จะต้องยกเลิกแต่งงาน เพราะแฟนไร้ศาสนา

สวัสดีค่ะ เราอายุ 30+ แล้ว แฟนเราก็มีหน้าที่การงานมั่นคง พื้นฐานครอบครัวเขาดี

มีแพลนแต่งงานกันต้นปีหน้าค่ะ ไปจองแพกเกตโปรโมชั่นแต่งงานกันไว้ โดยที่บ้านเราไม่มีการเรียกสินสอด (แต่มีของไหว้ให้พ่อแม่เล็กๆน้อยๆหลังงานค่ะ) ทางแฟนเลยจะขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานแต่งให้ งานไม่ใหญ่โตหรูหรามากมาย แต่สมเกียรติพ่อแม่เราค่ะ โดยที่ให้เราจัดการเลยค่ะ

เหมือนจะไปได้สวยใช่ไหมคะ

แต่ปัญหาคือ แฟนเราเป็นคน"ไม่นับถือศาสนา"ค่ะ

หลังจากเค้าได้ดูกำหนดการของงานคร่าวๆ ในส่วน ที่มีพิธีสงฆ์ เค้าขอยกเลิกหมดเลย ขอเปลี่ยนเป็นไหว้พ่อแม่แทน กับพระข้ามหมด ค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ (ค่าโต๊ะเลี้ยงพระ ค่าซองถวายพระ) เค้าบอกเค้าไม่จ่าย ด่าพระรุนแรงถึงขั้นมา-ฟรี ตังก็จะเอา เหมือนมารับจ้อบงานพิเศษ (แรงกว่านี้มาก)ทะเลาะกันรุนแรงมาก จากที่เค้าเป็นคนใจเย็นมากๆๆๆมีตรกกะทุกๆเรื่อง แต่เค้าขึ้นเสียงรุนแรง เสียงแข็งมาก เป็นคนละคนที่เราไม่เคยเป็นมาก่อนเลย

เราเลยตัดปัญหาขอจ่ายส่วนนั้นเอง แต่แฟนบอกว่าเอาตังค์ส่วนนั้นไปร่วมกันทำบุญให้เด็กยากไร้พร้อมกับครอบครัวทั้งสองบ้านดีกว่าไหม เราเลยขอต่อรองเค้า ให้ทำเพื่อพ่อแม่เรา ขอเอาแต่พิธีที่จำเป็น อย่างน้อยขอมีสวดตอนเช้า แล้วค่าใช้จ่ายเราจัดการเอง จนแฟนยอม

แต่ปัญหามันยังไม่จบค่ะ หลังจากเราคุยกับออแกไนจัดงานแล้ว เค้าส่งรายละเอียดพิธีการทั้งหมดแบบละเอียดมาให้ แฟนขีดฆ่าไปซะแทบหมดค่ะ ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ตักบาตรเช้า ถวายอาหารเที่ยง เหลือแต่พิธีสวดเช้าค่ะ ที่เหลือเปลี่ยนเป็นไหว้ญาติๆ กับนัดตัวแทนองค์กรการกุศลต่างๆมาให้เราร่วมทำบุญค่ะ
ทีนี้พ่อแม่ฝ่ายเราก็ไม่ยอมสิคะ ส่วนนี้เราผิดเองที่ไม่คุยกับพ่อแม่ก่อนว่าจะตัดพิธีพระออก เพราะเดิมทีส่วนตัวเราไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลยจากการที่เค้าไม่มีความเชื่อ ไปเที่ยวกันผ่านเจ้าที่ดังๆเราอยากไหว้ เค้าก็จอดให้เราลงไป เค้าก็ไปถ่ายรูปเล่น วัดเค้าก็พาเราไป เค้าก็ไม่แสดงอาการต่อต้านอะไรเหมือนเพจดัง เพียงแค่ไม่ไหว้ คือเราเข้าใจเค้านะ เค้าบอกเค้าจะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ให้ใครเดือดร้อน และเคารพพื้นฐานความเชื่อคนอื่น เราจึงไม่ได้คุยกับพ่อแม่เรา
พอพ่อแม่เราทราบ ที่บ้านเราไม่ยอมท่าเดียวเลยค่ะ

