เจอดี ตอน ภาคสนาม (อย่าอยู่คนเดียว)

นี้เป็นเรื่องที่เราเจอเมื่อ2วันที่ผ่านมา ให้พูดตรงๆคือนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอผีหรอก แต่เป็นครั้งแรกที่เราเจอแบบจะๆ
เรื่องมันมีอยู่ว่า

เมื่อวันศุกร์ คณะเรา เอกเรามีภาคสนาม ค้างคืนที่อุทยานแห่งหนึ่ง 1 คืน
แน่นอนว่า ทุกคนต้องพกเครื่องรางของขลังติดตัวกันไปอยู่แล้ว เพราะที่ๆจะไปมันคือป่าเขา แม้ว่าจะอยู่ในเขตอุทยานก็ตาม เรามันก็ต้องหามาพกเพื่อป้องกันภัยจากพวกสิ่งลึกลับอยู่แล้วล่ะ เราเป็นผู้หญิงก็จริง เราก็พกนะ "หนังเสือโคร่ง" เป็นตะกรุดอันเล็กๆห้อยคอไว้ เป็นของที่แฟนเอาให้ (เขาเป็นทหาร เดินเข้าป่าเขาก็พกไปด้วยตลอด เขาบอกว่าพกนี้ไว้แล้วจะปลอดภัย) ที่เหลือก็มีแต่สายสิญจน์มัดข้อมือ
อาจจะเพราะเราเป็นผู้หญิงด้วยเนาะ เลยไม่ค่อยได้พกหรือดูของจำพวกของขลัง

ม่ะ เข้าเรื่อง

วันศุกร์เช้า ก็เดินทางจ้าาาา ด้วยรถ 2 คัน ระหว่างอยู่ในรถ ก็ คุยเม้ามอยกับเพื่อนในเอกตามปกติ สนุกสนาน สนุกแปปเดียว เราอ่ะ "หลับ"   เพราะง่วงยาแก้เมารถด้วยล่ะ 55555 ช่วงที่เรางีบหลับบนรถเราก็ฝัน
ฝันเห็นแฟนตัวเองในชุดทหารภาคสนามเลย แต่ทำหน้าโหดๆแล้วพูดขึ้นเสียงใส่ ว่า "ตะกรุดหนังเสือเนี่ย ห้ามถอดออกเด็ดขาดนะ เข้าใจไหม ต้องพกติดตัวตลอดเวลา ห้ามถอดออกเด็ดขาด!!" แล้วก็ได้ยินเสียงเสือคำรามทีนึงแล้วเราก็สะดุ้งตื่น เรารีบจับตะกรุดทันที แล้วก็รู้ว่ามันยังอยู่ สร้อยมันก็สร้อยแบบลูกปลาที่พวกทหารเอาไว้ห้อยป้ายชื่อ มันไม่ขาดอยู่แล้วล่ะ แต่ใจเราหลังจากสะดุ้งตื่น มันเต้นรัวๆ ตุ๊บๆๆๆ
เราได้บอกกับตัวเองในใจว่า เออใจเย็นๆ คงเป็นฝันเตือนเฉยๆนี้แหละ
แล้วก็เลี้ยวขึ้นดอยจ้าาา คลืนเคลงบันเลง เพื่อนเมารถ 5555555555555555 ผ่านโค้งอันตราย ขึ้นดอยสุดๆ เส้นที่รถต้องลงก็ลงแบบฟิ้วววว ใครไม่กินยาแก้เมารถแล้วเจอแบบนี้แล้วไม่เมานี้ ถือว่าสุดยอดมาก 5555
มันเป็นอะไรที่คนไท่เมารถสนุกนะ แต่คนเมานี้คงขำไม่ออก ถือถุงรอจะอาเจียนอย่างเดียว

