เราและแฟนคบกันมา 3 ปี โดยที่ญาติผู้ใหญ่รับรู้ทั้ง 2 ฝ่าย ต่างคนมีหน้าที่การงานที่ดี
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แฟนเรามีโปรเจคทำร้านข้าวต้มที่เชียงใหม่ เนื่องจากมีห้องแถวว่าง (ที่ดินเป็นของลุงของแฟน แต่ให้น้องชายแฟนเป็นผู้ดูแล เก็บค่าเช่า) ตอนแรกแฟนลงทุนทั้งหมดคนเดียว เราก็สนับสนุนค่ะ
แฟนได้ renovate ร้าน แต่พ่อแฟนเราได้ต่อเติมร้านเพิ่มโดยที่ไม่ได้บอกแฟนก่อน หลังต่อเติมเสร็จ เอาบิลมาเบิกกับแฟนเรา (พ่อเป็นคนสั่งผู้รับเหมาให้ต่อเติมเพิ่มโดยไม่ตรงตามแผนที่วางไว้ และให้แฟนเราเป็นคนจ่ายทั้งหมด) ทำให้เงินไม่พอเปิดร้าน แฟนจึงขอให้เราร่วมลงทุนด้วย ซึ่งจำนวนเงินที่ลงไปมากกว่า 50% ของร้าน เราก็โอเคค่ะ มีกำไรค่อยว่ากัน
เราและแฟนคิดระบบร้าน แต่งตั้งผู้จัดการร้าน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบพนักงานชัดเจน แฟนเราทำรายรับรายจ่ายของร้านเอง
เปิดร้านไปช่วงแรกถือว่าโอเค ยอดขายมากกว่าค่าใช้จ่าย การเบิกจ่ายเงินไม่มีปัญหา ร้านดำเนินการไปได้อย่างดี ลูกค้าชม อาหารอร่อย บริการดีรวดดเร็ว โดยที่เราและแฟนไม่ต้องไปคุมเอง
เนื่องจากเราทั้งคู่มีหน้าที่การงานใน กทม จึงต้องกลับมาทำงาน ลงไปดูแลได้ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ ยอดขายแต่ละวันจะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้เราในวันถัดไป
ส่วนพ่อแฟน จะมาดูร้านบางครั้ง ส่วนใหญ่เป็นช่วงที่เราและแฟนต้องกลับ กทม (ขออนุญาตแจ้ง เรากับแฟนได้ตกลงกันแล้วว่าจะดูแลร้านกันเอง ไม่ให้พ่อแฟนยุ่ง ไม่ได้ต้องการให้มาเฝ้าร้าน หรือดูแลเรื่องเงินให้ ได้ให้แฟนแจ้งไปแล้วหลายครั้ง แฟนบอกพ่อรับทราบ แต่ไม่ค่อยทำตามที่บอก เนื่องจากเหตุการณ์ที่จะเล่า)
หลังจากเรา วางระบบร้าน คอยสังเกตุดูแลห่างๆ ร้านสามารถดำเนินไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเราคุม
สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง (เราจะพยายามเรียงลำดับตามเหตุการณ์ หรือสิ่งผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นนะคะ)...
