มีอาการเวียนหัว และวูบหมดสติ ตอนขึ้นเครื่องบินที่มีระยะบินระหว่างประเทศไกลๆ

สวัสดีจ้า พอดีรบกวนอยากสอบถามว่า มีใครเป็นอาการคล้ายเราไหม หรือมีใครพอจะมีวิธีแก้ไขอาการแบบนี้ไหม

เรามักจะมีอาการเวียนหัวและวูบหมดสติไปบนเครื่องบิน หลังจากที่ขึ้นเครื่องบินผ่านไปได้ซัก 4 ชั่วโมง ที่ตอนนั้นอยู่ในระดับความสูง 35000 ฟุตขึ้นไป

แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยเลย เช่น ไม่มีอาการใจสั่น ไม่คลื่นไส้ ไม่อาเจียน ค่า pulse ที่วัดได้จากนาฬิกา fitbit ก็อยู่ที่ประมาณ 80-90
คือนับตั้งแต่วินาทีที่พอรู้ตัวว่าเริ่มเวียนหัว ก็จะหมดสติไปหลังจากนั้นไม่เกิน 20 วินาที และจะฟื้นขึ้นมาไม่เกิน 1-2 นาทีหลังจากนั้น ถ้าได้ดมยาดม
ในขณะที่เวียนหัวก่อนหมดสติ น่าจะยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ รวมถึงตอนฟื้นขึ้นมาเช่นกัน

ไปหาหมอ หมอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะร่างกาย sensitive กับสภาวะที่ออกซิเจนในอากาศต่ำ และพอขึ้นบินไปได้ซักพักที่ระดับความสูง 30000ft+ ร่างกายก็มีการใช้ออกซิเจนที่เก็บมาจากตอนอยู่บนพื้นดินไปจนออกซิเจนในร่างกายลดลงจนเกิดอาการดังกล่าว

แต่วิธีในการแก้ไขหรือป้องกัน เรายังไม่ได้ชัดเจน ซึ่งอาการนี้เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นอีกเวลาเดินทางไกลๆ และเราไม่มีทางเทสท์ได้เลยว่าสภาพร่างกายที่อาจจะออกกำลังฟิตร่างกายมากขึ้นแล้วตอนนั้นสามารถป้องกันปัญหานี้ได้หรือยัง
(แต่ถ้าเดินทางระยะสั้นๆ ไม่เกิน 2 ชม หรือเที่ยวบินในประเทศที่เพดานบินไม่สูง จะไม่เกิดอาการแบบนี้เลย)

เราเคยเป็นอาการนี้หลายครั้ง และทุกครั้งอาการก็จะเริ่มแสดงหลังผ่านไปได้ซัก 4-5 ชม++ จึงไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องนอนน้อย หรือปัจจัยชั่วคราวอื่นๆ เช่นเรื่องท้องว่าง หรืออาการป่วย
มีใคร หรือเพื่อนใครเคยเป็นอาการแบบนี้ไหม และแก้ไขยังไง
ปล. แท็กเที่ยวภูเขาเพราะอาการน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับโรคที่เกี่ยวข้องกับการขึ้นที่สูง

ขอบคุณทุกคำตอบจ้า

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
โห คำถามนี้ยากนะคะเนี่ย

มันมาแนว high altitude sickness เกิดจากขึ้นที่สูง ความดันอากาศลดลง ปริมาณออกซิเจนที่ได้มันเลยต่ำลง
ก็อาจคล้ายๆตามที่คุณหมอที่ตรวจ จขกท ว่าไว้ค่ะ ว่าขาดออกซิเจนไปชั่วขณะ
ที่จริงขึ้นเครื่องบิน เครื่องจะ pressurized หรือปรับความดันอากาศให้เราแล้ว คนส่วนใหญ่เลยไม่มีอาการ ประหนึ่งเดินบนพื้นโลกปกติ
แต่ไม่ได้หมายความมัน pressurized 100% บางที จขกท อาจเป็นแบบที่หมอเค้าบอกมาว่าใช้ออกซิเจนในตัวหมด

อย่างไรก็ตาม การขึ้นเครื่องบินมันไม่ได้มีแต่เรื่อง high altitude sickness
อันนี้เราลองมองอีกแบบหนึ่ง จขกท อาจมีปัญหาอื่น แบบคนทั่วไปที่เป็นลมได้จากสาเหตุต่างๆ ดังนี้

1.cardiac cause เกี่ยวกับหัวใจ
เช่นพวกหัวใจเต้นผิดจังหวะต่างๆ (ซึ่งไม่จำเป็นว่าเราต้องใจสั่นก่อนก็ได้) แต่แบบนี้ อยู่บนพื้นราบ จขกท ก็น่าจะมีอาการบ้างเหมือนกัน

