***ก่อนอื่นต้องบอกว่าอันนี้เป็นการเล่าประสบการณ์ให้ฟัง และอยากได้ข้อเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหานะครับ ถ้ามีข้อความตรงไหนที่คิดว่าผมเล่าไม่หมดบอกมาได้ เดี๋ยวจะแก้เพิ่มเข้ามาให้ครับ***
ผมทำงานประจำอยู่ต่างประเทศ จะกู้เงินธนาคารในไทยสร้างบ้านที่ไทย มีไม่กี่ธนาคารที่รับเรื่องกู้จากคนที่ทำงานต่างประเทศ ผมก็เลยทำเรื่องกู้กับธนาคารนี้ การติดต่อกับธนาคารเป็นการติดต่อและคุยรายละเอียดผ่านทางอีเมล์และ line แต่ข้อความสำคัญจะส่งจากเมล์ของธนาคาร
ตอนทำเรื่องกู้เจ้าหน้าที่ธนาคารถามว่าจะซื้อประกันชีวิตด้วยเลยไหม ถ้าซื้อประกันพ่วงด้วยก็เพิ่มเงินค่าประกันเข้าไปอีกงวดละ 2,120 บาทปีที่ 1-2 หลังจากนั้นงวดละ 2,770 บาท ผมเลยขอทราบรายละเอียดประกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง พนักงานธนาคารส่งใบโฆษณา 2 แผ่นนี้ให้ผมดูทางอีเมล์


ผมคิดที่จะซื้อประกันอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะถ้าผมเสียชีวิตบ้านจะได้ปลดหนี้ไปเลย แม่ผมอายุ 65 แล้วไม่มีปัญญาหาเงินมาปลดหนี้ได้แน่นอน จากเงื่อนไขในโฆษณา เห็นว่า
“คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก”
มีข้อยกเว้นคือ การฆ่าตัวตายภายใน 1 ปีนับจากวันทำสัญญา หรือผู้ถูกรับประโยชน์ฆาตกรรม ข้อยกเว้นอันนี้ผมยอมรับได้ ผมอ่านทุกตัวอักษรและทำความเข้าใจทุกอย่างในใบนี้แล้วจึงตกลงจะทำประกันตัวนี้ ก็บอกพนักงานธนาคารไปว่าตกลงทำประกันตัวนี้
ผ่อนบ้านงวดแรก(บ้าน+ประกัน)ก็ไม่มีปัญหา งวดที่สองจะเริ่มโปะค่าบ้านมากขึ้น หนี้จะได้หมดเร็วๆ กลายเป็นว่าเงินที่เพิ่มเข้าไปเป็นการชำระค่าประกันเพิ่ม แต่ค่าผ่อนบ้านยังราคาเท่าเดิม ธนาคารบอกว่าจะต้องเคลียร์หนี้ประกันให้หมดก่อนถึงจะโปะยอดส่งบ้านให้ งวดนั้นผมเลยเอาเงินสดไปจ่ายค่าประกันให้ครบ 373,400 บาท เป็นว่าผมจ่ายค่าประกันครบแล้ว ต่อไปโปะบ้านทุกงวดได้แล้ว
หลังจากที่จ่ายค่าประกันไปหมดแล้วกรมธรรม์เพิ่งจะส่งมาถึง อ่านดูเงื่อนไขในกรมธรรม์ อ้าว ทำไมมีเงื่อนไขยกเว้นการคุ้มครอง 16 ข้อดังนี้


ผมเลยติดต่อทางอีเมล์กลับไปที่พนักงานธนาคารคนที่เสนอประกันนี้ให้ผมเลยว่าทำไมกรมธรรม์มีเงื่อนไขที่ไม่ตรงกับในโฆษณาล่ะ อันนี้เป็นบทสนทนากับพนักงานธนาคาร

