ภาษาน่าจะเขียนผิดมั่งก็โทษด้วยผมเรียนภาษาไทยไม่เก่งแล้วไม่ค่อยพยามจะเก่ง
ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าอาการมันเริ่มเมื่อไร อาจจะเห็นช่วงเวลาที่ผมทำงานโรงงานเกี่ยวกับการผลิตอะไหล่รถยนต์ ผมเริ่มคิดว่าตัวตนกำลังเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที ความคิดมีอำนาจมากกว่าความจริงเสมอความคิดทำให้ผมท้อแท้และยิงทนทำมันต่อไปก็ยิ่งรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ งานทำมันห่วยผมรู้ทันที่ได้เริ่มงานวันแรกการเข้ากับเพื่อนก็ไม่ได้ยากเย็น ผมมีเพื่อนที่ดูสนิทอยู่หลายคน แค่ดูสนิทนะไม่รู้ซิว่าพวกนั้นคิดอย่างไง ก็ทำอยู่ด้วยกันซักหนึ่งเดือนได้มั่งไม่แน่ใจเพราะก็ผ่านมานานมากแล้ว ผมโดนย้ายแผนกไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดีไม่ใช่เพราะผมขีเกรียด แต่เป็นเพราะหัวหน้าเขาอยากให้ผมที่ในแผนกที่สบายกว่าก็เลยให้ผมย้ายไป มันแย่นะคิดว่าผมอุสาห์มีเพื่อนแหละพวกเขาดูชอบเล่นกีฬานั้นก้เป็นเรื่องดีพวกนั้นชอบชวนผมไปด้วยเล่นบอลหลังเลิกงานประมาณนี้แต่มันดูไม่สนุกกับผมเลย นั้นก็เป็นความคิดที่แย่สำหรับผมไม่รู้ด้วยซ้ำเกิดขึ้นได้ไง เล่าต่อพอผมไปอยู่แผนกใหม่มีผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย คุณคิดดูซิว่าแย่แค่ไหนมันแย่สุดๆที่ให้ชายโสดไม่เคยมี sex กับผู้หญิงต้องทนอยู่แบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนเป็นเมล็ดข้าวสารที่กำลังถูกหม้ออุ่นให้สุกตลอด ให้ตายก็พวกเธออายุ ตั้งแต่ 19-35 แล้วแต่ละคนก็สวยสุดๆ ผมแปลกใจว่าความสวยชั่งหน้าเสียดายทำใมผู้หญิงพวกนี้ต้องมายืนทำงาน วันละ 8 ชม.ให้ต้นขาของพวกเธอต้องทรมาณหลายคนหน้าจะมีความสามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้ บางคนก็เรียนจบโครตสูง ผมรู้ได้ไงคุรอาจสงสัย ง่ายๆเลยก็ผมถามเยอะเจาะลึกบางทีผมก็คิดว่ามันดูไม่เหมาะ แต่ก็น่ะ เวลาชนะเสมอ สุดท้ายผมก็มีเพื่อนสนิทอยู่ดี คนแรกอายุ30 หนึ่งคนเธออ้วนผิวดำมีลูกหลายคนและที่สำคัญเธอเกลียดงานนี้ คนที่สองก็ น่าจะ 25 ได้เธออายที่จะบอกตัวเลขจริงกับผม ไม่รู้ว่าจะสนทำไม ยังไงเธอก้สวยคมในแบบคนผิวแทนอยู่ดี เธอมีลูกแล้ว ผมถามเธอว่าจะทำงานที่นี้จนถึงอายุเท่าไรแต่ก็น่าเศร้าที่ไม่ได้คำตอบ แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือเธอไม่ได้ชอบงานที่นี้เลย Facepalmถ้าใครอ่านมาถึงตรงคุณคงสงสัยแล้ว ก็นั้นแหละไม่มีไรมากผมอยากเล่าแบบละเอียดแล้วคนสุดท้ายอายุ 25 มั้งคนนี้ก็ไม่พูดความจริงแต่เธอก็สวยน่ะผมอะไรเกี่ยวกับแม่สาวคนนี้ไม่มากแต่เธอกำลังจะแต่งาน เป็นเรื่องที่น่ายินดี คงหมดแล้ว และสาวๆพวกนี้ก็สามารถคุยได้แบบว่าทุกเรื่อง ยำว่าทุกเรื่องจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนความคิดในหัวผม เวลาชีวิตผมยังถูกดูดกลืนโดยเครื่องจักรเป็นหมื่นในโรงงาน ผมไม่ได้บอกว่างานที่นี้ไม่สำคัญต่อโลกนะเพราะถ้าไม่มีโรงงานแหล่งนี้ รถยนต์หลายยี่ห้อคงวิ่งไม่ได้แม้ว่าจะมีน้ำมันเต็มถังก็เถอะ
ผมทำงานอยู่กับสาวๆอยู่ประมาณ 4-5 เดือน ผมหมดแรงกับการทำงานแล้วผมไร้พลังที่คอยสั่งให้ผมสู้ต่อ คุณอาจคิดว่าสาเหตุเพราะผมไม่มีแฟนรึป่าวต้อนแรกๆ ผมก็คิดนะ บ้างที่ถ้ามีใครซักคนอยู่ด้วยผมอาจไม่ออกจากงานที่เข้ายากในระดับวุฒ ปวช. แต่เชื่อเถอะปัญหามันได้อยู่ตรงที่ผมโสดหรอก ผมชินกับความโสดนานแล้วมันกัดกินเศษสมองไปนิดหน่อย อมยิ้ม17 เดี๋ยวผมขอเล่าย้อนกับไปนิดหน่อยเรื่องผู้หญิง เราต่างก็รู้กันดีว่าเรื่องหญิงๆไม่ใช่เรื่องใหญ่ของบางคน {คุณอาจคิดว่าผมเป็นเกร์หรือตุดอะไรแบบนั้น คุณคิดผิดบอกเลย เพราะผมชอบผู้หญิง} คงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายเพราะต้องโสดใช่ไหมรึว่ามีไม่รู้สิแต่ผมคิดว่ามันอาจเป็นไปได้
แต่ตอนเรียนผมก็เคยมีแฟน ส่วนเพื่อนสมัยเรียนทุกคนมีแฟนและมี SEX เว้นผมไม่เคยแค่เกือบมี ผมจำวันได้ไม่ละเอียดนัก ตอนผมเรียนปี 1 โทรศัพท์ในกระเป๋าผมดัง เธอบอกให้ไปรับหน้าวิลัยหน่อย {คุณก็คงเดาไม่ยากว่าผมต้องไปแน่} ผมโดดเรียนมารับสาวสวยไปหอของผม เราขึ้นไปอยู่ในห้อง มองตากันเปิดเพลงเบามันแบบว่ารู้สึกดีสุดๆ เธอสวยเลยแหละผมขอบอก ตัวเธอขาวเหมือนก้อนสบู่ ผมคิดว่าเวลานั้นยังไงก็ต้องมีSEX ดูสีหน้าเธอ ผมคิดว่าเธอก็ดูต้องการและเต็มใจน่ะ ผมเริ่มกอดลูบคลำเธอ เธอขัดขืนนิดหน่อยให้ผมเห็นว่าไม่ยอมง่ายๆ {ไม่รู้ว่าสาวทุกคนทำแบบเดียวกันไหม} แต่ผมรู้ว่าเธอต้องการเพราะเธอตัวอ่อนเป็นนุ่นในหมอนข้างเลยทีเดียว ระหว่างที่ผมกำลังจะจูบเธอสมองผมเริ่มสับสน