[CR] 1 motorcycle, 1 man, 3 countries

กระทู้รีวิว
สวัสดีคับ
มือใหม่หัดโฟสต์ครับ.
วันนี้ผมมีเรื่องราวการเดินทางของผมเอง ซึ่งทุกท่านก็สามารถที่จะทำได้เช่นกันคับ ...เรื่องราวจะเป็นเช่นไร เชิญอ่านได้เลยครับ ทุกอย่างที่เขียนเกิดขึ้นเองโดยข้อเท็จจริง ทุกประการคับ.

เหตุผลที่ผมเลือกขี่มอเตอร์ไซค์ สกู๊ตเตอร์ ยี่ห้อ แลมเบรตต้า เพราะ ย้อนไปในเมื่อผมอายุ 17 ปี ผมมีโอกาสได้ครอบครอง เวสป้า สปริ้นวี ทะเบียน แต่ แปลงจากสปริ้นวีแท้ มาเป็นเวสป้ารุ่น หกสี่

จากนั้น เห็นว่าเป็นรถแปลงสภาพ ทำให้สภาพจิตใจผมรู้สึกมีครูขึ้นมาเพราะผมไม่มีความรู้ไม่มีสื่อหรือตำราที่จะศึกษาจึงตัดสินใจซื้อเพราะชอบและมองเห็นค่าของรถโบราณขึ้นมาว่าเพราะอะไรถึงต้องเปลี่ยนแปลงรูปทรงด้านความเดิมของรุ่นของรถ ส่วนตัวผมชอบรถที่มีความดั้งเดิมถึงแม้ตัวผมจะไม่ได้เกิดทันยุคที่เขานำเข้ามาขาย เพราะผมเกิดไม่ทัน  จากนั้นผมได้ตัดสินใจขายรถคันนี้ไปที่ขายเพราะต้องการนำเงินไปซื้ออีกรุ่น ชื่อ รุ่นเวสป้า px 150

และได้เริ่มขี่ไปไกลสุด จาก ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา คนเดียว คันเดียว ต่อมาได้พอทราบข่าว มีอาจารย์ อินสน วงค์สาม ขับรถสกู๊ตเตอร์ชื่อ  แลมเบรตต้า จาก กทม ไป ถึง อิตารี่ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมอาจารย์อินสน วงค์สาม ที่จังหวัดลำพูน อำเภอป่าซาง และได้มีโอกาสได้พูดคุยกับท่านและได้มอบหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ " สุดขอบฟ้า หรือ FLY WITH ME TO ANOTHER WORLD"


และท่านได้เมตตาเซ็นหนังสือให้แก่ผมความรู้สึกตอนนั้นทำให้ผมได้รับแรงบันดาลใจ ผมคิดทบทวนว่า ทำไมแลมเบรตต้า ที่ท่านขี่ไปถึงได้ขี่ไปไกลถึงขนาดนั้น และผมคิดเสมอว่า คงต้องมีสักวัน ผมจะต้องขี่ไปให้ไกลสุดขอบฟ้าเหมือนท่านบ้าง สำหรับผมแล้วผมคิดว่า คนเราเกิดมาต้องตายทุกคน รู้วันเกิดแต่ไม่รู้วันตาย แต่ก่อนตายขอให้ได้ทำอะไร เพื่อความสุขของตัวเราเองบ้าง ซึ่ง คนที่ผมนับถือคือคนที่ตายไปสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับสังคม และประเทศ และ โลกใบนี้ เช่น มีการปั้นรูปปั้นเพื่อให้คนรุ่นหลังสักการะ เป็นต้น  นับตั้งแต่ปี 2003 ที่ผมได้เจอท่านอาจารย์อินสน ในปี 2015  ผมมีโอกาสได้ครอบครอง แลมเบรตต้าคันแรก แต่ ก็ยังเครื่องตอก เพราะไม่มีความรู้เรื่องแลมเบรตต้า จึงซื้อมาแต่มีทะเบียน จนกระทั่งผมได้ทำการซ่อมแซม รถคันนี้ ขึ้นมาแต่ก็ผ่านการขึ้นครูมาหลายท่านครู จนมาพบ เสี่ยตี้ แห่งลำพูน คนที่เป็นทุกอย่างให้กับรถแลมเบรตต้าคันนี้ จนถึงปัจจุบัน และคุณจ้านชลบุรี ที่ได้ขายแคร้ง แท้ พร้อมใบอินวอยให้ผม ทำให้รถแลมเบรตต้าคันนี้กลับมาโครงแท้ และเครื่องแท้ อีกครั้ง ในฐานนะที่ผม ได้รถมาแคร้งตอกถึงแม้มีทะเบียน แต่ความรู้สึกด้านจิตใจ มันรับไม่ได้ครับ . จากนั้น ผมมีโอกาสได้ทดสอบรถแลมเบรตต้า จากลำพูนไป ดอยอินทนนท์เชียงใหม่แต่รถของผมขึ้นได้ไม่ถึงที่สุด ผมคิดว่า ถ้ารถที่ดีมันต้องขี่ได้ในสภาวะอากาศหลายหลายทันทีที่รู้ว่าขึ้นไม่ได้เลยต้องกลับไปทำใหม่ ที่พี่ตี้ จนกระทั่งพี่ตี้ปรับเปลี่ยนแก้ไขเสร็จผมได้ขี่ขึ้นไป ถึงยอดดอยอินทนนท์ อีกครั้ง ที่อุณหภูมิ 19 องศาได้


