๆ มีผลเสียอะไรไหม
โดยให้ปริมาณของแต่ละชนิดไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนด
ครีมที่ผมใช้อยู่ตามปกติมี Tocopheryl Acetate แค่ตัวเดียว
ก็เลยอยากจะเสริมอย่างอื่นเข้าไป
มีสารที่สนใจอยู่ 6 ตัวคือ Lycopene, OPCs, CoQ10, Quercetin, Isoflavones, Lutein ครับ