สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
ธรรมกายจัดทุดงโชว์ เดือดร้อนชาวบ้านไปทั่ว คนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย ก็เดือดร้อนเหมือนกัน
เจ๊ไม่พูดบ้างล่ะ
----------------------
ศรัทธา vs. ปัญญา --- กรณีธรรมกาย
https://pantip.com/topic/33389380
วัดพระธรรมกายเคยจัดกิจกรรมเดินธุดงค์อย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว
ฝ่ายการตลาดคงจะประเมินผลแล้วว่า-กำไรมหาศาล
(ก็เหมือนกับกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์หมื่นรูปที่ตระเวนจัดไปตามจังหวัดต่างๆ
รวมทั้งที่ราชบุรีบ้านผม จัดแต่ละที กำไรมหาศาล)
แต่คราวนี้เสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” ดังกระหึ่มเมือง
ป่านนี้ฝ่ายการตลาดของวัดพระธรรมกายคงสรุปผลได้แล้วว่าธุดงค์คราวนี้กำไรหรือขาดทุน
พอกิจกรรมธุดงค์ร้อนๆ จบลง
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกก็ปะทุขึ้น
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกนี้ นักวิจารณ์ส่วนมากบอกว่าเป็น “แผนสะกัดดาวรุ่ง” ของบางฝ่ายที่จ้องหาจังหวะอยู่แล้ว
ผมว่าถ้าจะเป็นแผนอะไรของใครจริงละก็ วัดพระธรรมกายนั่นเองที่เป็นฝ่าย “เปิดจังหวะ” ขึ้นมาเอง
--------------
ถามว่า ฝ่ายวิชาการของวัดพระธรรมกายไม่รู้หรือว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
ตอบว่า ทำไมจะไม่รู้
รู้อย่างยิ่งที่เดียวแหละ
วัดพระธรรมกายมีเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นกระบุง
เปรียญธรรม ๙ ประโยคต้องศึกษาเรื่องธุดงค์ในคัมภีร์มาแล้วทั้งสิ้น
ทั้งแปลมคธเป็นไทยเมื่อตอนเรียน ป.ธ.๘
และแปลไทยเป็นมคธเมื่อเรียน ป.ธ.๙
ประชาชนทั่วไปต่างหากที่ไม่รู้ว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
แต่แทนที่วัดพระธรรมกายจะใช้ศักยภาพของตนเอื้ออำนวยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
กลับใช้ธุดงค์เป็น “จุดขาย” โดยอาศัยความไม่รู้ของประชาชนนั่นเองเป็นปุ๋ยอันโอชะ
ดังจะเห็นได้ว่า ในท่ามกลางเสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” นั่นเอง ก็ยังมีเสียงที่เปล่งออกมาด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยมว่า
“การได้เห็นพระเดินเข้ามาในเมืองเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นบุญดอกหรือ”
วัดพระธรรมกายต้องการแค่ “ศรัทธา” คือเห็นพระเดินธุดงค์เข้ามาในเมืองก็เป็นบุญเท่านั้น
แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนเกิด “ปัญญา” เข้าใจถูกต้องว่าธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
-------------------------------
ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากญาติมิตรที่มีน้ำใจส่งมาให้
หนังสือชื่อ “ธุดงค์ ทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?”