พนักงานตอบกลับ

ผมส่งต่อ

พนักงานตอบกลับ

สุดท้ายก็ได้แค่คำขอโทษแล้วจบ
ผมเลยส่งข้อความร้องเรียนผ่านทาหน้าเวปของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประมาณ 1 เดือนก็มีพนักงานจากบริษัทประกันภัยโทรมาหาแม่ผม (ผมให้เบียร์แม่ไปในคำร้องเพราะตัวผมอยู่ต่างประเทศ) บริษัทโทรมาชี้แจงเงื่อนไขว่าตายได้เท่าไหร่ พิการได้เท่าไหร่ ฯลฯ ตอนนั้นคุณแม่ก็ตั้งตัวไม่ทันเพราะแจ้งเรื่องไปนานแล้ว ก็รับฟังไป แล้วก็จบการสนทนา ก็รอต่อไปว่าทางบริษัทประกันจะทำอย่างไรกับเรา รอนานเข้าผมก็ให้แม่ติดต่อกลับไปทาง คปภ. ว่าดำเนินเรื่องถึงไหนแล้ว คปภ.บอกว่าบริษัทประกันบอกว่าโทรคุยกับคุณแม่แล้ว คุณแม่ยอมรับเงื่อนไขแล้ว จบ ผมเลยบอกให้คุณแม่ติดต่อ คปภ.อีกที บอกว่ามันยังไม่จบ เราไม่ได้ซื้อประกันตัวนี้ แม่ติดต่อ คปภ.กลับไป ทางคปภ.ให้ผมเขียนใบมอบอำนาจให้แม่ทำธุระแทนผม แล้วคปภ.จะเรียกทั้งแม่และบริษัทประกันมาคุยกันที่คปภ.วันที่ 24 มีนา ผมก็ดันเขียนไปว่ามอบอำนาจให้คุณแม่ทำการและตัดสินใจแทนผมทุกอย่างได้ แต่ก่อนไป ผมคุยกับแม่แล้วว่ายังไงเราก็ไม่ยอมเพราะเราไม่ได้ซื้อประกันตัวนี้ พอแม่ไปคุยเสร็จกลับมาโทรเล่าให้ผมฟัง พนักงานอธิบายแก้ต่างเงื่อนไขเป็นข้อๆ มีข้อ 3 ที่ทีรายละเอียดว่าเล่นสกีก็จะไม่คุ้มครอง อันนี้พนักงานประกันบอกว่าในเมืองไทยไม่มีหิมะอยู่แล้ว ข้อความเรื่องสกีถึงเขียนไปก็ไม่มีผล เพราะประกันคุ้มครองเฉพะในไทย อ้าว แล้วที่เขียนว่าคุ้มครองทั่วโลกในใบโฆษณาแปลว่าอะไร แม่ไปเจรจาคนเดียวก็คิดไม่ทันอีก โอ๊ยจะเป็นลม กลายเป็นว่าผมคืนประกันก็ไม่ได้ เปลี่ยนเงื่อนไขให้ตรงตามใบโฆษณาก็ไม่ได้ ต้องยินยอม มี 2 ทางเลือกที่ผมสามารถทำได้คือ 1) ถ้าไม่ยอมก็ให้ไปฟ้องร้องเอา 2) ยกเลิกประกันแต่ก็จะได้เงินคืน 41% ซึ่งมันไม่คุ้มเลย
สุดท้ายทางคปภ.ให้แม่ผมเซ็นต์เอกสาร 1 ใบ แม่ผมก็ดันเซ็นต์ไปอีก ถ่ายรูปมาดูกลายเป็นเอกสารที่ยอมรับและขอยุติเรื่อง ตามรูป