- พ่อแฟนเข้ามาดูร้านในวันที่เราทั้ง 2 คน อยู่ กทม เกือบทุกวัน --> ตอนแรกคิดในแง่ดี พ่อคงอยากช่วยดูแลร้าน
- วันที่เราและแฟนไม่อยู่ พ่อจะเข้ามา แล้วหยิบเงินร้านเข้ากระเป๋าตัวเองทั้งหมด อ้างว่าจะนำไปซื้อวัตถุดิบ
- ทุกครั้งที่เรากลับไปเช็ครายรับรายจ่าย จะมีบิลจากพ่อ บอกว่าพ่อออกเงินซื้อของให้ก่อน ขอเบิก บางครั้งมีของที่ไม่ได้อยู่ในเมนูร้าน พ่ออ้างเป็นเมนูใหม่ ในนั้นมีของใช้ส่วนตัวด้วย --> คงอยากช่วยมั้ง, ช่วงนั้น ต้นทุนของสูงขึ้น แต่ยอดขายเท่าเดิม
- หลังเหตุการณ์นั้น บิลที่พ่อเอามาเบิกเริ่มเป็นใบที่เขียนตัวหนังสือตัวเอง เช่น ซื้อของ ... บาท ไม่มีการแจกแจงรายละเอียด พอถามบอกบ้างไม่บอกบ้าง บางอย่างมีให้เห็น บางอย่างไม่มีหลักฐาน เราถามผู้จัดการ พ่อเริ่มตวาดเราว่ามีไรให้คุยกับพ่อตรงๆ พ่อซื้อ ถามคนอื่นจะรู้เรื่องเหรอ คือเราถามแล้ว แต่เค้าแจกแจงรายละเอียดไม่ได้ เราและแฟนเริ่มระแวง แต่ก็นะ พ่อแฟน คงไม่โกงหรอก คิดในแง่ดี
- ช่วงหลัง พ่อแฟนบอกว่าแคชเชียร์เราไว้ใจไม่ได้ คิดจะโกงเงิน พ่อขอเข้ามาดูแลเก็บเงินให้ เรากับแฟนเคยเช็คดูแล้วว่าบิลตรงเรียงตามตัวเลข ครบจำนวน รายการเหมือนกันทั้งที่แคชเชียร์และแผ่นก๊อปปี้ในครัว พ่อยืนยันจะเก็บเงินไว้เอง โดยพ่อแจ้งเฉพาะยอดขายแต่ละวันให้แฟนรับทราบ ไม่เคยเห็นตัวเงินจริง ให้โอนมา บอกว่าไม่มีเวลา ให้มาเอาตอนกลับมา บอกไม่มีปัญหาหรอกเพราะพ่อเฝ้าอยู่
- หลังกลับมาพบว่า พ่อไม่เคยจดบัญชีรายรับรายจ่ายเลย ถามรายละเอียดบอกจำไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงพ่อดูแลอยู่ พ่อบอก
- พ่อนำบิลที่เขียนเองมาเบิก เราถามถึงยอดขายที่พ่อเก็บไว้ พ่อบอกใช้ไปหมดแล้วกับร้าน แล้วยังใช้เงินส่วนตัวออกด้วย พอถามละเอียด บอกว่า คิดได้คิดเอาเองแล้วกัน
- เราและแฟนนำบิลที่เป็นลายมือพ่อ(มีแต่ตัวเลข ไม่มีราบละเอียด) มาบวกดูเทียบกับยอดขาย ปรากฏว่า ยอดขายของร้านมากกว่าเงินที่พ่อนำมาเบิก
- พ่อบอกว่าไม่ใช่ เราต้องจ่ายให้พ่อเพิ่ม แล้วพ่อก็เดินไปเขียนบิล(ตัวเลขลอยๆ ที่ไม่มีรายละเอียด) ยื่นให้อีก บอกเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่พ่อบอกว่า พ่อจ่ายไปจริงๆ นะ
- ถามถึงของที่ซื้อ บอกว่ากองๆ อยู่นั่นแหละ ไม่มีอะไรกองไว้เลยค่ะ