เป็นหนังสือที่ถอดจากบทสัมภาษณ์พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) พิมพ์ออกมาเป็นธรรมทานเพื่อการศึกษาธรรม
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง
เป็นหนังสือเล่มบางๆ นับแผ่นกระดาษรวมทั้งปกด้วยได้ ๑๔ แผ่น ( = ๒๘ หน้า) เท่านั้น
แต่คุณค่าหนาแน่นนักหนา ให้ความรู้เรื่องธุดงค์ได้อย่างกระชับ ชัดเจน
จัดกิจกรรมเดินธุดงค์ลงทุนมหาศาล
หวังหยิบกำไรที่มหาศาลยิ่งกว่า
แต่ประชาชนยังเขลาในเรื่องธุดงค์เหมือนเดิม
หนังสือเล่มนี้ต้นทุนน่าจะไม่เกินเล่มละ ๒๐บาท
แต่อ่านแล้วได้ปัญญามหาศาล
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘
-----------------------------------------
เชิญดาวน์โหลด
http://www.watnyanaves.net/uploads/File/books/pdf/dhutanga_what_where_and_why.pdf
เจ๊ไม่พูดบ้างล่ะ
----------------------
ศรัทธา vs. ปัญญา --- กรณีธรรมกาย
https://pantip.com/topic/33389380
วัดพระธรรมกายเคยจัดกิจกรรมเดินธุดงค์อย่างยิ่งใหญ่มาแล้ว
ฝ่ายการตลาดคงจะประเมินผลแล้วว่า-กำไรมหาศาล
(ก็เหมือนกับกิจกรรมตักบาตรพระสงฆ์หมื่นรูปที่ตระเวนจัดไปตามจังหวัดต่างๆ
รวมทั้งที่ราชบุรีบ้านผม จัดแต่ละที กำไรมหาศาล)
แต่คราวนี้เสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” ดังกระหึ่มเมือง
ป่านนี้ฝ่ายการตลาดของวัดพระธรรมกายคงสรุปผลได้แล้วว่าธุดงค์คราวนี้กำไรหรือขาดทุน
พอกิจกรรมธุดงค์ร้อนๆ จบลง
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกก็ปะทุขึ้น
กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายกับอาบัติปาราชิกนี้ นักวิจารณ์ส่วนมากบอกว่าเป็น “แผนสะกัดดาวรุ่ง” ของบางฝ่ายที่จ้องหาจังหวะอยู่แล้ว
ผมว่าถ้าจะเป็นแผนอะไรของใครจริงละก็ วัดพระธรรมกายนั่นเองที่เป็นฝ่าย “เปิดจังหวะ” ขึ้นมาเอง
--------------
ถามว่า ฝ่ายวิชาการของวัดพระธรรมกายไม่รู้หรือว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
ตอบว่า ทำไมจะไม่รู้
รู้อย่างยิ่งที่เดียวแหละ
วัดพระธรรมกายมีเปรียญธรรม ๙ ประโยคเป็นกระบุง
เปรียญธรรม ๙ ประโยคต้องศึกษาเรื่องธุดงค์ในคัมภีร์มาแล้วทั้งสิ้น
ทั้งแปลมคธเป็นไทยเมื่อตอนเรียน ป.ธ.๘
และแปลไทยเป็นมคธเมื่อเรียน ป.ธ.๙
ประชาชนทั่วไปต่างหากที่ไม่รู้ว่า ธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
แต่แทนที่วัดพระธรรมกายจะใช้ศักยภาพของตนเอื้ออำนวยความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
กลับใช้ธุดงค์เป็น “จุดขาย” โดยอาศัยความไม่รู้ของประชาชนนั่นเองเป็นปุ๋ยอันโอชะ
ดังจะเห็นได้ว่า ในท่ามกลางเสียง “เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา” นั่นเอง ก็ยังมีเสียงที่เปล่งออกมาด้วยศรัทธาที่เต็มเปี่ยมว่า
“การได้เห็นพระเดินเข้ามาในเมืองเช่นนี้ไม่นับว่าเป็นบุญดอกหรือ”
วัดพระธรรมกายต้องการแค่ “ศรัทธา” คือเห็นพระเดินธุดงค์เข้ามาในเมืองก็เป็นบุญเท่านั้น
แต่ไม่ต้องการให้ประชาชนเกิด “ปัญญา” เข้าใจถูกต้องว่าธุดงค์ในพระพุทธศาสนานั้นคือทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?
-------------------------------
ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากญาติมิตรที่มีน้ำใจส่งมาให้
หนังสือชื่อ “ธุดงค์ ทำอะไร ที่ไหน เพื่ออะไร ?”