จากนั้นวันที่ 26 ตุลาคม 2559 เวลา 1:40 pm ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมอาจารย์อินสน วงค์สาม ที่บ้านท่านที่ลำพูนอีกครั้ง


ได้พูดคุยกันสักพักและอาจารย์ก็เซ็นหนังสือให้ผมอีกครั้ง คือเล่มเดิมและอาจารย์ยังบอกอีกว่าหนังสือเล่มนี้ที่อาจารย์ก็ไม่มีแล้วในเฟสบุ๊คของผมมี ฝรั่งชาวอังกฤษมาขอซื้อผมเพื่อจะเอาไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษ ชื่อว่า Mr. John Brano Branson เจ้าของ Barwell Lambretta Museum . ผมไม่ได้ตัดสินใจขายให้กับฝรั่งท่านนี้ เรื่องประสบการณ์ในการซ่อมรถของผมแทบจะพูดได้ว่า ทำไม่เป็น แต่ก็ได้รับคำชี้แนะนำจากพี่ตี้ อยู่บ้าง อาศัยดูเขาทำรถช่วยหยิบจับบ้าง ผมทำรถคันนี้ มาค่อนข้างเยอะพอสมควรถึงเวลาที่ผมจะต้องออกตามหาความฝันและหาประสบการณ์ เริ่มต้นจาก  ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงค์บุรี อ่างทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทุบรึ กรุงเทพมหานคร นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ถึงบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผมก็ถ่าน้ำมันเครื่อง และ ขี่ต่อไป จังหวัด ชุมพร สุราษฎร์ธานี

แต่ถนนมีการก่อสร้าง ทำใหม่ ทางไม่ดี ทำให้ สายไฟที่อยู่บริเวณท้ายรถ หลุดตกมาที่ ล้อหลังเกิดสายไฟขาดซ๊อต ที่อำเภอทุ่งส่งและกะทะล้อที่ใช้นั่นเป็นงาน สแตนเลส บีจีเอ็มเยอรมัน ซึ่งเป็นแบบมียางใน ทำให้น๊อตล้อที่เสียดสีกับสายไฟขาด1ตัว ทำให้รถผมดับ ต่อมาโชคดี ผมพอรู้จัก พี่ตั้ม พัทลุง  และ พี่โจอาสาขับรถกะบะจาก พัทลุงมาช่วยผมยกรถไปที่อู่ของท่าน และให้ที่พักพิงแก่ผม


จากสายไฟซ๊อตปรากฏว่า ตัวปีกอัพของชุดไฟช็อต ปรับเปลี่ยนและแก้ไขจึงทำให้รถผมกลับมาขี่ได้อีกครั้ง และพี่ตั้มได้พาให้รู้จักน้องก๊อต นัท พาผมท่องเที่ยวภาคใต้ รวมถึงคุณเตย ร้านเติมสุขวาไรตี้ ณ พัทลุง พี่น้องชาวใต้ ทุกท่าน ผมได้พูดคุยกับพี่ตั้มถึงเรื่องการนำรถออกไปใช้ครั้งแรก และผมก็ยังไม่สามารถซ่อมเองได้มาก พี่ตั้มได้แนะนำและให้เครื่องมือบางส่วนติดตัวไว้เผื่อใช้ในยามจำเป็น จากนั้นผมก็ศึกษาหาข้อมูลวิธีนำรถมอไซต์ไป จากเว็บต่างๆ พอทราบ ข้อมูล จึงตัดสินใจไปที่ สำนักงานขนส่งหาดใหญ่ เพื่อ จะแปลเล่มทะเบียนรถ เอกสารที่ใช้ บัตรประชาชน และ พาสปอต และชำระค่าธรรมเนียม  แลกเงินริงกิตและดอลล่าสิงโปร์ และต้องตัดสติ๊กเกอร์แปะไว้ที่บังโคนรถ จากนั้นก็ขี่ไปที่ด่านนอก อำเภอ สะเดา พอเคลีย