และแล้วก็ถึง ไร่สวนผลไม้แห่งหนึ่ง (ยังๆ ยังไม่ถึงอุทยาน แวะดูงานไร่งานสวนก่อน)
มันเป็นสวนที่กว้างมากกกกก ชมแบบโคตรฟิน ถ้าพระอาทิตย์ไม่แสดงอิทธิฤทธิ์ความร้อนแรงขนาดนี้ คงจะฟินกว่านี้ ระหว่างที่อยู่ไร่สวนก็ดูวิว ภูเขา ดูเส้นทางที่ตัวเองผ่านมาอย่างเมามันส์ ถ่ายรูป อัพลงรูปตามประสาวัยรุ่น สนุกสนานได้เปิดหูเปิดตา เพราะน้อยครั้งที่พวกเราสมัยนี้จะเที่ยวที่ธรรมชาติ ส่วนตัวเรานะถ้าไม่ภาคสนามเอก คงไม่ได้ขนาดนี้
แต่ดูไร่สวนได้ไม่นาน ก็ต้องเดินทางต่อ เพื่อไปให้ถึงอุทยานโดยเร็วก่อนจะหิวข้าวตอนเที่ยง
ระหว่างหลังจากนี้ก็เรียบๆ มีเนินสูงและโค้งอันตรายนิดหน่อย แล้วมันก็เลยเวลาจนได้ หิวมาก หิวขนาดเลยเจ้า
มาถึงที่อุทยานก็เกือบจะบ่ายโมง รีบจัดการเรื่องเต๊นท์ที่นอน และ รีบหาร้านข้าวเลยจ้าาาา หิวจนไส้จะขาด ตอนกินข้าวนี้กินแบบนี้ 5 นาทีหมดจาน(ขนาดเรากินข้าวช้านะเนี่ย หิวจัด ตอนเช้าเราคงกินข้าวน้อยเกินไป)
ตอนบ่ายก็ไม่มีอะไร จัดการเรื่องข้าวของ ทำเรื่องดูงาน ศึกษาพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ทั้งพืชพันธ์ไม่ ดิน สภาพป่าในอุทยาน ความแตกต่างของแต่ละพื้นที่ของป่าในอุทยาน ทำไมพื้นที่ตรงนั้นถึงต่างจากตรงนี้ เพราะมีปัจจัยอะไร ประมาณนี้ แต่ขอไม่บอกเรื่องพื้นที่เรื่องที่ทำการสำรวจมานะ เดี๋ยวคนอ่านจะรู้ว่ามันคือที่ไหน อมยิ้ม17อมยิ้ม17

จนเรื่องราวจริงๆ มันน่าจะเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ตอนเย็นหลังพระอาทิตย์ตก
ตอนนั้นทุกคนในเอกเพิ่งทานข้าวเย็นที่ทำกันเองเสร็จไป เราก็อยู่กับเพื่อนและรุ่นพี่อีกคน ล้างหม้อ ล้างถ้วยชาม ตอนนั้นเราก็ไม่แน่ใจว่ามันกี่โมง เพราะเราไม่ได้พกนาฬิกามา ไอแพดและโทรศัพท์ก็อยู่ในเต๊นท์ รู้แค่ว่าพระอาทิตย์ตกไปแล้ว แล้วก็ค่อยๆมืด ตอนนั้นอยู่ๆลมก็พัดอย่างแรง มันลมอุ่นพัดมาอย่างไม่หยุดเลย รุ่นพี่ก็ถามพวกเราเนาะว่า ลมอุ่นที่พัดมานี้มันเกิดจากอะไร คุยแบบวิชาการ เพราะจุดประสงค์คือภาคสนามดูงาน ไม่ใช่แค่เที่ยวชมธรรมชาติ อมยิ้ม15อมยิ้ม15อมยิ้ม15  แล้วอยู่ๆ ลมที่เยือกเย็น มันก็พัดมาฟิ้วววว แล้วหายไปเลย เรารู้สึกขนลุกและเกร็งแปลกๆ เราพยายามคิดแค่ว่า เออ เราคงยังไม่ชิน แล้วมันต่างถิ่น เลยรู้สึกแปลกๆ
เราหันไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ (แทนชื่อว่า บ นะคะ) "เห้ย บ รู้สึกหวิวๆแปลกๆว่ะ" มันก็ตอบแบบภาษาเหนือ "หวิวย้อนลมปั๊ดเนี่ยก่ะ หวิ๊ววววว หวิ้นนน" "โค๊ะ บ่าวอกนี้กวนตี๋น" เราก็ตอบแบบภาษาเหนือไป เพราะมันกวนทีนจริงๆ อารมณ์แบบ... เหมือนหันไปบอกผิดคน


ปล. ไปธุระแปป เดียวมากดแก้ไขพิมเล่าต่อ ขออภัยที่เกิดเหตุขัดข้องนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่