เป็นหนังสือที่ถอดจากบทสัมภาษณ์พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) พิมพ์ออกมาเป็นธรรมทานเพื่อการศึกษาธรรม
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี่เอง
เป็นหนังสือเล่มบางๆ นับแผ่นกระดาษรวมทั้งปกด้วยได้ ๑๔ แผ่น ( = ๒๘ หน้า) เท่านั้น
แต่คุณค่าหนาแน่นนักหนา ให้ความรู้เรื่องธุดงค์ได้อย่างกระชับ ชัดเจน
จัดกิจกรรมเดินธุดงค์ลงทุนมหาศาล
หวังหยิบกำไรที่มหาศาลยิ่งกว่า
แต่ประชาชนยังเขลาในเรื่องธุดงค์เหมือนเดิม
หนังสือเล่มนี้ต้นทุนน่าจะไม่เกินเล่มละ ๒๐บาท
แต่อ่านแล้วได้ปัญญามหาศาล
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘
-----------------------------------------
เชิญดาวน์โหลด

ความคิดเห็นที่ 14

ลัทธิธรรมกายสอนให้นิยมอภินิหาร และส่งเสริมให้เกิดความโลภ เช่น
ให้ทุ่มทำบุญแล้วจะรวย มีการสร้างพระรุ่นดูดทรัพย์
เหล่านี้ล้วนทำให้ตั้งอยู่ในความประมาท โง่เขลา ไม่เข้มแข็ง
ไม่เป็นไปที่จะช่วยมนุษยชาติเผชิญกับปัญหาอันซับซ้อนได้
จึงไม่ใช่ทางแห่งความเจริญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ลัทธิธรรมกายสอนให้นิยมอภินิหาร และส่งเสริมให้เกิดความโลภ เช่น
ให้ทุ่มทำบุญแล้วจะรวย มีการสร้างพระรุ่นดูดทรัพย์
เหล่านี้ล้วนทำให้ตั้งอยู่ในความประมาท โง่เขลา ไม่เข้มแข็ง
ไม่เป็นไปที่จะช่วยมนุษยชาติเผชิญกับปัญหาอันซับซ้อนได้
จึงไม่ใช่ทางแห่งความเจริญ

ศ.นพ.ประเวศ วะสี
ความคิดเห็นที่ 35
คุณแขก ก็แค่สื่อ มีข่าวขึ้นมา ก็พูดก็วิจารณ์เท่าที่สติปัญญามี
บังเอิญเรื่องศาสนา เป็นเรื่องสำคัญลึกซึ้ง เกินกว่าสติปัญญาของคุณแขกตอนนี้จะเข้าใจ
ด้วยไม่เคยศึกษา ไม่เคยสนใจ หรือแทบจะไม่เคยรู้จักพุทธศาสนาจริงๆเลย
วัดในสายตาเธอก็ไปให้ได้บรรยากาศสนุกๆ โป้งชึ่งๆ เฮฮา
วัดแบบนี้ที่เธอชอบ ซึ่ง ก็มีอยู่จริง..แต่นั่นคือเปลือกใกล้เน่าที่ควรขูดออก แต่เธอก็รู้แค่เปลือกนั้น...
แล้วก็เอาความรู้จักเปลือกๆเพียงน้อยนิดอันนั้น มาวิพากวิจารณ์ศาสนา ก็เลยเป็นเรื่อง...คนละระดับ...
คุณแขกไม่เห็นความสำคัญ ไม่หวงแหนพุทธศาสนา เพราะไม่เคยศึกษา ไม่เคยปฏิบัติ
คุณแขกเลยไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ามีตั้งแต่ระดับศีลธรรรม ไปจนถึงระดับปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร
ซึ่งนี่คือจุดหมายปลายทางที่พระพุทธเจ้าทรงเผยแพร่สั่งสอน
การจะไปถึง ท่านได้วางหลักปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน มีอุบายปฏิบัติ แต่ต้องไม่เฉไฉออกจากแก่น...
การจะตีความหลักคำสอนตามใจ ผิดๆเพี้ยนๆไป แล้วผู้ปฏิบัติจะไปถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไร
ชาวพุทธที่เขาศึกษาและปฏิบัติ เขาเห็นความสำคัญ เขาหวงแหน เขาจึงเพียรดึงไว้..
อย่างคุณแขก ไม่สนใจหรอกว่าพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตเธออยู่แล้ว
เธอจึงพูดอะไรออกมาก็ได้ โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องระวัง เพราะไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว...
หวั่นก็แต่คนรุ่นใหม่ที่ได้ยิน ได้ฟัง ไม่ทันไตร่ตรอง จะหลง คล้อยตาม
ทำให้เข้าใจพุทธศาสนาผิดๆ พลาดๆ จนอาจขาดโอกาสที่จะได้ลิ้มรสธรรมะของพระพุทธเจ้า
รอแก่ กว่าจะรู้ ก็เหลือเวลาไม่นานเสียแล้ว
เป็นหน้าที่พุทธบริษัท ต้องช่วยกันส่งต่อพุทธศาสนาให้ถึงมือลูกหลาน....
บังเอิญเรื่องศาสนา เป็นเรื่องสำคัญลึกซึ้ง เกินกว่าสติปัญญาของคุณแขกตอนนี้จะเข้าใจ
ด้วยไม่เคยศึกษา ไม่เคยสนใจ หรือแทบจะไม่เคยรู้จักพุทธศาสนาจริงๆเลย
วัดในสายตาเธอก็ไปให้ได้บรรยากาศสนุกๆ โป้งชึ่งๆ เฮฮา
วัดแบบนี้ที่เธอชอบ ซึ่ง ก็มีอยู่จริง..แต่นั่นคือเปลือกใกล้เน่าที่ควรขูดออก แต่เธอก็รู้แค่เปลือกนั้น...
