นาโงย่าเช้าจรดเย็น ก่อนต่อที่ทาคายาม่า/ชิราคาวาโก

เป็นการไปนาโงย่าอีกครั้งที่ยังรู้สึกประทับใจ เมืองไม่ใหญ่ สบายๆ แต่มีของกินของช้อปครบ เรื่องเที่ยวชมเมือง ที่นี่ก็มีให้ไม่แพ้กัน อีกทั้งสามารถเดินทางไปเมืองใกล้เคียงอย่างทาคายาม่าและชิราคาวาโกที่หลายๆคนหลงใหลอีกด้วย

สำหรับการเดินทางไปนาโงย่านั้น ผมเลือกที่จะไปกับการบินไทยครับ จริงๆมีสองเที่ยวบินให้เลือกว่าจะออกกลางคืนถึงเช้า หรือออกสายถึงเย็น ทั้งสองเที่ยวบินเป็นเครื่อง A380 ครับ

ครั้งนี้เราพักย่าน Sakae ที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่พลาดไม่ได้เลย แล้วแน่นอนครับ มาญี่ปุ่นนี่อีกแหล่งที่เราสามารถจะใช้เวลาทั้งวันได้ก็คือร้านค้าต่างๆที่อยู่ใต้ดินระหว่างทางเดินไปสถานีรถไฟ เราเริ่มมื้อสายกันที่ร้านนี้ครับ Hoshino Coffee ซึ่งตอนเช้าจะเสิร์ฟแพนเค้กและกาแฟเป็นหลัก แต่หลังจาก 11 โมงเป็นต้นไปก็จะมีอาหารอื่นๆอย่างสปาเก๊ตตี้ ข้าวห่อไข่ ข้าวแกงกะหรี่ ฯลฯ รสชาติดีครับ กาแฟหอมด้วยครับ แนะนำช้อตตามชื่อร้านเลยครับ
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็ออกเดินทางกันไปไหว้พระขอพรที่ Osu Kannon Temple ครับ เป็นวัดเก่าแก่ของเมือง จาก Sakae ก็นั่งรถไฟใต้ดินไปเพียงสองป้ายครับ เดินอีกนิดเดียวก็ถึงเลย เราซื้อ one day subway pass ครับ สะดวก คุ้ม
จริงๆแล้วบริเวณรอบวัดน่ก็จะมีถนนคนเดิน มีร้านค้ามากมายให้เราได้เสียเงินกันครับ แต่เนื่องจากว่าเป็นวันแรก เราเลยพยายามห้ามใจ เดินเล่นก่อน หาขนมทานไปเรื่อยๆ ก่อนจะออกเดินทางต่อไปที่ Nagoya Castle ครับ
สิ่งนึงที่ทำให้แปลกใจก็คือ ดอกไม้บางส่วนเริ่มบานแล้ว สวยงามมากเลยครับ

ก่อนจะออกเดินทางชมเมืองกันต่อ เราหาอะไรรองท้อง(อีกแล้ว) ครั้งนี้เรามาที่ห้าง Matsuzakaya ครับ จบที่ Mitsokatsu Yabaton
อยากจะบอกว่า ปกติผมไม่ค่อยชอบหมูทอดเท่าไหร่ครับ แต่นี่ต้องลองครับ อร่อย เนื้อนุ่ม ซอสหอมจริงๆ

หลังจากอื่มท้องก็เดินทางกันต่อครับ เราไปที่ Port of Nagoya Aquarium กัน เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่เอาใจลูกชายจอมซนครับ แนะนำมากๆสำหรับคนเดินทางกัยครอบครัว
อีกส่วนนึงที่ชอบคือที่นี่เค้ามีการสอดแทรกข้อมูลความรู้ต่างๆไว้ตามจุดครับ จำได้ว่าตอนผมไปเรียนที่ออสเตรเลียได้เจอเพื่อนคนญี่ปุ่นคนนึงครับ เธอบอกว่าเรียนจบแล้วอยากไปเป็นคนฝึกปลาโลมา มาที่แบบนี้ก็เข้าใจได้ครับ เด็กๆเต็ม
จาก aquarium เราเดินทางอ้อมแหลมครับ ไปที่ SCMaglev and Railway Park ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ครับที่เหมาะกับเด็กมากๆ ผมเจอกลุ่มเด็กประธมมาทัศนศึกษากัน น่ารักดีครับ ข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟรุ่นต่างๆ การพัฒนาของเทคโนโลยี และที่สำคัญการกล่าวถึงว่าทำไมเค้าต้องทำและพัฒนาสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อใคร ฯลฯ สิ่งนี้ช่วยปลูกฝังเด็กๆได้ดีเลยครับ ดูแล้วก็น่าอิจฉา