- เรากับแฟนจึงปรึกษากัน ว่ามันแปลกๆ ช่วงที่พ่อไม่อยู่ร้านมีกำไร แต่ช่วงที่พ่ออยู่ร้านกลับขาดทุน ทั้งๆ ที่ยอดขายไม่ได้ลดลง
- เรากับแฟนจึงเช็คของและดูบัญชีกันอย่างละเอียดอีกครั้ง พ่อยังคงยืนยันให้จ่ายเงินเพิ่มตามที่เค้าเขียนให้ ทั้งๆ ยอดขายทั้งหมดพ่อยังไม่ได้ให้เรากับแฟนเลยซักบาท
- เราจึงคิดว่า คือเค้าเอาเงินยอดขายร้านไป (โมเมว่าเป็นเงินของตนอง ??) เอาไปซื้อของ แล้วเอามาเปิดกับร้านอีกรอบ
- พอถามถึงยอดขายที่พ่อเก็บไว้ พ่อเริ่มขึ้นเสียง ร้อนตัว ว่าแบบนี้จะบอกว่าพ่อโกงใช่มั้ย เราตอบถ้าพ่อคิดว่าการกระทำแบบนี้เรียกว่าโกง ก็คงใช่ค่ะ พ่อชี้หน้าด่าเราและแฟน จะเอาแท่งเสียบบิลทำร้ายเรา แฟนเรากันไว้ พ่อโวยวาย ไล่เราและแฟนออกจากร้าน บอกว่าเป็นร้านของลูกเค้า เราไม่มีสิทธิ์อยู่ ให้เอาเราออกไป ไม่งั้นตัดพ่อตัดลูก
- แฟนเราบอกพ่อให้ใจเย็นๆ เอารายละเอียดและตัวเลขมาคุยกัน ถ้าชี้แจงไม่ได้ แสดงว่าเงินหายจริง เค้าโวยวายหนักกว่าเดิม ด่าว่าเราเสียๆ หายๆ แล้วบอกว่ามาช่วยแล้วยังโดนว่าโกง จะไปแล้ว ไม่ช่วยแล้ว แฟนเราบอกว่า แล้วแต่พ่อเลยครับ ระบบดีแต่พ่อมาป่วนระบบ มาเอาเงินร้านออกไป เค้าด่าเรา ไล่เรากับแฟน ไล่กุ๊กและพนักงานออก (เค้าไม่มีสิทธิ์ไล่ เพราะไม่ใช่ร้านของเค้า เค้าเพียงแค่เสนอตัวมาช่วย โดยที่ไม่ได้ร้องขอ, โดยเงินลงทุนทั้งหมดและเงินเดือนพนักงงานเรากับแฟนเป็นคนจ่าย)
- เราตกใจและกลัวมาก ไม่คิดว่าเค้าจะโวยวาย โมโหรุนแรงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เค้าร้อนตัวขึ้นมาพูดว่าเค้าโกงเอง
- พ่อเราทราบเรื่อง บอกว่าให้ระวัง ทางนั้นเค้านิสัยแบบนี้ พ่อถามคนแถวนั้นแล้วเป็นมาตั้งแต่หนุ่มๆ วีรกรรมเยอะ แต่ไม่ได้บอกเราก่อนเพราะเป็นพ่อแฟน กลัวจะผิดใจกัน เค้ามีพวกเยอะ เราเป็นแค่ผู้หญิง เค้าจะคิดทำร้ายเราได้
- แฟนเราคุยกับพ่อเค้า ว่าครั้งนี้จะยอมจ่ายเงินให้พ่อตามที่พ่ออ้าง แต่ไม่ให้มายุ่งที่ร้านอีก พ่อเค้าให้เลิกกับเราไม่งั้นจะตัดพ่อตัดลูก แล้วจะยุ่งกับร้าน เพราะเค้าคิดว่าเป็นของเค้า??? ร้านเค้าต้องไม่มีเรา
ตอนนี้เรากลัวมากค่ะ สับสนมาก ไม่รู้จะทำตัวยังไงค่ะ ชี้แจงกับทางพนักงงานร้านแล้ว แฟนบอกพนักงงานว่า ร้านนี้คือของเราและแฟน เราคือคนจ่ายเงินเดือน พ่อไม่เกี่ยว แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่าพนักงานจะเสียขวัญกำลังใจกันขนาดไหน กลัวพ่อจะกลับมาร้าน ทำอะไรที่ไม่คาดคิด กลัวว่าเค้าจะทำร้ายเราด้วยค่ะ