ผมมีข้อสังเกตจากเอกสารใบนี้อีก
แม่ผมไปเจรจาวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม แต่เอกสารออกมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม แสดงว่ามีทราบผลแล้วว่าผลต้องออกมาเป็นอย่างไร
ตอนนี้เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ขายประกันให้ก็ได้แต่คำว่าขอโทษค่ะ ติดต่อบริษัทประกันโดยตรงก็ไม่ยอมทำอะไรให้ ติดต่อคปภ.เรียกไปเจรจากลายเป็นไปเซนต์ยอมรับอีก คือมันเห็นชัดๆว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขแต่ยังดันทุรังไม่คืนเงินหรือแก้ไขอะไรให้เราอีก ตอนแรกแม่บอกว่าก็ยอมๆไปเหอะ เราก็รีบๆผ่อนบ้านให้หมดก็จบกันไป แต่ที่ผมซื้อประกันเพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถึงตอนนั้นบ้านผ่อนไม่หมด แม่ก็ร้องเรียนอะไรไม่ได้แล้ว บ้านถูกยึดอย่างเดียว ผมต้องการจะป้องกันตรงนั้นไว้ก่อน แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะเครมประกันนะครับ
มีใครมีข้อเสนอแนะอะไรบ้างไหม ควรร้องเรียนที่หน่วยงานไหนได้อีกบ้าง ถ้าฟ้องร้องได้ยินมาว่าจะต้องอยู่ไทยตลอดเพื่อรอรับหมายศาลที่จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ปกติแม่จะมาอยู่กับผมที่ต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน ถ้าเป็นแบบนี้กว่าคดีจะสิ้นสุดก็นานหลายปี
ข้อความข้อ 1 ไม่เป็นความจริง ในเอกสารเสนอขายไม่ได้ระบุข้อความตามที่อ้างมา
ขอคำแนะนำ ซื้อประกันพร้อมกู้บ้าน แต่เงื่อนไขในกรมธรรม์ไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้
ผมทำงานประจำอยู่ต่างประเทศ จะกู้เงินธนาคารในไทยสร้างบ้านที่ไทย มีไม่กี่ธนาคารที่รับเรื่องกู้จากคนที่ทำงานต่างประเทศ ผมก็เลยทำเรื่องกู้กับธนาคารนี้ การติดต่อกับธนาคารเป็นการติดต่อและคุยรายละเอียดผ่านทางอีเมล์และ line แต่ข้อความสำคัญจะส่งจากเมล์ของธนาคาร
ตอนทำเรื่องกู้เจ้าหน้าที่ธนาคารถามว่าจะซื้อประกันชีวิตด้วยเลยไหม ถ้าซื้อประกันพ่วงด้วยก็เพิ่มเงินค่าประกันเข้าไปอีกงวดละ 2,120 บาทปีที่ 1-2 หลังจากนั้นงวดละ 2,770 บาท ผมเลยขอทราบรายละเอียดประกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง พนักงานธนาคารส่งใบโฆษณา 2 แผ่นนี้ให้ผมดูทางอีเมล์
ผมคิดที่จะซื้อประกันอยู่แล้วตั้งแต่แรก เพราะถ้าผมเสียชีวิตบ้านจะได้ปลดหนี้ไปเลย แม่ผมอายุ 65 แล้วไม่มีปัญญาหาเงินมาปลดหนี้ได้แน่นอน จากเงื่อนไขในโฆษณา เห็นว่า
“คุ้มครองการเสียชีวิตทุกกรณี ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก”
มีข้อยกเว้นคือ การฆ่าตัวตายภายใน 1 ปีนับจากวันทำสัญญา หรือผู้ถูกรับประโยชน์ฆาตกรรม ข้อยกเว้นอันนี้ผมยอมรับได้ ผมอ่านทุกตัวอักษรและทำความเข้าใจทุกอย่างในใบนี้แล้วจึงตกลงจะทำประกันตัวนี้ ก็บอกพนักงานธนาคารไปว่าตกลงทำประกันตัวนี้
ผ่อนบ้านงวดแรก(บ้าน+ประกัน)ก็ไม่มีปัญหา งวดที่สองจะเริ่มโปะค่าบ้านมากขึ้น หนี้จะได้หมดเร็วๆ กลายเป็นว่าเงินที่เพิ่มเข้าไปเป็นการชำระค่าประกันเพิ่ม แต่ค่าผ่อนบ้านยังราคาเท่าเดิม ธนาคารบอกว่าจะต้องเคลียร์หนี้ประกันให้หมดก่อนถึงจะโปะยอดส่งบ้านให้ งวดนั้นผมเลยเอาเงินสดไปจ่ายค่าประกันให้ครบ 373,400 บาท เป็นว่าผมจ่ายค่าประกันครบแล้ว ต่อไปโปะบ้านทุกงวดได้แล้ว
หลังจากที่จ่ายค่าประกันไปหมดแล้วกรมธรรม์เพิ่งจะส่งมาถึง อ่านดูเงื่อนไขในกรมธรรม์ อ้าว ทำไมมีเงื่อนไขยกเว้นการคุ้มครอง 16 ข้อดังนี้
ผมเลยติดต่อทางอีเมล์กลับไปที่พนักงานธนาคารคนที่เสนอประกันนี้ให้ผมเลยว่าทำไมกรมธรรม์มีเงื่อนไขที่ไม่ตรงกับในโฆษณาล่ะ อันนี้เป็นบทสนทนากับพนักงานธนาคาร