แล้วก็เอาความรู้จักเปลือกๆเพียงน้อยนิดอันนั้น มาวิพากวิจารณ์ศาสนา ก็เลยเป็นเรื่อง...คนละระดับ...
คุณแขกไม่เห็นความสำคัญ ไม่หวงแหนพุทธศาสนา เพราะไม่เคยศึกษา ไม่เคยปฏิบัติ
คุณแขกเลยไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้ามีตั้งแต่ระดับศีลธรรรม ไปจนถึงระดับปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร
ซึ่งนี่คือจุดหมายปลายทางที่พระพุทธเจ้าทรงเผยแพร่สั่งสอน
การจะไปถึง ท่านได้วางหลักปฏิบัติอย่างเป็นขั้นตอน มีอุบายปฏิบัติ แต่ต้องไม่เฉไฉออกจากแก่น...
การจะตีความหลักคำสอนตามใจ ผิดๆเพี้ยนๆไป แล้วผู้ปฏิบัติจะไปถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้อย่างไร
ชาวพุทธที่เขาศึกษาและปฏิบัติ เขาเห็นความสำคัญ เขาหวงแหน เขาจึงเพียรดึงไว้..
อย่างคุณแขก ไม่สนใจหรอกว่าพุทธศาสนาจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตเธออยู่แล้ว
เธอจึงพูดอะไรออกมาก็ได้ โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องระวัง เพราะไม่แคร์อะไรอยู่แล้ว...
หวั่นก็แต่คนรุ่นใหม่ที่ได้ยิน ได้ฟัง ไม่ทันไตร่ตรอง จะหลง คล้อยตาม
ทำให้เข้าใจพุทธศาสนาผิดๆ พลาดๆ จนอาจขาดโอกาสที่จะได้ลิ้มรสธรรมะของพระพุทธเจ้า
รอแก่ กว่าจะรู้ ก็เหลือเวลาไม่นานเสียแล้ว
เป็นหน้าที่พุทธบริษัท ต้องช่วยกันส่งต่อพุทธศาสนาให้ถึงมือลูกหลาน....
ความคิดเห็นที่ 29
คคห.28
เอาแค่พอหอมปากหอมคอนะครับ แค่การที่เจ๊แก พูดว่า
มีใครเคยได้ยินเสียงพระพุทธเจ้ากับหูตัวเองไหม จึงรู้ว่าบิดเบือน
ผมถามหน่อยครับ ผมสมมุตินะว่าตรรกะนี้ถูกต้อง เท่ากับว่า เราทุกคนไม่มีใครเคยได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าเลยเพราะพระองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว
ถ้าไม่เคยได้ยิน ย่อมไม่รู้ว่าบิดเบือนหรือไม่ เราไม่สามารถเชื่อพระไตรปิฎกได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีการรักษาสืบทอดมาอย่างดีเท่าไหร่ก็ตาม
ถ้าอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าใครสอนผิดสอนถูกตามพระธรรมวินัยเลย
และหมายความว่า ใครจะสอนอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่ใีใครรู้จริงว่าผิดหรือถูก
จะสอนว่าตัวเองเป็นต้นธาตุต้นธรรม ใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าก็ได้ จะสอนว่าพระพุทธเจ้า ไม่รู้จักมาร ตอบคำถามมารไม่ได้ ยังตรัสรู้ใหม่อยู่แบบนี้ก็ได้
จะสอนว่านิพพานเป็นอัตตา สวรรค์แยกเป็นเฟสๆ หากใครปิดบัญชีแบบไม่เม้ม กูหนี้ยืมสินมาทำบุญที่วัดจะได้นั่นได้นี่ก็ได้ อย่างนั้นหรือ?
ถ้าความคิดนี้ถูกต้อง เราจะรักษาพระไตรปิฎกไว้ทำไมครับ เผาทิ้งเลย เชื่อไม่ได้ เราจะบวชเรียนกันทำไมครับในเมื่อมันเชื่อไม่ได้
ลัทธิบูชาผีย่อมมีค่าเท่ากับพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาจะไม่มีแก่น ใครจะสอนอย่างไรก็ได้ ถูกหมด แบบนี้หรือ?