เดินกันจนเหนื่อย เราก็กลับมาจบที่ Sakae ครับ มีเวลาช้อปปิ้งกันนิดหน่อยก่อนมื้อคํ่า ครั้งนี้แทนที่จะไปร้านไก่ทอดเจ้าอร่อยอย่าง Yamachan เราเปลี่ยนมาลองร้าน Isomaru Suisan ครับ บอกได้คำเดียวว่า สุโค่ย! ร้านนี้ตามป้ายบอกว่าเปิด 24 ชั่วโมงครับ

สำหรับวันเดียวเที่ยวแบบนี้ก็ถือว่าอึดพอควร แต่มานาโงย่าทั้งที อย่าอยู่แต่ในเมืองครับ วันรุ่งขึ้นเราเดินทางไปทาคายาม่าโดยเริ่มใช้ Shoryudo Highway Bus Pass ขึ้นรถบัสจาก Meitetsu Bus Terminal ที่ JR Nagoya ตอนเช้าครับ ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงกว่าสำหรับการเดินทาง สามารถนึงที่เลือกเดินทางโดยรถบัสก็เพราะเรื่องของราคาครับ 7,000 เยนสำหรับ 3 วัน คุ้มสุดๆแล้ว
สำหรับทาคายาม่านั้นเป็นเมืองเล็กๆท่ามกลางหุบเขาครับ ผมอ่านชื่อของเมืองจากตัวอักษรที่เขียนซึ่งมาจากภาษาจีน ความหมายคือเมืองบนเขาสูง ออกมาจากนาโงย่าก็เย็นๆครับ แต่ก่อนจะถึงเมืองไม่นานเราจะผ่านเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ในส่วนของทาคายาม่าเอง วันที่เราถึงหิมะยังไม่ตกครับ เย็นสบายดี ที่นี่จะมีสะพานแดงหรือที่เรียกกันว่าสะพาน ​Nakabashi ที่ใครไปใครมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูปด้วย ยิ่งเป็นช่วงซากุระบานด้วยนี่หามุมยืนไม่ได้กันเลยทีเดียว
เพื่อนๆสามารถติดต่อชมภาพเพิ่มเติมสำหรับเมืองนี้ได้ที่นี่ครับ https://pantip.com/topic/36240657
จากทาคายาม่าเรายังสามารถใช้ ​Shoryudo Pass เดินทางต่อไปยังเมืองมรดกโลกอย่างชิราคาวาโกได้ด้วย ผมเคยไปตอนช่วงฤดูใบไม้ผลิ มาครั้งนี้ได้เห็นความสวยงามอีกแบบนึง ตะลึงกันไปครับ
ต้องบอกว่าเป็นครั้งของผมกับการเล่นหิมะแบบนี้ ส่วนลูกชายนี่สนุกสุดๆครับ ไม่เหนื่อยกันเลยทีเดียว
ภาพและกระทู้ของชิราคาวาโกของผมตามลิ้งค์นี้เลยครับ https://pantip.com/topic/36237134

หลังจากที่เจอหนาวกันไปเพราะหิมะตกหนัก เราหนีกลับเรียวกังของเราที่เมืองทาคายาม่า นึกถึงออนเซนอุ่นๆที่รออยู่ เราพักสองคืนที่ Oyado Koto no Yume ครับ https://pantip.com/topic/36238794

หลังจากสองคืนที่ทาคายาม่า เราเดินทางกลับมาที่นาโงย่าอีกครั้ง และก่อนที่จะเดินทางกลับเมืองไทย เราได้มีโอกาสไปดูไฟที่ Nabana no Sato ในวันรุ่งขึ้นครับ (พักเหนื่อยที่เมืองก่อนหนึ่งวัน) ไฟสวยเหมือนเคย แต่ครั้งนี้ที่เพิ่มมาคือซากุระเริ่มบานทั้งสวนเลย เสียดายที่ผมไปถึงหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วครับ เลยไม่ได้ถ่ายภาพสวยๆของดอกไม้มาให้ได้ชมกัน

ทั้งหมดก็เป็นการเดินทางของผมครั้งล่าสุดที่นาโงย่าระหว่างวันที่ 4-10 มีนาคมที่ผ่านมาครับ หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆที่กำลังแพลนอยากไปเที่ยวดูบ้าง เอ๊ะเมืองนี้มีอะไรทำ มีอะไรน่าสนใจ แล้วกินอะไรดี เดินทางยังไง ขอให้ทุกท่านเดินทางให้สนุกครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่