พนักงานตอบกลับ
ผมส่งต่อ
พนักงานตอบกลับ
สุดท้ายก็ได้แค่คำขอโทษแล้วจบ
ผมเลยส่งข้อความร้องเรียนผ่านทาหน้าเวปของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประมาณ 1 เดือนก็มีพนักงานจากบริษัทประกันภัยโทรมาหาแม่ผม (ผมให้เบียร์แม่ไปในคำร้องเพราะตัวผมอยู่ต่างประเทศ) บริษัทโทรมาชี้แจงเงื่อนไขว่าตายได้เท่าไหร่ พิการได้เท่าไหร่ ฯลฯ ตอนนั้นคุณแม่ก็ตั้งตัวไม่ทันเพราะแจ้งเรื่องไปนานแล้ว ก็รับฟังไป แล้วก็จบการสนทนา ก็รอต่อไปว่าทางบริษัทประกันจะทำอย่างไรกับเรา รอนานเข้าผมก็ให้แม่ติดต่อกลับไปทาง คปภ. ว่าดำเนินเรื่องถึงไหนแล้ว คปภ.บอกว่าบริษัทประกันบอกว่าโทรคุยกับคุณแม่แล้ว คุณแม่ยอมรับเงื่อนไขแล้ว จบ ผมเลยบอกให้คุณแม่ติดต่อ คปภ.อีกที บอกว่ามันยังไม่จบ เราไม่ได้ซื้อประกันตัวนี้ แม่ติดต่อ คปภ.กลับไป ทางคปภ.ให้ผมเขียนใบมอบอำนาจให้แม่ทำธุระแทนผม แล้วคปภ.จะเรียกทั้งแม่และบริษัทประกันมาคุยกันที่คปภ.วันที่ 24 มีนา ผมก็ดันเขียนไปว่ามอบอำนาจให้คุณแม่ทำการและตัดสินใจแทนผมทุกอย่างได้ แต่ก่อนไป ผมคุยกับแม่แล้วว่ายังไงเราก็ไม่ยอมเพราะเราไม่ได้ซื้อประกันตัวนี้ พอแม่ไปคุยเสร็จกลับมาโทรเล่าให้ผมฟัง พนักงานอธิบายแก้ต่างเงื่อนไขเป็นข้อๆ มีข้อ 3 ที่ทีรายละเอียดว่าเล่นสกีก็จะไม่คุ้มครอง อันนี้พนักงานประกันบอกว่าในเมืองไทยไม่มีหิมะอยู่แล้ว ข้อความเรื่องสกีถึงเขียนไปก็ไม่มีผล เพราะประกันคุ้มครองเฉพะในไทย อ้าว แล้วที่เขียนว่าคุ้มครองทั่วโลกในใบโฆษณาแปลว่าอะไร แม่ไปเจรจาคนเดียวก็คิดไม่ทันอีก โอ๊ยจะเป็นลม กลายเป็นว่าผมคืนประกันก็ไม่ได้ เปลี่ยนเงื่อนไขให้ตรงตามใบโฆษณาก็ไม่ได้ ต้องยินยอม มี 2 ทางเลือกที่ผมสามารถทำได้คือ 1) ถ้าไม่ยอมก็ให้ไปฟ้องร้องเอา 2) ยกเลิกประกันแต่ก็จะได้เงินคืน 41% ซึ่งมันไม่คุ้มเลย
สุดท้ายทางคปภ.ให้แม่ผมเซ็นต์เอกสาร 1 ใบ แม่ผมก็ดันเซ็นต์ไปอีก ถ่ายรูปมาดูกลายเป็นเอกสารที่ยอมรับและขอยุติเรื่อง ตามรูป
ผมมีข้อสังเกตจากเอกสารใบนี้อีก
แม่ผมไปเจรจาวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม แต่เอกสารออกมาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม แสดงว่ามีทราบผลแล้วว่าผลต้องออกมาเป็นอย่างไร
ตอนนี้เลยไม่รู้จะทำอย่างไรดี ติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ขายประกันให้ก็ได้แต่คำว่าขอโทษค่ะ ติดต่อบริษัทประกันโดยตรงก็ไม่ยอมทำอะไรให้ ติดต่อคปภ.เรียกไปเจรจากลายเป็นไปเซนต์ยอมรับอีก คือมันเห็นชัดๆว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขแต่ยังดันทุรังไม่คืนเงินหรือแก้ไขอะไรให้เราอีก ตอนแรกแม่บอกว่าก็ยอมๆไปเหอะ เราก็รีบๆผ่อนบ้านให้หมดก็จบกันไป แต่ที่ผมซื้อประกันเพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ถึงตอนนั้นบ้านผ่อนไม่หมด แม่ก็ร้องเรียนอะไรไม่ได้แล้ว บ้านถูกยึดอย่างเดียว ผมต้องการจะป้องกันตรงนั้นไว้ก่อน แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะเครมประกันนะครับ
มีใครมีข้อเสนอแนะอะไรบ้างไหม ควรร้องเรียนที่หน่วยงานไหนได้อีกบ้าง ถ้าฟ้องร้องได้ยินมาว่าจะต้องอยู่ไทยตลอดเพื่อรอรับหมายศาลที่จะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ปกติแม่จะมาอยู่กับผมที่ต่างประเทศปีละ 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน ถ้าเป็นแบบนี้กว่าคดีจะสิ้นสุดก็นานหลายปี
ข้อความข้อ 1 ไม่เป็นความจริง ในเอกสารเสนอขายไม่ได้ระบุข้อความตามที่อ้างมา