2.vasovagal reflex เกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนวัติ
ตอนเด็กๆเราจะเคยเรียนว่า ถ้ากลัวม่านตาจะขยาย เวลาตื่นเต้นจะไม่หิว บลาๆ อันนี้คล้ายๆกัน มันเป็นระบบประสาทชนิดหนึ่ง
ทีนี้เวลาร่างกายมีstress มันอาจไปกระตุ้นreflex ของร่างกาย (คล้ายๆแบบ ถ้ากดปุ่มนี้จะเกิดอันนี้ ร่างกายมันโปรแกรมมาแล้วตั้งแต่เด็กๆ) ทำให้เส้นเลือดในร่างกายขยาย เจ้าของร่างก็จะเวียนหัวหน้ามืด เป็นลมไปได้ ซึ่งสิ่งที่มากระตุ้น บางทีมันจะเป็นความรู้สึกกลัวหรืออะไรต่างๆ กับอีกอย่างที่มากระตุ้นได้คืออะไรที่มาโดนคอ เพราะศูนย์สั่งการอันนึงมันอยู่ที่คอ แบบบางคนศูนย์สั่งการมันไวมาก หันหัวไปมามากๆจะเป็น อันนี้เรามโนว่า คุณอยู่บนเครื่อง อาจจะไม่ได้ลุกเดิน แต่ต้องหันไปมาเพื่อสื่อสารอะไรไหม ก็อาจเกิดเหตุการณ์ดังที่เล่ามาได้

3.orthostatic hypotension ร่างกายขาดน้ำ
เหมือนเวลาเมนส์มาหรือถ่ายท้อง เวลาลุกนั่งเราจะหน้ามืดได้ แต่ของคุณอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น นั่งนานมากๆ เลือดมันไปกองที่ขา คนปกติต้องเดิน พอเดินกล้ามเนื้อขามันจะบีบให้เลือดกลับมาหัวใจ แต่พอเรานั่งนานมาก แล้วนั่งห้อยขา มันก็ไปกองที่ขาหมด ไม่กลับเข้ามา ก็อาจเป็นได้เหมือนกัน

ทั้งหมดที่ว่ามา เราจะบอกว่า บางทีก็หาสาเหตุไม่ได้ค่ะ ว่าทำไมเป็นลม สำคัญที่สุดคือ ต้องมั่นใจว่าไม่ใช่จากหัวใจเต้นผิดจังหวะ ถ้าไม่ใช่แน่ๆ จะเป็นลมเพราะอะไรนั้น ถือว่าไม่น่ากลัว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณมาถามในอินเตอร์เนท โดยเฉพาะในพันทิป เรามันอันตรายมาก คือคนให้ข้อมูลมีโอกาสมั่วสูงมาก อย่างเราก็ยังถือว่ามั่วเพราะไม่ได้ตรวจคุณด้วยตนเอง คนที่คุณควรเขื่อที่สุดคือแพทย์ที่ได้ดูอาการและตรวจคุณค่ะ

-----

เพิ่มเติม

เมื่อกี้ลองไปหางานวิจัยมาคร่าวๆ เจอของปี 2007 (เก่าหน่อย)
เครื่องบินที่คนทั่วไปขึ้น จะpressurized ให้อยู่ที่ 565 mmHg เท่ากับความสูงประมาณ 8000 ft
ที่ความสูงนี้จะมีคนจำนวนหนึ่งทนไม่ได้ และเกิด acute mountain sickness หรือก็คือโรคที่เกิดจากความสูง high altitude sickness ดังที่เล่าไป
ซึ่งอาการก็จะคล้ายๆ จขกท แบบนี้แหละ และในการทดลอง มีแค่ผู้หญิงอายุ 75 ปีคนเดียว ที่เกิดอาการจนเป็นหนักมากๆ นอกนั้นก็โอเคหมด
เค้าเลยสรุปมาคร่าวๆว่า pressurizedที่ 8000 ft นี้ มันทำให้คนทั่วไปกลุ่มหนึ่งเกิดอาการได้นะ ซึ่งคล้ายๆจขกท นี่ล่ะ เกือบทั้งหมดไม่น่ากลัว แต่ก็สร้างความไม่สบายให้ ถ้าอยากสบายมากๆ เค้าบอกต้อง pressurized ที่ 609mmHg จะแทบไม่มีคนมีอาการนี้เลย (แต่เปลืองพลังงานเครื่องบินมาก)

ทั้งนี้ บางที่ถ้าเราบินนานๆ มันอาจจะไม่ได้เกิดจาก acute mountain sickness นะ แต่เกิดจากการที่นั่งนาน ขาดน้ำ บลาๆ แบบที่เราเล่าไปข้างต้น

ดังนั้น ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเค้า pressuirzed เครื่องบินที่เท่าไหร่กันแล้ว แล้วแต่ละเครื่องแต่ละสายการบินเหมือนกันรึเปล่า ถ้าไม่เหมือนกัน จขกท ก็ไปเลือกสายการบินที่มัน pressurized ได้ใกล้ 760 mmHg หรือน้ำทะเล มากที่สุด ถ้าไม่ได้ ก็ลุกเดินในเครื่องบ้าง และดื่มน้ำมากๆหน่อยและเลือกบินสั้นๆแทนบินยาวๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่