เราควรเริ่มทำอะไรก่อนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ดีคะ
ปล. เรากับแฟนไม่ได้คิดไม่ดีกับพ่อเค้านะคะ แต่เพียงแค่คิดว่า ถ้าต้องการเงินควรมาขอตรงๆ ไม่ใช่โกงร้านแบบนี้
พ่อแฟนโกงเงินร้าน เราควรแจ้งฟ้องมั้ยคะ
ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แฟนเรามีโปรเจคทำร้านข้าวต้มที่เชียงใหม่ เนื่องจากมีห้องแถวว่าง (ที่ดินเป็นของลุงของแฟน แต่ให้น้องชายแฟนเป็นผู้ดูแล เก็บค่าเช่า) ตอนแรกแฟนลงทุนทั้งหมดคนเดียว เราก็สนับสนุนค่ะ
แฟนได้ renovate ร้าน แต่พ่อแฟนเราได้ต่อเติมร้านเพิ่มโดยที่ไม่ได้บอกแฟนก่อน หลังต่อเติมเสร็จ เอาบิลมาเบิกกับแฟนเรา (พ่อเป็นคนสั่งผู้รับเหมาให้ต่อเติมเพิ่มโดยไม่ตรงตามแผนที่วางไว้ และให้แฟนเราเป็นคนจ่ายทั้งหมด) ทำให้เงินไม่พอเปิดร้าน แฟนจึงขอให้เราร่วมลงทุนด้วย ซึ่งจำนวนเงินที่ลงไปมากกว่า 50% ของร้าน เราก็โอเคค่ะ มีกำไรค่อยว่ากัน
เราและแฟนคิดระบบร้าน แต่งตั้งผู้จัดการร้าน แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบพนักงานชัดเจน แฟนเราทำรายรับรายจ่ายของร้านเอง
เปิดร้านไปช่วงแรกถือว่าโอเค ยอดขายมากกว่าค่าใช้จ่าย การเบิกจ่ายเงินไม่มีปัญหา ร้านดำเนินการไปได้อย่างดี ลูกค้าชม อาหารอร่อย บริการดีรวดดเร็ว โดยที่เราและแฟนไม่ต้องไปคุมเอง
เนื่องจากเราทั้งคู่มีหน้าที่การงานใน กทม จึงต้องกลับมาทำงาน ลงไปดูแลได้ในช่วงเสาร์ อาทิตย์ ยอดขายแต่ละวันจะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้เราในวันถัดไป
ส่วนพ่อแฟน จะมาดูร้านบางครั้ง ส่วนใหญ่เป็นช่วงที่เราและแฟนต้องกลับ กทม (ขออนุญาตแจ้ง เรากับแฟนได้ตกลงกันแล้วว่าจะดูแลร้านกันเอง ไม่ให้พ่อแฟนยุ่ง ไม่ได้ต้องการให้มาเฝ้าร้าน หรือดูแลเรื่องเงินให้ ได้ให้แฟนแจ้งไปแล้วหลายครั้ง แฟนบอกพ่อรับทราบ แต่ไม่ค่อยทำตามที่บอก เนื่องจากเหตุการณ์ที่จะเล่า)
หลังจากเรา วางระบบร้าน คอยสังเกตุดูแลห่างๆ ร้านสามารถดำเนินไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเราคุม
สิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลง (เราจะพยายามเรียงลำดับตามเหตุการณ์ หรือสิ่งผิดปกติที่เราสังเกตุเห็นนะคะ)...
