"ผู้ใดมีสติ อยู่ทุกเวลา
ผู้นั้น...ก็ได้ฟังธรรมะ ของพระพุทธเจ้า อยู่...ตลอดเวลา
เพราะว่า...
เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ
หู ได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ
จมูก ได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ
ลิ้น ได้รส ก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใด
เป็นธรรมะ เมื่อนั้น...
ฉะนั้น ผู้มีสติ...
จึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า
อยู่...ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา
เพราะอะไร? เพราะเรามีความรู้อยู่...
ในเวลานี้...
เราจึงเรียน อยู่...กลางธรรมะ
จะเดินไปข้างหน้า ก็ถูกธรรมะ
จะถอยไปข้างหลัง ก็ถูกธรรมะ
ท่านจึงให้ มีสติ...
ถ้ามีสติแล้ว...มันจะเห็นกำลังใจของตน
เห็นจิต ของตน
ความรู้สึกนึกคิด ของตัวเอง เป็นอย่างไร?
ก็ต้องรู้ รู้ถึงที่แล้ว...ก็รู้แจ้งแทงตลอด
เมื่อมันรอบรู้ อยู่...เช่นนี้
การประพฤติปฏิบัติ มันก็ถูกต้องดีงาม
เท่านั้นแหละ..."
-------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
ผู้ใดมีสติตลอดเงลาผู้นั้นเหมือนได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
ผู้นั้น...ก็ได้ฟังธรรมะ ของพระพุทธเจ้า อยู่...ตลอดเวลา
เพราะว่า...
เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ
หู ได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ
จมูก ได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ
ลิ้น ได้รส ก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ ที่เกิดขึ้นกับใจ นึกขึ้นได้เมื่อใด
เป็นธรรมะ เมื่อนั้น...
ฉะนั้น ผู้มีสติ...
จึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้า
อยู่...ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา
เพราะอะไร? เพราะเรามีความรู้อยู่...
ในเวลานี้...
เราจึงเรียน อยู่...กลางธรรมะ
จะเดินไปข้างหน้า ก็ถูกธรรมะ
จะถอยไปข้างหลัง ก็ถูกธรรมะ
ท่านจึงให้ มีสติ...
ถ้ามีสติแล้ว...มันจะเห็นกำลังใจของตน
เห็นจิต ของตน
ความรู้สึกนึกคิด ของตัวเอง เป็นอย่างไร?
ก็ต้องรู้ รู้ถึงที่แล้ว...ก็รู้แจ้งแทงตลอด
เมื่อมันรอบรู้ อยู่...เช่นนี้
การประพฤติปฏิบัติ มันก็ถูกต้องดีงาม
เท่านั้นแหละ..."
-------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.