อกสารที่หน้าด่านเสร็จ ก็สามารถเข้าประเทศมาเลเซียได้จากด่านมาเลเซีย ผมก็ไม่รู้ว่าซื้อ ประกันที่ไหนผมก็ถาม คนแถวนั้น เขาบอกให้ไปซื้อตรงนั้น Bukit Kaya Hitam ปรากฏว่า ซื้อประกันกับภาษีไม่ได้เพาะเขาบอกว่า ร้านนี้นั้นทำการขายเฉพาะ รถมาเลเซียและสิงโปเท่านั้น ที่จะขี่เข้าในประเทศไทย ส่วนน้องเป็นคนไทยจะต้องขี่ย้อนไปในแถวหน้าด่านประเทศมาเลเซีย แล้วซื้อประกัน พรบ ภาษี ของประเทศมาเลเซีย ผมขี่มาประมาณ10 กิโลเมตร และย้อนกลับมาแถวๆหน้าด่าน จากนั้นผมเจอรถมอไทยยี่ห้อ เวฟ คนขี่ชื่อ ฟา เป็นคนไทย เขาข้ามมาทำธุระไปๆมาๆ ที่ด่านบ่อยๆ จึงถามพี่เขาว่าจะซื้อ ประกันภัยกับ ภาษี ของประเทศมาเลเซีย ต้องทำยังไงบ้าง พี่เขาบอกว่าเตรียมเอกสารมาไหม ผมตอบว่ามีครบครับ พี่เขาเลยคุยภาษายาวีกับคนที่ขายประกันให้ แล้วก็ได้ประกันมา แต่พี่เขาบอกว่า ถ้าจ้างคนอื่นทำมันสะดวกแต่ ของน้องทำเองก็ประหยัดเงินเพราะซื้อตามเรท ปกติ จากนั้นน้องก็ไปห้องข้างๆไปซื้อ ภาษี พอเสร็จแล้วก็สามารถขี่ในประเทศนี้อย่างถูกต้อง ขอบคุณพี่ฟา


มากครับ การขี่รถในประเทศมาเลเซีย จะขี่ชิดช้ายเหมือนประเทศไทย ถนนประเทศนี้ดีมาก และน้ำมันที่ขายตามปั้มจะมี เบนชิน 95 และ 97 ผมเติมแค่ 95 วิธีการเติมน้ำมัน ให้เราสังเกตที่ค่ามิเตอร์ Price per liter RM เช่น ค่า Price per liter Rm คือ 1.95 เราต้องการเติมกี่ลิตร เราก็แค่ เอา 1.95 คูณจำนวณลิตร เช่นผมจะเติม 5 ลิตร ก็1.95 คูณ 5 เท่ากับ 9.75 RM(ริงกิต) เราก็เดินไปบอกพนักงานปั้มว่า เติม 5 ลิตรและบอกหมายเลขหัวตู้ที่เราจะเติม แล้วก็เดินไปเติมได้ ส่วนเรื่อง น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (2T) ก็จะมีขายทุกปั้มน้ำมันครับ ถนนหนทางดีกว่าประเทศไทยครับ อาหารการกิน ก็จะมีหลายหลาย แต่เวลาทานเสร็จอย่าลืมตรวจทานดูใบเสร็จด้วยผมก็ดูทุกครั้งเพราะบางทีเขาเห็นเรามา


จากประเทศไทยเขาอาจจะทอนเงินไม่ตรงกับที่เราสั่ง ระยะทางจากด่านนอกมา ถึง กัวลาลัมเปอร์ไม่ถึง 500กิโล ผมก็ขับภายในคืนนั้น เวลาง่วงหรือพักผมก็จะจอดพักที่ปั้ม การขับขี่บนท้องถนนประเทศนี้ ด้วยความที่ถนนดีมาก ฝน ลม แดด หนาว ทุกสภาพอากาศที่เป็นเรื่องปกติของการขี่จะต้องพบเจอ จากนั้นผมก็ขี่ไปถึง กัวลาลัมเปอร์ ผมพบ น้องคนหนึ่ง คนมาเลเซีย ออกแนวคนจีน ขับเวสป้ารุ่นใหม่ติดไฟแดงผมเลยทักทายเขาเป็นภาษาอังกฤษและถามเขาว่า


ถ้าผมต้องการจะซื้อ ชิมการ์ดเพื่อเล่นอินเตอรเน็ตผมต้องทำอย่างไรบ้าง น้องเขาใจดีบอกขับตามมา น้องเขาพาไป 7-11 แล้ว ทำการ ลงทะเบียนซิมเน็ต พอมีอินเตอร์เน็ตผมก็ไม่รู้จักใครแล้วก็ไป เที่ยวตรงไหนก็ไม่ค่อยรู้ทางจึงลองพิมพ์เฟสบุ๊คไปหา คนชื่อ Ahmad Yusri เขาเป็นเพื่อนกับผม
ในเฟสบุ๊คเขาเคยขอซื้อปลอกมือรถผมแต่ผมก็ยังไม่ได้ขายให้เขาผมก็ไม่ได้รู้จักเขาไม่คยเห็นหน้าเขา แต่ผมลองอินบ๊อคข้อความไปบอกเขา ว่าผมมาเที่ยวมาเลเซียคนเดียว พอจะแนะนำที่พักหรือ สถานที่เที่ยวที่ไหนบ้าง
โปรดอ่านต่อ part..2
ชื่อสินค้า:   lambretta
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่