- พ่อแฟนเข้ามาดูร้านในวันที่เราทั้ง 2 คน อยู่ กทม เกือบทุกวัน --> ตอนแรกคิดในแง่ดี พ่อคงอยากช่วยดูแลร้าน
- วันที่เราและแฟนไม่อยู่ พ่อจะเข้ามา แล้วหยิบเงินร้านเข้ากระเป๋าตัวเองทั้งหมด อ้างว่าจะนำไปซื้อวัตถุดิบ
- ทุกครั้งที่เรากลับไปเช็ครายรับรายจ่าย จะมีบิลจากพ่อ บอกว่าพ่อออกเงินซื้อของให้ก่อน ขอเบิก บางครั้งมีของที่ไม่ได้อยู่ในเมนูร้าน พ่ออ้างเป็นเมนูใหม่ ในนั้นมีของใช้ส่วนตัวด้วย --> คงอยากช่วยมั้ง, ช่วงนั้น ต้นทุนของสูงขึ้น แต่ยอดขายเท่าเดิม
- หลังเหตุการณ์นั้น บิลที่พ่อเอามาเบิกเริ่มเป็นใบที่เขียนตัวหนังสือตัวเอง เช่น ซื้อของ ... บาท ไม่มีการแจกแจงรายละเอียด พอถามบอกบ้างไม่บอกบ้าง บางอย่างมีให้เห็น บางอย่างไม่มีหลักฐาน เราถามผู้จัดการ พ่อเริ่มตวาดเราว่ามีไรให้คุยกับพ่อตรงๆ พ่อซื้อ ถามคนอื่นจะรู้เรื่องเหรอ คือเราถามแล้ว แต่เค้าแจกแจงรายละเอียดไม่ได้ เราและแฟนเริ่มระแวง แต่ก็นะ พ่อแฟน คงไม่โกงหรอก คิดในแง่ดี
- ช่วงหลัง พ่อแฟนบอกว่าแคชเชียร์เราไว้ใจไม่ได้ คิดจะโกงเงิน พ่อขอเข้ามาดูแลเก็บเงินให้ เรากับแฟนเคยเช็คดูแล้วว่าบิลตรงเรียงตามตัวเลข ครบจำนวน รายการเหมือนกันทั้งที่แคชเชียร์และแผ่นก๊อปปี้ในครัว พ่อยืนยันจะเก็บเงินไว้เอง โดยพ่อแจ้งเฉพาะยอดขายแต่ละวันให้แฟนรับทราบ ไม่เคยเห็นตัวเงินจริง ให้โอนมา บอกว่าไม่มีเวลา ให้มาเอาตอนกลับมา บอกไม่มีปัญหาหรอกเพราะพ่อเฝ้าอยู่
- หลังกลับมาพบว่า พ่อไม่เคยจดบัญชีรายรับรายจ่ายเลย ถามรายละเอียดบอกจำไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วงพ่อดูแลอยู่ พ่อบอก
- พ่อนำบิลที่เขียนเองมาเบิก เราถามถึงยอดขายที่พ่อเก็บไว้ พ่อบอกใช้ไปหมดแล้วกับร้าน แล้วยังใช้เงินส่วนตัวออกด้วย พอถามละเอียด บอกว่า คิดได้คิดเอาเองแล้วกัน
- เราและแฟนนำบิลที่เป็นลายมือพ่อ(มีแต่ตัวเลข ไม่มีราบละเอียด) มาบวกดูเทียบกับยอดขาย ปรากฏว่า ยอดขายของร้านมากกว่าเงินที่พ่อนำมาเบิก
- พ่อบอกว่าไม่ใช่ เราต้องจ่ายให้พ่อเพิ่ม แล้วพ่อก็เดินไปเขียนบิล(ตัวเลขลอยๆ ที่ไม่มีรายละเอียด) ยื่นให้อีก บอกเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่พ่อบอกว่า พ่อจ่ายไปจริงๆ นะ
- ถามถึงของที่ซื้อ บอกว่ากองๆ อยู่นั่นแหละ ไม่มีอะไรกองไว้เลยค่ะ
- เรากับแฟนจึงปรึกษากัน ว่ามันแปลกๆ ช่วงที่พ่อไม่อยู่ร้านมีกำไร แต่ช่วงที่พ่ออยู่ร้านกลับขาดทุน ทั้งๆ ที่ยอดขายไม่ได้ลดลง
