ภาพพญามาร, พุทธะ, สังสารวัฏ, , ทางสายกลาง, และการหลุดพ้น สะท้อนผ่านงานพุทธศิลป์แห่ง ป๋าวติ่งซานBaodingshan 寶頂山
ทางสายกลางสู่พุทธภาวะ คือทางเอกสายเดียว ที่จะสามารถหลุดพ้นจากสังสารวัฏ
ภาพสลักผาหินแห่ง ภูเขาป๋าวติ่ง Bao Ding Shan (寶頂山) หนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากแห่งเมืองต้าจู๋(大足) มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ภาพสลักหินที่มีขนาดความสุงราวแปดเมตรนี้ ซึ่งแสดงถึง วงล้อแห่งสังสารวัฏ/วัฏฏสงสาร (輪迴) ที่มีรูปพระพุทธปฏิมาปรากฏเรียงออกมาหกสายจากตรงกลางกายของพระภิกษุผู้ปฏิบัติสมาธิ โดยงานสลักชิ้นนี้สันนิฐานว่าถูกสร้างในยุคซ่ง (宋) ราวพ.ศ. 1635
นักวิจัยชี้ว่า ภาพนี้ได้สะท้อนแนวคิดเรื่องสังสารวัฏ ที่ประกอบด้วยภพภูมิทั้งหก ซึ่งถูกควบคุมโดยพญามาร ในภาพให้รายละเอียดโดยแกะสลักเป็นรูปพญามารในท่ายืน กำลังโอบกลืนกินสังสารวัฏเอาไว้ เพื่อเป็นปริศนาธรรมว่า สรรพสัตว์ทั้งหกภพภูมิ (วงที่สองจากตรงกลางแบ่งเป็นหกช่อง) อันประกอปด้วยเทวดา(รวมพรหม), มนุษย์, สัวต์เดรฉาน, เปรต, อสูรกาย, และสัตว์นรก ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพญามารทั้งหมด
ภาพวงกลมตรงศูนย์กลาง มีภาพพระภิกษุนามว่า จ้าวจื้อเฟิง Zhao Zhifeng นั่งสมาธิตรงกลางภาพ คือปริศนาธรรมที่สื่อถึง การปฏิบัติธรรม, พุทธภาวะ(Buddhahood), และทางสายกลาง หนทางเดียวที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏทั้งหกภพภูมิได้
จากภาพยังสามารถตีความได้ว่าการจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้นี้ สรรพสัตว์ต้องอาศัยการปฏิบัติสมาธิ เพื่อดำเนินจิตเข้าสู่ทางสายกลางภายในตน กระทั่งได้เข้าถึงพุทธภาวะเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตที่มีจำนวนมากมายกว่าเม็ดทรายในแม่นำ้คงคาที่พ้นแล้วด้วยทางสายกลางนี้
สัตว์สามตัว มีนก ลิง และงู ข้างกายของพระจ้าวจื้อเฟิง คือสัญลักษณ์แทนกิเลสทั้งสาม ที่เป็นสาเหตุนำไปสู่วงจรการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
นอกจากนี้ยังมีภาพสลักพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ เหนือรูปสลักพญามาร ซึ่งภาพพุทธทั้งสามพระองค์นี้ ศาสตราจารย์ ดร. เองเจลล่า นักวิชาการชาวอเมริกัน ตีความหมายว่า น่าจะหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสามกาล คือ อดีต(พระทีปังกรพุทธเจ้า) ปัจจุบัน(พระสมณโคดมพุทธเจ้า) และอนาคต(พระเมตตรัยพุทธเจ้า)
ขณะที่ โกวโย่วเมิ้ง 郭祐孟 ตีความว่าพระพุทธรูปทั้งสาม อาจจะหมายถึงสัญลักษณ์ ตรีกาย (ธรรมกาย, นิรมานกาย, สัมโภคกาย) ของพระพุทธองค์
อย่างไรก็ดีภาพสลักนี้ ได้สะท้อนแนวคิด และบ่งบอกปริศนามธรรมอย่างน้อยสามประเด็นคือ
1. มารคือผู้ควบคุมสังสารวัฏ
2. การเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ล้วนเป็นผลจากกิเลสสามตัวในจิตของตน คือ โลภะ โทสะ โมหะ
3. การหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ต้องอาศัยการฝึกจิต ด้วยการทำสมาธิผ่านทางสายกลาง เพื่อให้เข้าถึงพุทธภาวะภายใน
ภาพสลักสังสารวัฏ แห่งภูเขาป่าวติ่ง เมืองต้าจู๋ มณฑลเสเฉวน 四川大足寶頂山大佛灣第03號龕 六道輪迴圖局部
ภาพสเกตโครงร่างภาพโดยดร.เองเจล่า
Angela Falco Howard, Summit of Treasures:Buddhist Cave Art of Dazu, China (Trumbull: Weatherhill, 2001), 6–10.