พ่อแม่เราคนเข้าวัดปฎิบัติธรรมมาตลอด ที่บ้านบอกเลยไม่ได้ ต้องครบถ้วน ชีวิตคู่จะได้เป็นมงคล
พอเราไปคุยกับแฟน (คิดอยู่นานเลยกว่าจะกล้าบอก) กลายเป็นว่าเราผิดคำพูดกับเค้า ทะเลาะกันอีกแล้วค่ะ หนักมากๆ หนักกว่าเดิมอีก แถมยังประชดหนักด้วยค่ะ ไปตามหาไม่อยู่ที่บ้าน ส่งรูปปืนมาแล้วบอกว่าไม่รู้ว่าสมองตายไป พระหรือสภากาชาติจะให้ประโยชน์มากกว่ากัน
ยังมี ทั้งรูปขับรถเร็วมากๆ  รูปยืนบนขอบตึกทั้งที่เค้ากลัวความสูง แล้วส่งประโยคเดิมๆมา

จนเราต้องยอมใจเย็นค่ะกลัวเกิดอะไรขึ้นกับเค้า
คุยกันดีๆ ลองขอเค้าใหม่ ขอให้เค้าทำเพื่อพ่อแม่เรา แฟนยังไม่เย็นลงเลยค่ะ เพราะผิดกับที่ตกลงไว้แต่แรกมาก ประชดขนาดว่าเค้าจะไปเข้าอิสลามแล้วจัดแบบอิสลาม พ่อแม่เราที่ไม่เชื่ออิสลามจะได้เข้าใจต้องมาฝืนใจความเชื่อ มันรู้สึกยังไง พ่อแม่เราจะโอเคไหม  หรือบอกนิมนต์วัดจารบินมาไหม พ่อแม่เราจะไหว้สนิทใจไหม เรื่องความรู้สึกคนมันฝืนลำบาก ไหนว่าศาสนาความเชื่อไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไง

เราหน้าชาเลยค่ะโกรธมาก แฟนเราเคารพพ่อแม่เรามากๆๆๆมาตลอดไม่คิดว่าเค้าจะพูดขนาดนี้ แต่ก็รู้ว่าเราผิดค่ะ ผิดที่ผิดคำพูดกับเค้าแบบนี้ แต่ก็รู้ว่าถ้าบ้านเราต้องไหว้วัดจานบินบ้านเราก็ไม่มีความสุข

จนเค้าตัดพ้อมาว่า"งั้นจะทำอะไรก็ทำเลยนะ เอาที่สบายใจกันให้หมด ความรู้สึกเค้าช่างมัน"
เรายิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่ เค้าพูดมานิ่งๆ เสียงลอยๆเสียงไร้ความรู้สึก

ตอนนี้ค่างานก็จ่ายไปบางส่วนแล้ว สัญญางานเรายังไม่กล้าเซ็นท์เลย

หรือจะจัดงานให้พ่อแม่เราสบายใจ แต่พอจบงานความรู้สึกแฟนเราคงแย่แน่ๆ แฟนคงไม่ชอบพ่อแม่เราแน่ๆ
เราคนกลางเครียดมากๆ เหนื่อยใจจนท้อ จะคุยกับฝ่ายไหนก็ไม่ได้ เครียดจนไม่รู้ว่าจะได้แต่งไหม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 17
คนที่ผิดน้อยที่สุดคือ แฟน จขกท
เขายอมแล้วบางส่วน แต่ ยังโดนรุกไล่

คนที่ผิดมากที่สุดคือ จขกท ผิดคำพูด ไม่รักษาสัจจะ ตลบแตลง ไม่คิดถึงจิตใจอีกฝ่าย
ที่ผิด รองลงมา คือ พ่อแม่จขกท  ไร้เหตุผล งมงาย เอาศาสนาตัวเองเป็นใหญ่

"ต้องครบถ้วน ชีวิตคู่จะได้เป็นมงคล"
- แล้วคนศาสนาอื่น หรือไม่มีศาสนา เขาหย่าร้างกัน ไม่มีความสุขเลยงั้นเหรอ คิดโง่ๆ เลยพูดโง่ๆ

สำหรับเรา ความเชื่อใครก็ของคนนั้น แต่ถ้าเอามาระรานกันแบบนี้ น่ารังเกียจ เลวทราม
ความคิดเห็นที่ 49
แฟนคุณทำตัวน่าหมั่นไส้ค่ะ

ดิฉันกับสามีนับถือคนละศาสนา พูดกันคนละภาษา

แต่กำหนดพิธีการแต่งงานของเราคือทำทุกสิ่งทุกอย่างของทุกศาสนาของทุกฝ่าย

ใครเรียกร้องอะไรมาจัดให้หมด เพราะมันคือ "พิธี" ทำไปให้เป็นพิธีค่ะ

ดิฉันต้องไปเข้าอบรมหลักสูตรการแต่งงานในโบสถ์คาทอลิกอยู่ถึงสามเดือน

เพื่อให้ได้รับอนุญาตเข้าแต่งงานในโบสถ์ได้ (ถ้าไม่ไปอบรมก็จะแต่งในโบสถ์ไม่ได้เพราะเราเป็นคนนอกศาสนาเค้า)

