18 + ญี่ปุ่นหลังม่านเซ็นเซอร์: ความเป็นมาอุตสาหกรรม AV หนังผู้ใหญ่ที่เราไม่เคยดูจนจบ

หมายเหตุ: เรื่องนี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อนึ่งผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาถ่ายทอดเรื่องราวในแง่ลามกอนาจาร แต่ต้องการสะท้อนปรากฏการณ์เชิงสังคมและวัฒนธรรมที่อยู่ภายใต้ความวาบหวิว

พูดถึง AV หรือ Adult Video คุณนึกถึงอะไร?
     นางเอกในดวงใจ ฉากบนรถไฟอันเบียดเสียด โมเสกเซ็นเซอร์ชวนหงุดหงิดใจ เสียงร้องสุดสวาท แพยางราดออยล์ และ...เอิ่ม นักแสดงชายผิวแทน (แต่เราว่าเขาคงไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของคุณหรอก)
     สำหรับผม ผมสนใจเรื่องราวของ AV ในด้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมมากกว่า (ดูมีความรู้ขึ้นมาทันที)
     คุณเคยสงสัยกันไหมว่า หนัง AV ที่เราดูกันอยู่ทุกวันนี้มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นสินค้าโอท็อป ทำไมญี่ปุ่นถึงสามารถผลิตและขาย AV ได้อย่างเสรี
     ‘นัทโตะ’ ชายหนุ่มผู้ช่ำชองเรื่องราวแดนอาทิตย์อุทัย และเป็นผู้ประสานงานกองถ่ายกราเวียร์ (ถ่ายแบบเซ็กซี่) ที่มาถ่ายทำที่เมืองไทย และ The Momentum จะมาเปิดเผยทุกข้อสงสัย และเรื่องราวของ AV ในมุมที่คุณอาจเผลอกด skip ข้ามไป…

50s สงครามโลก ถุงยาง และสถานบันเทิง
     ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีบันทึกที่เป็นลายลักษณ์อักษร ตลอดจนการเล่าแบบปากต่อปากที่มีเนื้อความไปในทิศทางเดียวกันว่า เวลาญี่ปุ่นเคลื่อนทัพไปรบที่ประเทศใด กองทัพก็มักจะเกณฑ์ผู้หญิงในประเทศนั้นๆ มาบำเรอความใคร่ให้เหล่าทหารหนุ่มกลัดมัน
     หลังจากที่ทหารอเมริกาได้เข้ายึดพื้นที่หนึ่งคืนจากญี่ปุ่นได้สำเร็จ สิ่งที่ญี่ปุ่นทิ้งไว้ต่างหน้าให้เหล่าทหารอเมริกาคือ ‘ถุงยางอนามัยใช้แล้ว’ ที่ถูกทิ้งอยู่เกลื่อนกลาดเป็นจำนวนมาก
    ภายหลังสงครามยุติลง ญี่ปุ่นที่อยู่ในสถานะผู้พ่ายแพ้ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เงินในกระเป๋าของประเทศเข้าขั้นร่อยหรอเต็มที จนประชาชนหันมาทำงานค้าบริการ และงานตามสถานบันเทิงมากขึ้น
     ในยุค 50s สถานบันเทิงของญี่ปุ่นจึงแตกหน่อออกผลเป็นจำนวนมาก เป็นผลให้รัฐบาลต้องลงมาจัดระเบียบ แบ่งพื้นที่ธุรกิจบันเทิงออกเป็น 2 โซน คือ Greenzone พื้นที่แอบทำ หากมีธุรกิจบันเทิงหรือการค้าบริการในพื้นที่นี้จะเข้าข่ายการลักลอบทันที และ Redzone พื้นที่ที่รัฐบาลปิดตาข้างหนึ่ง อนุญาตให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงหรือผู้ค้าบริการสามารถทำธุรกิจได้อย่างเสรี

