ศาสนาพุทธขึ้นชื่อว่าเป็นศาสนาอันดับต้นๆ ที่สั่งสอนไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในโลกิยะ สอนให้รู้จักขัดเกลาและละ “กิเลส/ตัณหา” ....และเป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งก็คือกิเลส/ตัณหาที่ว่านี้มักจะป้วนๆ เปี้ยนๆ อยู่ในบริเวณวัดซะส่วนใหญ่ คล้ายจะยั่วยวน คล้ายจะลองใจพระสงฆ์เหมือนที่เหล่าธิดามารเคยพยายามยั่วยวนสมณโคดมไม่ให้เข้าถึงสัมโพธิญาณเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระสงฆ์องค์สามเณรก็ตกอยู่ในสภาพที่เหมือนกำลังว่ายอยู่ในทะเลแห่งตัณหา มีหลายรูป...ที่ว่ายเข้าถึงฝั่ง มีหลายรูปที่ว่ายเข้าใกล้ฝั่ง และมีหลายรูปที่ยังไม่ถึงและทั้งยังไม่ใกล้ฝั่งแต่ก็ว่ายมาถูกทิศทาง แต่....ที่น่าสลด มีจำนวนไม่น้อยที่ว่ายหนีห่างออกไปจากฝั่งไปไกลสุดกู่ อย่างไรก็แล้วแต่.... นั่นเป็นการอุปมาอุปไมยถึงแม่น้ำแห่งตัณหาที่พัดพาพระสงฆ์องค์สามเณรบางรูป ถ้าหากเป็นจริงก็คงจะดีไม่น้อย......พุทธศาสนิกชนบางกลุ่มจะได้เห็นกับตาว่าคนที่ชื่อ “พุทธอิสระ” อยู่ห่างไกลจากฝั่งมากน้อยแค่ไหน?
ผมพยายามจะหาเหตุผลหลายครั้งหลายคราว่าคนที่ต้องข้อหา “กบฏต่อแผ่นดิน” และอีกหลายต่อหลายคดีทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างพุทธอิสระนั้นสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างหน้าชื่นตาบานขนาดนี้ ?? ต้องมีอะไรดีสักอย่างชนิดที่แม้แต่กฏหมายยังกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ไม่เคยได้เหตุผลที่สมน้ำสมเนื้อสักที เอ..?? หรือว่าจะด้วยเพราะอภินิหารจาก “ทองคำเปลว” เล็กๆ แผ่นนั้น??
....อภินิหาร "ทองคำเปลว".....
ผมพยายามจะหาเหตุผลหลายครั้งหลายคราว่าคนที่ต้องข้อหา “กบฏต่อแผ่นดิน” และอีกหลายต่อหลายคดีทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างพุทธอิสระนั้นสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมได้อย่างหน้าชื่นตาบานขนาดนี้ ?? ต้องมีอะไรดีสักอย่างชนิดที่แม้แต่กฏหมายยังกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ไม่เคยได้เหตุผลที่สมน้ำสมเนื้อสักที เอ..?? หรือว่าจะด้วยเพราะอภินิหารจาก “ทองคำเปลว” เล็กๆ แผ่นนั้น??