อยู่ดีๆผมก็หยุดทำกิจกรรมเอาซะงั่น ในหัวผมกำลังว่าเธอรักผมจริงๆหรอหรือว่าผมรักเธอรึป่าวหรือผมก้แค่อยากมี sex มันลืมๆไปคงบอกไม่ได้จากนั้นในห้องก็ตึงเครียดเรานอนข้างๆกันแทบไม่พูดกันหลาย ชม. จนเย็นผมไปส่งเธอที่รถรับส่งไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการร์แบบผมแน่ ไม่นานจากนั้นเราก็หยุดคุยกันเธอก็มี sex กับเพื่อนผม แต่ผมไม่สนหรอกเพราะดูเธอก็มีความสุขดี และนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ดี แล้วเพื่อนทุกคนรู้ทำไม่พวกนั้นรู้ก็น่ะ ผมค้อนข้างจริงใจ ผมบอกพวกเขาว่า ผมซิง เพื่อนๆก็ไม่ว่าไงนะเวลาบอกทุกอย่างเหมือนเดิม เรื่องนี้ดูไม่ค่อยเกี่ยวมาก
เล่าที่ทำงานต่อละกัน ผมหาข้ออ้างในการลาออก แม้แต่การลาออกยังเป็นเรื่องยาก ผมต้องให้หัวหน้าระดับสูงๆคนที่รับผมเข้าทำงาน เซ็นชือและสอบถามเหตุผมว่าทำไมถึงออกคนพวกนี้จะสนทำไมในเมื่อผมก้ออกอยู่ดี หรือพวกเขาอาจกำลังเก็บข้อมูลอยู่ก็ได้มั่งนั้นอาจเป็นไปได้ แล้วผมก็ลาออกโดยโกหกว่าได้งานใหม่ที่บ้านเกิด แต่จริงพวกคุณก็รู้ว่าผมทนอยู่ที่นี่ไม่ได้มันอาจทำให้หัวผมระเบิดได้ง่าย เดี๋ยวผมเล่าต่อแล้วกันผมเคยได้ยินมาว่าคนไทยอ่านน้อย มันใช่เรื่องจริงป่าวก็ไม่รู้ ใช้แต่ผมคิดว่าที่ผมเขียนมันน่าจะยาวนิดหน่อย
ผมป่วย 2 แบบ
ผมจำไม่ได้แน่ชัดว่าอาการมันเริ่มเมื่อไร อาจจะเห็นช่วงเวลาที่ผมทำงานโรงงานเกี่ยวกับการผลิตอะไหล่รถยนต์ ผมเริ่มคิดว่าตัวตนกำลังเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกที ความคิดมีอำนาจมากกว่าความจริงเสมอความคิดทำให้ผมท้อแท้และยิงทนทำมันต่อไปก็ยิ่งรู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ งานทำมันห่วยผมรู้ทันที่ได้เริ่มงานวันแรกการเข้ากับเพื่อนก็ไม่ได้ยากเย็น ผมมีเพื่อนที่ดูสนิทอยู่หลายคน แค่ดูสนิทนะไม่รู้ซิว่าพวกนั้นคิดอย่างไง ก็ทำอยู่ด้วยกันซักหนึ่งเดือนได้มั่งไม่แน่ใจเพราะก็ผ่านมานานมากแล้ว ผมโดนย้ายแผนกไม่ใช่เพราะทำงานไม่ดีไม่ใช่เพราะผมขีเกรียด แต่เป็นเพราะหัวหน้าเขาอยากให้ผมที่ในแผนกที่สบายกว่าก็เลยให้ผมย้ายไป มันแย่นะคิดว่าผมอุสาห์มีเพื่อนแหละพวกเขาดูชอบเล่นกีฬานั้นก้เป็นเรื่องดีพวกนั้นชอบชวนผมไปด้วยเล่นบอลหลังเลิกงานประมาณนี้แต่มันดูไม่สนุกกับผมเลย