60s Pink Film เรื่องแรกๆ ของญี่ปุ่น จุดกำเนิดของวงการ AV
     แม้ญี่ปุ่นจะยินยอมให้ธุรกิจบันเทิงเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นความฝืดเคืองของเศรษฐกิจในประเทศ แต่ถึงอย่างไรสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของแดนอาทิตย์อุทัยก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
     กระทั่งปี 1960 บริษัทชื่อ ‘นิกคัตสึ’ (Nikkatsu) ได้ผลิตหนังสำหรับผู้ใหญ่ หรือ Pink Film ออกมา
     ว่ากันว่ากองเซ็นเซอร์ของประเทศญี่ปุ่นในเวลานั้นที่ประกอบด้วยตำรวจ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ที่เป็นที่ยอมรับในสังคมได้ตัดสินใจอนุมัติให้หนัง Pink Film ของนิกคัตสึสามารถวางขายในท้องตลาดได้
     แม้อัยการของญี่ปุ่นจะทำการคัดค้านด้วยการยื่นฟ้องร้อง แต่ศาลชั้นต่างๆ ก็ตัดสินให้นิกคัตสึไม่มีความผิด เนื่องจากเคารพในการตัดสินใจของกองเซ็นเซอร์
     เป็นอันว่าวิดีโอหนังผู้ใหญ่ของนิกคัตสึสามารถวางขายในตลาดได้อย่างถูกกฎหมาย และทำให้เกิดวิดีโอ Pink Film ม้วนแรกวางขายในท้องตลาด

80s อุตสาหกรรม AV ได้เกิดขึ้นแล้ว!
     แม้นิกคัตสึจะเป็นบริษัทแรกๆ ที่เริ่มผลิตหนัง Pink Film ออกมาสู่ท้องตลาด แต่ถึงอย่างนั้นม้วนวิดีโอ ของนิกคัตสึก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร แม้จะมีการผลิตหนัง Pink Film ออกมาหลายเรื่อง นับตั้งแต่ที่นิกคัตสึได้บุกเบิกตลาดนี้
     กระทั่งยุค 80s ได้เกิดวิวัฒนาการจากหนัง Pink Film ไปสู่หนัง AV จำนวน 3 เรื่อง ได้แก่ สวนลึกลับ ความลึกลับที่ฉันต้องแอบดู และ The Onani Documentary ซึ่งเป็นหนัง 3 เรื่องที่จุดประกายอุตสาหกรรม AV ให้รุ่งเรืองอย่างฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะ The Onani Documentary ที่ประสบความสำเร็จถล่มทลาย (Onani ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายว่า ‘การช่วยตัวเอง’)
     เมื่อเป็นเช่นนี้ผู้ประกอบการหลายรายที่เห็นว่าธุรกิจ AV มีแนวโน้มในการเติบโตที่น่าสนใจและน่าลงทุน บริษัททั้งหลายจึงกระโจนเข้ามาในอุตสาหกรรมนี้กว่า 100 ราย ส่งผลให้เกิดการขยายกิจการ และการจ้างงานในวงการอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรม AV จึงถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในยุคนี้
     ในช่วงแรกฉากร่วมรักใน AV แต่ละเรื่องยังมีเพศสัมพันธ์แบบหลอกๆ ไม่ได้สอดใส่กันจริงๆ เพราะหากมีการสอดใส่เกิดขึ้น จะเป็นเรื่องผิดกฎหมายทันที
     อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ ในสมัยนั้นหากค่ายใดปล่อยหนังเรื่องใหม่ๆ ออกมา พวกเขาจะโปรโมตด้วยการนำม้วนวิดีโอไปวางตามโรงแรมม่านรูดเพื่อให้คนที่มาใช้บริการได้เปิดดู
     ในยุค 80s นี้เองที่คนญี่ปุ่นเริ่มรู้จักกับ AV มากขึ้น