- เรากับแฟนจึงเช็คของและดูบัญชีกันอย่างละเอียดอีกครั้ง พ่อยังคงยืนยันให้จ่ายเงินเพิ่มตามที่เค้าเขียนให้ ทั้งๆ ยอดขายทั้งหมดพ่อยังไม่ได้ให้เรากับแฟนเลยซักบาท
- เราจึงคิดว่า คือเค้าเอาเงินยอดขายร้านไป (โมเมว่าเป็นเงินของตนอง ??) เอาไปซื้อของ แล้วเอามาเปิดกับร้านอีกรอบ
- พอถามถึงยอดขายที่พ่อเก็บไว้ พ่อเริ่มขึ้นเสียง ร้อนตัว ว่าแบบนี้จะบอกว่าพ่อโกงใช่มั้ย เราตอบถ้าพ่อคิดว่าการกระทำแบบนี้เรียกว่าโกง ก็คงใช่ค่ะ พ่อชี้หน้าด่าเราและแฟน จะเอาแท่งเสียบบิลทำร้ายเรา แฟนเรากันไว้ พ่อโวยวาย ไล่เราและแฟนออกจากร้าน บอกว่าเป็นร้านของลูกเค้า เราไม่มีสิทธิ์อยู่ ให้เอาเราออกไป ไม่งั้นตัดพ่อตัดลูก
- แฟนเราบอกพ่อให้ใจเย็นๆ เอารายละเอียดและตัวเลขมาคุยกัน ถ้าชี้แจงไม่ได้ แสดงว่าเงินหายจริง เค้าโวยวายหนักกว่าเดิม ด่าว่าเราเสียๆ หายๆ แล้วบอกว่ามาช่วยแล้วยังโดนว่าโกง จะไปแล้ว ไม่ช่วยแล้ว แฟนเราบอกว่า แล้วแต่พ่อเลยครับ ระบบดีแต่พ่อมาป่วนระบบ มาเอาเงินร้านออกไป เค้าด่าเรา ไล่เรากับแฟน ไล่กุ๊กและพนักงานออก (เค้าไม่มีสิทธิ์ไล่ เพราะไม่ใช่ร้านของเค้า เค้าเพียงแค่เสนอตัวมาช่วย โดยที่ไม่ได้ร้องขอ, โดยเงินลงทุนทั้งหมดและเงินเดือนพนักงงานเรากับแฟนเป็นคนจ่าย)
- เราตกใจและกลัวมาก ไม่คิดว่าเค้าจะโวยวาย โมโหรุนแรงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เค้าร้อนตัวขึ้นมาพูดว่าเค้าโกงเอง
- พ่อเราทราบเรื่อง บอกว่าให้ระวัง ทางนั้นเค้านิสัยแบบนี้ พ่อถามคนแถวนั้นแล้วเป็นมาตั้งแต่หนุ่มๆ วีรกรรมเยอะ แต่ไม่ได้บอกเราก่อนเพราะเป็นพ่อแฟน กลัวจะผิดใจกัน เค้ามีพวกเยอะ เราเป็นแค่ผู้หญิง เค้าจะคิดทำร้ายเราได้
- แฟนเราคุยกับพ่อเค้า ว่าครั้งนี้จะยอมจ่ายเงินให้พ่อตามที่พ่ออ้าง แต่ไม่ให้มายุ่งที่ร้านอีก พ่อเค้าให้เลิกกับเราไม่งั้นจะตัดพ่อตัดลูก แล้วจะยุ่งกับร้าน เพราะเค้าคิดว่าเป็นของเค้า??? ร้านเค้าต้องไม่มีเรา
ตอนนี้เรากลัวมากค่ะ สับสนมาก ไม่รู้จะทำตัวยังไงค่ะ ชี้แจงกับทางพนักงงานร้านแล้ว แฟนบอกพนักงงานว่า ร้านนี้คือของเราและแฟน เราคือคนจ่ายเงินเดือน พ่อไม่เกี่ยว แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่าพนักงานจะเสียขวัญกำลังใจกันขนาดไหน กลัวพ่อจะกลับมาร้าน ทำอะไรที่ไม่คาดคิด กลัวว่าเค้าจะทำร้ายเราด้วยค่ะ
เราควรเริ่มทำอะไรก่อนเพื่อแก้ไขปัญหานี้ดีคะ
ปล. เรากับแฟนไม่ได้คิดไม่ดีกับพ่อเค้านะคะ แต่เพียงแค่คิดว่า ถ้าต้องการเงินควรมาขอตรงๆ ไม่ใช่โกงร้านแบบนี้