นี่เป็นหลักเหตุผลง่ายๆที่ผมคิดว่า คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีแล้วนะครับ เช่นเดียวกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ เขารู้แก่ใจดี แต่ก็รู้เช่นกันว่า สาวกธรรมกาย ไม่ได้มีความคิดที่จะรับฟังความคิดเห็น ที่จะไตร่ตรองตามเหตุผลเลย เขาแค่สร้างกระแสให้เกิดความสับสน เกิดความเชื่อที่เป็นประโยชน์ต่อการหลบเลี่ยงความผิดของลัทธิเขาเท่านั้น ชาวพุทธทั้งหลายจึงเลือกที่จะไม่พูดถึง เพราะเปล่าประโยชน์ครับ
เอาแค่พอหอมปากหอมคอนะครับ แค่การที่เจ๊แก พูดว่า
มีใครเคยได้ยินเสียงพระพุทธเจ้ากับหูตัวเองไหม จึงรู้ว่าบิดเบือน
ผมถามหน่อยครับ ผมสมมุตินะว่าตรรกะนี้ถูกต้อง เท่ากับว่า เราทุกคนไม่มีใครเคยได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าเลยเพราะพระองค์ทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว
ถ้าไม่เคยได้ยิน ย่อมไม่รู้ว่าบิดเบือนหรือไม่ เราไม่สามารถเชื่อพระไตรปิฎกได้เลย ถึงแม้ว่าจะมีการรักษาสืบทอดมาอย่างดีเท่าไหร่ก็ตาม
ถ้าอย่างนั้น ก็เท่ากับว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าใครสอนผิดสอนถูกตามพระธรรมวินัยเลย
และหมายความว่า ใครจะสอนอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่ใีใครรู้จริงว่าผิดหรือถูก
จะสอนว่าตัวเองเป็นต้นธาตุต้นธรรม ใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าก็ได้ จะสอนว่าพระพุทธเจ้า ไม่รู้จักมาร ตอบคำถามมารไม่ได้ ยังตรัสรู้ใหม่อยู่แบบนี้ก็ได้
จะสอนว่านิพพานเป็นอัตตา สวรรค์แยกเป็นเฟสๆ หากใครปิดบัญชีแบบไม่เม้ม กูหนี้ยืมสินมาทำบุญที่วัดจะได้นั่นได้นี่ก็ได้ อย่างนั้นหรือ?
ถ้าความคิดนี้ถูกต้อง เราจะรักษาพระไตรปิฎกไว้ทำไมครับ เผาทิ้งเลย เชื่อไม่ได้ เราจะบวชเรียนกันทำไมครับในเมื่อมันเชื่อไม่ได้
ลัทธิบูชาผีย่อมมีค่าเท่ากับพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาจะไม่มีแก่น ใครจะสอนอย่างไรก็ได้ ถูกหมด แบบนี้หรือ?
นี่เป็นหลักเหตุผลง่ายๆที่ผมคิดว่า คุณเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีแล้วนะครับ เช่นเดียวกับทุกคนที่อยู่ตรงนี้ เขารู้แก่ใจดี แต่ก็รู้เช่นกันว่า สาวกธรรมกาย ไม่ได้มีความคิดที่จะรับฟังความคิดเห็น ที่จะไตร่ตรองตามเหตุผลเลย เขาแค่สร้างกระแสให้เกิดความสับสน เกิดความเชื่อที่เป็นประโยชน์ต่อการหลบเลี่ยงความผิดของลัทธิเขาเท่านั้น ชาวพุทธทั้งหลายจึงเลือกที่จะไม่พูดถึง เพราะเปล่าประโยชน์ครับ
แสดงความคิดเห็น
เจ๊แขก (ไม่ใช่ศิษย์วัดพระธรรมกาย) ซัดแรง ทำไมเรื่องราวต่าง ๆ ต้องมาลงกับวัดพระธรรมกาย แค่วัดเดียว
แขก ยังไม่เคยทำบุญสักบาทกับวัดพระธรรมกาย แขกก็ไม่เคยโดนศิษย์วัดมายืนด่าแขกสักครั้ง
วัดทุกวัดไม่เคยขายอะไรเลย ไม่มีหรอก วัดทุกวัดก็มีวิธีทำบุญตามแนวของตัวเองกันทั้งนั้น
แขกอยากรู้ใครเคยได้ยินเสียงพระพุทธเจ้าบ้าง จึงรู้ว่าบิดเบือน