90s สอดใส่กันจริง ถ่ายทำง่ายกว่า!
     ยุค 90s หนัง AV หลายเรื่องเริ่มให้นักแสดงสอดใส่กันได้จริง ด้วยเหตุผล 2 ประการ ประการแรกคือ นักแสดงส่วนใหญ่มองว่า พอไม่มีการสอดใส่เกิดขึ้นกลับทำให้การแสดงเป็นไปด้วยความลำบาก ทั้งสีหน้า แววตา และอารมณ์ร่วมของผู้แสดง แม้แต่กระบวนการถ่ายทำที่ต้องหลบมุมเพื่อหลอกคนดู ท้ายที่สุดนักแสดงทั้งหลายจึงเป็นฝ่ายร้องขอให้มีการร่วมรักกัน เพื่อตัดปัญหาในกระบวนการถ่ายทำ
     ประการถัดมา เมื่อผู้ประกอบการ AV หลายรายเริ่มเปลี่ยนมาให้มีการสอดใส่กัน คนดูเห็นว่าการแสดงมีความสมจริงมากขึ้น (แม้จะมีการทำโมเสกเซ็นเซอร์ปิดทับก็ตาม) หนัง AV ที่มีการร่วมเพศกันจริงๆ ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนในที่สุดค่ายหนังหลายๆ ราย ก็เปลี่ยนรูปแบบการถ่ายทำให้มีการสอดใส่กัน
     สงสัยใช่ไหมล่ะครับ เหตุใดหนัง AV ที่มีการสอดใส่ถึงไม่ผิดกฎหมาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ ‘เซ็นเซอร์’ เมื่อมีการเซ็นเซอร์เกิดขึ้น กฎหมายญี่ปุ่นจะเหมารวมโดยอัตโนมัติว่า นักแสดงเหล่านั้นไม่ได้มีการร่วมรักกันเกิดขึ้น (แม้ว่าพวกเขาจะรู้อยู่เต็มอกว่ามีการสอดใส่จริงๆ ก็เถอะ)
     นี่จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดหนัง AV ถึงต้องมีการเซ็นเซอร์ ‘ส่วนนั้น’ ไว้ทุกเรื่อง เพราะในความเป็นจริง หนัง AV ของประเทศญี่ปุ่นแบบ ‘UNCENSORED’ ก็ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดี ส่วนพวกที่ทำหนังประเภทนี้ได้ส่วนใหญ่จะวางขายตามซอกหลืบ หรือมีผู้จัดจำหน่ายอยู่ต่างประเทศ
     ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้เห็นนักแสดงระดับท็อปมาโชว์เรือนร่างในหนัง AV แบบ UNCENSORED อยู่บ้างในบางโอกาส

90s - 00s
รสนิยมที่หลากหลายกับแนวหนัง AV ที่แตกแขนง
     หลังจากที่ธุรกิจ AV เริ่มอยู่ตัว ค่ายผู้ผลิตหลายๆ รายเริ่มผลิตหนังที่มีการแสดงแบบสอดใส่จริงๆ ออกมาให้มีแนวทางที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม
     ในช่วงนี้จะมีหนัง AV แนวที่เรียกกันว่า ‘ฮะเมะโดริ’ (Hamedori) และ นัมปะ (Nampa) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หนังแนว  ‘ฮะเมะโดริ’ (Hamedori) เป็นหนังที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในกระบวนการถ่ายทำ เพราะใช้ตากล้องและนักแสดงชายเป็นคนคนเดียวกัน เพื่อใช้มุมกล้องแทนสายตาของผู้ชม เป็นเทคนิคที่เพิ่มอารมณ์ร่วมราวกับว่าผู้ชมกำลังเล่นบทบาทนักแสดงนำ โดยเจ้าพ่อ ‘ฮะเมะโดริ’ (Hamedori) ผู้ที่ทำให้หนังแนวนี้เป็นที่โด่งดังแพร่หลายคือ ผู้กำกับเอวีชื่อดังอย่าง Company Matsuo
     ส่วนหนังแนวนัมปะ (Nampa) คือหนังแนวออกล่าไล่จีบผู้หญิงตามท้องถนนเพื่อพาไปสำเร็จความใคร่ โดยเจ้าพ่อนักแสดงหนังแนวนัมปะที่โด่งดังในยุคนี้ คือ Hiroshi Shimabukuro หนุ่มอารมณ์ดีที่ชอบเมืองไทย (ภายหลังมาหากินด้วยการเปิดร้านเลาจน์คาราโอเกะญี่ปุ่นชื่อ Vanilla ที่สุขุมวิท 33) หนังแนวนี้ยังก่อให้เกิดหนังแสดงชายดังๆรุ่นหลังตามมาอีกมากมายเช่น ชิมิ เคน (Shimi Ken)
     ขณะเดียวกันก็เริ่มมีการเปิดโอกาสให้นักแสดงหญิงที่มีอายุเยอะ (แนว Milf อายุ 30-40 ปี) ได้มีพื้นที่ในวงการ AV มากขึ้น จากเดิมนักแสดงหญิงที่จะเล่น AV ได้มักจะดู เด็กๆ ใสๆ แบบสาวญี่ปุ่นยุค 80’s โดยผู้กำกับที่ถือเป็นคนปลุกปั้นแนว Milf ให้โด่งดังคือ โกโร่ ทาเมเกะ (Goro Tameike)
    เราจึงได้เห็นถึงรสนิยมทางเพศที่หลากหลายของคนในยุคนี้ผ่านแนวของหนัง AV ประเภทต่างๆ ทั้ง กามวิตถาร SM เลสเบี้ยน หน้าอกเล็ก อกใหญ่ คอสเพลย์ หลั่งใน หรือ บุคคะเกะ (Bukkake) (Bukake (บุคะเกะ) การพ่นน้ำรักไปที่ใบหน้าของนักแสดงหญิง ซึ่งเป็นรสนิยมทางเพศแบบหนึ่งของผู้ชายญี่ปุ่น โดยในช่วงยุค 80s มีหนัง AV แนวบุคะเกะออกมาเป็นจำนวนมาก)