นั้นก็เป็นความคิดที่แย่สำหรับผมไม่รู้ด้วยซ้ำเกิดขึ้นได้ไง เล่าต่อพอผมไปอยู่แผนกใหม่มีผมคนเดียวที่เป็นผู้ชาย คุณคิดดูซิว่าแย่แค่ไหนมันแย่สุดๆที่ให้ชายโสดไม่เคยมี sex กับผู้หญิงต้องทนอยู่แบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนเป็นเมล็ดข้าวสารที่กำลังถูกหม้ออุ่นให้สุกตลอด ให้ตายก็พวกเธออายุ ตั้งแต่ 19-35 แล้วแต่ละคนก็สวยสุดๆ ผมแปลกใจว่าความสวยชั่งหน้าเสียดายทำใมผู้หญิงพวกนี้ต้องมายืนทำงาน วันละ 8 ชม.ให้ต้นขาของพวกเธอต้องทรมาณหลายคนหน้าจะมีความสามารถหางานที่ดีกว่านี้ได้ บางคนก็เรียนจบโครตสูง ผมรู้ได้ไงคุรอาจสงสัย ง่ายๆเลยก็ผมถามเยอะเจาะลึกบางทีผมก็คิดว่ามันดูไม่เหมาะ แต่ก็น่ะ เวลาชนะเสมอ สุดท้ายผมก็มีเพื่อนสนิทอยู่ดี คนแรกอายุ30 หนึ่งคนเธออ้วนผิวดำมีลูกหลายคนและที่สำคัญเธอเกลียดงานนี้ คนที่สองก็ น่าจะ 25 ได้เธออายที่จะบอกตัวเลขจริงกับผม ไม่รู้ว่าจะสนทำไม ยังไงเธอก้สวยคมในแบบคนผิวแทนอยู่ดี เธอมีลูกแล้ว ผมถามเธอว่าจะทำงานที่นี้จนถึงอายุเท่าไรแต่ก็น่าเศร้าที่ไม่ได้คำตอบ แต่ที่ผมรู้แน่ๆก็คือเธอไม่ได้ชอบงานที่นี้เลย Facepalmถ้าใครอ่านมาถึงตรงคุณคงสงสัยแล้ว ก็นั้นแหละไม่มีไรมากผมอยากเล่าแบบละเอียดแล้วคนสุดท้ายอายุ 25 มั้งคนนี้ก็ไม่พูดความจริงแต่เธอก็สวยน่ะผมอะไรเกี่ยวกับแม่สาวคนนี้ไม่มากแต่เธอกำลังจะแต่งาน เป็นเรื่องที่น่ายินดี คงหมดแล้ว และสาวๆพวกนี้ก็สามารถคุยได้แบบว่าทุกเรื่อง ยำว่าทุกเรื่องจริงๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนความคิดในหัวผม เวลาชีวิตผมยังถูกดูดกลืนโดยเครื่องจักรเป็นหมื่นในโรงงาน ผมไม่ได้บอกว่างานที่นี้ไม่สำคัญต่อโลกนะเพราะถ้าไม่มีโรงงานแหล่งนี้ รถยนต์หลายยี่ห้อคงวิ่งไม่ได้แม้ว่าจะมีน้ำมันเต็มถังก็เถอะ
ผมทำงานอยู่กับสาวๆอยู่ประมาณ 4-5 เดือน ผมหมดแรงกับการทำงานแล้วผมไร้พลังที่คอยสั่งให้ผมสู้ต่อ คุณอาจคิดว่าสาเหตุเพราะผมไม่มีแฟนรึป่าวต้อนแรกๆ ผมก็คิดนะ บ้างที่ถ้ามีใครซักคนอยู่ด้วยผมอาจไม่ออกจากงานที่เข้ายากในระดับวุฒ ปวช. แต่เชื่อเถอะปัญหามันได้อยู่ตรงที่ผมโสดหรอก ผมชินกับความโสดนานแล้วมันกัดกินเศษสมองไปนิดหน่อย อมยิ้ม17 เดี๋ยวผมขอเล่าย้อนกับไปนิดหน่อยเรื่องผู้หญิง เราต่างก็รู้กันดีว่าเรื่องหญิงๆไม่ใช่เรื่องใหญ่ของบางคน {คุณอาจคิดว่าผมเป็นเกร์หรือตุดอะไรแบบนั้น คุณคิดผิดบอกเลย เพราะผมชอบผู้หญิง} คงไม่มีใครคิดฆ่าตัวตายเพราะต้องโสดใช่ไหมรึว่ามีไม่รู้สิแต่ผมคิดว่ามันอาจเป็นไปได้