http://www.chuefeng.org.tw
圖15 四川大足寶頂山大佛灣第03號龕 六道輪迴圖局部 三身佛
ภาพพระพุทธเจ้าสามพระองค์ ประดิษฐานอยู่เหนือรูปสลักพญามาร ยังไม่มีข้อสรุปว่าอาจจะหมายถึงตรีกาย หรืออาจจะหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสามกาล
รูปสลักสะท้อน การกำหนดจิตของพระจ้าวจื้อฟงต่อพระไวโรจนะพุทธ (พระพุทธเจ้าในสภาวะธรรมกาย)
http://blog.xuite.net/tcc7912/twblog/128448725-%E5%9B%9B%E5%B7%9D%E5%A4%A7%E8%B6%B3%E5%AF%B6%E9%A0%82%E5%B1%B1%E7%9F%B3%E5%88%BB
อ้างอิง
https://zh.wikipedia.org/wiki/大足石刻
http://whc.unesco.org/en/list/912/
http://www.chuefeng.org.tw/artcenter_column_content.aspx?id=62&class=0#.WNVCQhicYci
http://tripitaka.cbeta.org/zh-cn/W04n0035_001
http://yahoo.yododo.com/guide/014B6B7007F60BC2402881E54B6A7B43
Angela Falco Howard, Summit of Treasures:Buddhist Cave Art of Dazu, China (Trumbull: Weatherhill, 2001), 6–10.
Stephen F. Teiser, “The Local and the Canonical

ictures of the Wheel of Rebirth in Gansu and Sichuan,” Asia Major 17,no. 1 (2004): 73–122.
"มาร, พุทธะ, สังสารวัฏ, และการหลุดพ้น" งานสลักผาหินแห่ง ป๋าวติ่งซาน
ทางสายกลางสู่พุทธภาวะ คือทางเอกสายเดียว ที่จะสามารถหลุดพ้นจากสังสารวัฏ
ภาพสลักผาหินแห่ง ภูเขาป๋าวติ่ง Bao Ding Shan (寶頂山) หนึ่งในมรดกโลกที่มีชื่อเสียงมากแห่งเมืองต้าจู๋(大足) มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ภาพสลักหินที่มีขนาดความสุงราวแปดเมตรนี้ ซึ่งแสดงถึง วงล้อแห่งสังสารวัฏ/วัฏฏสงสาร (輪迴) ที่มีรูปพระพุทธปฏิมาปรากฏเรียงออกมาหกสายจากตรงกลางกายของพระภิกษุผู้ปฏิบัติสมาธิ โดยงานสลักชิ้นนี้สันนิฐานว่าถูกสร้างในยุคซ่ง (宋) ราวพ.ศ. 1635
นักวิจัยชี้ว่า ภาพนี้ได้สะท้อนแนวคิดเรื่องสังสารวัฏ ที่ประกอบด้วยภพภูมิทั้งหก ซึ่งถูกควบคุมโดยพญามาร ในภาพให้รายละเอียดโดยแกะสลักเป็นรูปพญามารในท่ายืน กำลังโอบกลืนกินสังสารวัฏเอาไว้ เพื่อเป็นปริศนาธรรมว่า สรรพสัตว์ทั้งหกภพภูมิ (วงที่สองจากตรงกลางแบ่งเป็นหกช่อง) อันประกอปด้วยเทวดา(รวมพรหม), มนุษย์, สัวต์เดรฉาน, เปรต, อสูรกาย, และสัตว์นรก ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพญามารทั้งหมด
ภาพวงกลมตรงศูนย์กลาง มีภาพพระภิกษุนามว่า จ้าวจื้อเฟิง Zhao Zhifeng นั่งสมาธิตรงกลางภาพ คือปริศนาธรรมที่สื่อถึง การปฏิบัติธรรม, พุทธภาวะ(Buddhahood), และทางสายกลาง หนทางเดียวที่จะนำพาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากสังสารวัฏทั้งหกภพภูมิได้
จากภาพยังสามารถตีความได้ว่าการจะหลุดพ้นจากสังสารวัฏได้นี้ สรรพสัตว์ต้องอาศัยการปฏิบัติสมาธิ เพื่อดำเนินจิตเข้าสู่ทางสายกลางภายในตน กระทั่งได้เข้าถึงพุทธภาวะเหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตที่มีจำนวนมากมายกว่าเม็ดทรายในแม่นำ้คงคาที่พ้นแล้วด้วยทางสายกลางนี้
สัตว์สามตัว มีนก ลิง และงู ข้างกายของพระจ้าวจื้อเฟิง คือสัญลักษณ์แทนกิเลสทั้งสาม ที่เป็นสาเหตุนำไปสู่วงจรการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ
นอกจากนี้ยังมีภาพสลักพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ เหนือรูปสลักพญามาร ซึ่งภาพพุทธทั้งสามพระองค์นี้ ศาสตราจารย์ ดร. เองเจลล่า นักวิชาการชาวอเมริกัน ตีความหมายว่า น่าจะหมายถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสามกาล คือ อดีต(พระทีปังกรพุทธเจ้า) ปัจจุบัน(พระสมณโคดมพุทธเจ้า) และอนาคต(พระเมตตรัยพุทธเจ้า)
ขณะที่ โกวโย่วเมิ้ง 郭祐孟 ตีความว่าพระพุทธรูปทั้งสาม อาจจะหมายถึงสัญลักษณ์ ตรีกาย (ธรรมกาย, นิรมานกาย, สัมโภคกาย) ของพระพุทธองค์
อย่างไรก็ดีภาพสลักนี้ ได้สะท้อนแนวคิด และบ่งบอกปริศนามธรรมอย่างน้อยสามประเด็นคือ
1. มารคือผู้ควบคุมสังสารวัฏ
2. การเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ล้วนเป็นผลจากกิเลสสามตัวในจิตของตน คือ โลภะ โทสะ โมหะ
3. การหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ต้องอาศัยการฝึกจิต ด้วยการทำสมาธิผ่านทางสายกลาง เพื่อให้เข้าถึงพุทธภาวะภายใน
ภาพสลักสังสารวัฏ แห่งภูเขาป่าวติ่ง เมืองต้าจู๋ มณฑลเสเฉวน 四川大足寶頂山大佛灣第03號龕 六道輪迴圖局部
ภาพสเกตโครงร่างภาพโดยดร.เองเจล่า
Angela Falco Howard, Summit of Treasures:Buddhist Cave Art of Dazu, China (Trumbull: Weatherhill, 2001), 6–10.
http://www.chuefeng.org.tw
圖15 四川大足寶頂山大佛灣第03號龕 六道輪迴圖局部 三身佛
ภาพพระพุทธเจ้าสามพระองค์ ประดิษฐานอยู่เหนือรูปสลักพญามาร ยังไม่มีข้อสรุปว่าอาจจะหมายถึงตรีกาย หรืออาจจะหมายถึงพระพุทธเจ้าทั้งสามกาล
รูปสลักสะท้อน การกำหนดจิตของพระจ้าวจื้อฟงต่อพระไวโรจนะพุทธ (พระพุทธเจ้าในสภาวะธรรมกาย)
http://blog.xuite.net/tcc7912/twblog/128448725-%E5%9B%9B%E5%B7%9D%E5%A4%A7%E8%B6%B3%E5%AF%B6%E9%A0%82%E5%B1%B1%E7%9F%B3%E5%88%BB
อ้างอิง
https://zh.wikipedia.org/wiki/大足石刻
http://whc.unesco.org/en/list/912/
http://www.chuefeng.org.tw/artcenter_column_content.aspx?id=62&class=0#.WNVCQhicYci
http://tripitaka.cbeta.org/zh-cn/W04n0035_001
http://yahoo.yododo.com/guide/014B6B7007F60BC2402881E54B6A7B43
Angela Falco Howard, Summit of Treasures:Buddhist Cave Art of Dazu, China (Trumbull: Weatherhill, 2001), 6–10.
Stephen F. Teiser, “The Local and the Canonical