2000 - 2010 'อินเทอร์เน็ต' ศัตรูตัวฉกาจของวงการ AV
     ในยุค 2000 กองเซ็นเซอร์ได้มีการปรับระเบียบของหนังเอวีให้ยืดหยุ่นมากขึ้น โดยอนุญาตให้มีการเซ็นเซอร์ได้บางลง และ อนุญาตให้การโชว์ขนลับ หรือ ทวารเป็นเรื่องถูกต้อง จนหลายๆ ค่ายเริ่มทำหนังแบบเซ็นเซอร์บางออกมาสู่ตลาดมากมาย
     ที่เราได้เห็นกันบ่อยๆ คือพวกหนังประเภทที่พาดหัว Girigiri mosaic หรือ Max mosaic ที่จะเซ็นเซอร์เฉพาะจุดที่ห้ามโชว์ออกมา เช่น อวัยวะเพศ เท่านั้น (แต่เบื้องหลังการทำนั้นแสนสาหัสเพราะต้องใช้คนและเวลาเยอะมาก ทำให้บริษัทญี่ปุ่นนั้นต้องส่งไฟล์ต้นฉบับออกไปตัดต่อในประเทศที่ค่าแรงงานถูก)
     ดูเหมือนว่าทิศทางและสินค้านั้นดูน่าสนใจขึ้นก็จริง แต่หลังการเข้ามาของ DVD และอินเทอร์เน็ต ธุรกิจ AV ที่เคยได้รับความนิยมถึงขีดสุดก็ต้องปรับตัวกันอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาถึงของอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ผู้คนหนีไปดูหนังผู้ใหญ่ออนไลน์กันมากขึ้น (เว็บต่างประเทศ) เมื่อหาดูได้ฟรี ยอดขายก็ตกลง การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่จึงเกิดขึ้น
     ผู้ประกอบการหลายรายจำเป็นจะต้องผ่าตัดกระบวนการทำงานครั้งยิ่งใหญ่ โดยเริ่มจากการลดต้นทุนกระบวนการผลิตและการจัดจ้าง มีข้อมูลว่าช่วงยุค 80s-90s หนัง AV เรื่องหนึ่งใช้งบประมาณในการถ่ายทำต่อวันสูงถึง 3,000,000 เยน! (หรือประมาณ 1,000,000 บาท)
     แม้นักแสดงจะได้รับค่าตัวน้อยลง แต่ในเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีข้อดี ในอดีตกระบวนการถ่ายทำส่วนใหญ่จะยืดเยื้อโดยใช้เวลาในการถ่ายทำราว 2-3 วัน แต่เมื่อการลดต้นทุนเป็นสิ่งที่ต้องทำ หนัง AV ในยุคนี้กว่า 80% จึงต้องถ่ายทำให้จบภายในวันเดียว เพราะหากยืดเยื้อ นายทุนจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น ทั้งค่าเช่าสตูดิโอ ค่าแรงทีมงาน หรือค่าคิวนักแสดง เมื่อเป็นเช่นนี้ รูปแบบในการทำงานของกองถ่าย AV จึงเป็นระบบระเบียบแบบแผนที่ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้ทีมถ่ายทำ AV ในยุคนี้มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่