แต่ตอนเรียนผมก็เคยมีแฟน ส่วนเพื่อนสมัยเรียนทุกคนมีแฟนและมี SEX เว้นผมไม่เคยแค่เกือบมี ผมจำวันได้ไม่ละเอียดนัก ตอนผมเรียนปี 1 โทรศัพท์ในกระเป๋าผมดัง เธอบอกให้ไปรับหน้าวิลัยหน่อย {คุณก็คงเดาไม่ยากว่าผมต้องไปแน่} ผมโดดเรียนมารับสาวสวยไปหอของผม เราขึ้นไปอยู่ในห้อง มองตากันเปิดเพลงเบามันแบบว่ารู้สึกดีสุดๆ เธอสวยเลยแหละผมขอบอก ตัวเธอขาวเหมือนก้อนสบู่ ผมคิดว่าเวลานั้นยังไงก็ต้องมีSEX ดูสีหน้าเธอ ผมคิดว่าเธอก็ดูต้องการและเต็มใจน่ะ ผมเริ่มกอดลูบคลำเธอ เธอขัดขืนนิดหน่อยให้ผมเห็นว่าไม่ยอมง่ายๆ {ไม่รู้ว่าสาวทุกคนทำแบบเดียวกันไหม} แต่ผมรู้ว่าเธอต้องการเพราะเธอตัวอ่อนเป็นนุ่นในหมอนข้างเลยทีเดียว ระหว่างที่ผมกำลังจะจูบเธอสมองผมเริ่มสับสน อยู่ดีๆผมก็หยุดทำกิจกรรมเอาซะงั่น ในหัวผมกำลังว่าเธอรักผมจริงๆหรอหรือว่าผมรักเธอรึป่าวหรือผมก้แค่อยากมี sex มันลืมๆไปคงบอกไม่ได้จากนั้นในห้องก็ตึงเครียดเรานอนข้างๆกันแทบไม่พูดกันหลาย ชม. จนเย็นผมไปส่งเธอที่รถรับส่งไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการร์แบบผมแน่ ไม่นานจากนั้นเราก็หยุดคุยกันเธอก็มี sex กับเพื่อนผม แต่ผมไม่สนหรอกเพราะดูเธอก็มีความสุขดี และนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ดี แล้วเพื่อนทุกคนรู้ทำไม่พวกนั้นรู้ก็น่ะ ผมค้อนข้างจริงใจ ผมบอกพวกเขาว่า ผมซิง เพื่อนๆก็ไม่ว่าไงนะเวลาบอกทุกอย่างเหมือนเดิม เรื่องนี้ดูไม่ค่อยเกี่ยวมาก
เล่าที่ทำงานต่อละกัน ผมหาข้ออ้างในการลาออก แม้แต่การลาออกยังเป็นเรื่องยาก ผมต้องให้หัวหน้าระดับสูงๆคนที่รับผมเข้าทำงาน เซ็นชือและสอบถามเหตุผมว่าทำไมถึงออกคนพวกนี้จะสนทำไมในเมื่อผมก้ออกอยู่ดี หรือพวกเขาอาจกำลังเก็บข้อมูลอยู่ก็ได้มั่งนั้นอาจเป็นไปได้ แล้วผมก็ลาออกโดยโกหกว่าได้งานใหม่ที่บ้านเกิด แต่จริงพวกคุณก็รู้ว่าผมทนอยู่ที่นี่ไม่ได้มันอาจทำให้หัวผมระเบิดได้ง่าย เดี๋ยวผมเล่าต่อแล้วกันผมเคยได้ยินมาว่าคนไทยอ่านน้อย มันใช่เรื่องจริงป่าวก็ไม่รู้ ใช้แต่ผมคิดว่าที่ผมเขียนมันน่าจะยาวนิดหน่อย