ส่วนสามีและครอบครัวของฝ่ายสามีก็อึ้งๆที่ต้องตื่นตีสี่ตีห้ามาแต่งตัวแล้วมานั่งฟังพระสวดตอนหกโมงเช้าที่บ้านของเรา

แต่เค้าก็มากันครบ  มานั่งพับเพียบหลังขดหลังแข็งฟังพระสวดด้วยหน้าตายิ้มแย้มทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก

แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าสำหรับผู้ที่ไม่ปิดกั้นตัวเอง ทำให้ได้มีประสบการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้น

ขนาดเรื่องฤกษ์ยามที่ดิฉันไม่ศรัทธาก็ยังจัดให้พอเป็นพิธีคือพิมพ์ที่การ์ดว่าเริ่มงานฉลองเวลา 18:57 น.

(แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เริ่มเวลานั้น)...เรื่องธรรมเนียมอะไรของใครศาสนาไหนนี่คือ บอกตรงๆว่า

ถ้าแฟนของคุณใจกว้างจริงๆ มีความอินเตอร์ ไม่คับแคบไม่ปิดกั้น

ต่อให้เป็นศาสนาหรือธรรมเนียมจากแกแล็คซี่อื่นเค้าก็สามารถเปิดรับได้

แต่เอาเข้าจริงแฟนคุณเป็นคนคับแคบที่ต้องการแสดงอัตลักษณ์เว่อร์ๆเหมือนเด็กม.ต้นที่ยังหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ

พยายามยึดติดการเป็นคน "ไม่มีศาสนา"แบบเว่อร์ๆ สุดโต่ง ตกขอบ

คนเราสามารถทำบุญบริจาคการกุศลให้นู่นนี่พร้อมๆกับปฏิบัติตามจารีตประเพณีไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีกรรมที่ต้องทำแค่ครั้งเดียวอย่างพิธีแต่งงานเนี่ย...

คนนับถือคริสต์เกือบสิบชีวิตสามารถละ "อีโก้"มานั่งพนมมือฟังพระทางพุทธสวดในงานแต่งงานของลูกหลานเค้าได้

แต่แฟนคุณไม่สามารถ "ละวาง"ได้ ถือนักถือหนาเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นมันชัดเจนว่าวุฒิภาวะเค้าบกพร่องนะ
ความคิดเห็นที่ 14
ถ้าผมเป็นคุณผมคงยกเลิกการแต่งงาจและจะไม่แต่งงาจกับเขาครับ

ไม่ใช่ว่าเพราะเขาไม่นับถือศาสนานะครับ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีความเข้าใจคนอื่น ไม่มีภาวะผู้นำ เอาแต่ใจตัวเอง และการกระทำที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต คนแบบนี้อย่าเอามาทำเป็นพ่อของลูกเลยครับ สงสารคุณและเด็ก
ความคิดเห็นที่ 44
เอาตรงๆคุณและพ่อแม่คุณผิดนะ

1. เค้าเป็นคนไม่นับถือศาสนา
>> อันนี้เข้าใจได้ เหมือนๆกับที่คุณนับถือศาสนาพุทธ

2. เค้าไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผล เค้าไม่นับถือก็จริง แต่เค้าไม่เคยขัดคุณจะไปวัดเค้าก็พาไป คุณต้องการมีพิธีสงฆ์ เค้าก็ยอมคุณบางส่วน แล้วคุณก็มาเพิ่มจะเอานู่นเอานี่เองทีหลัง
>> ถูกของเค้า คุณกำลังผิดคำพูด ในขณะที่เค้ายอมรับการนับถือของคุณแล้ว แต่สำหรับเค้าคุณเหมือนได้คืบจะเอาศอก จะบอกว่าไม่มีใครเข้าใจเค้าหรือไม่ ก็ใช่ค่ะ เหมือนทุกคนคงเห็นว่าการที่เค้าไม่นับถืออะไร แปลว่าเค้าสามารถเข้าได้กับทุกศาสนา มันไม่ใช่นะ
สำหรับบางคนที่สตรอง จะให้ไปไหว้สิ่งที่เค้าแอนตี้ เค้าเองก็คงลำบากใจ ถ้าเจอคนซอฟๆก็ใครใช้ให้ทำไรก็ทำหมด ก็นับว่าโชคดี
ลองคิดกลับกันแทนที่จะคิดว่าเค้าไม่มีศาสนา ลองคิดว่าในความไม่เหมือนกับคุณคือกลายเป็นเค้านับถืออิสลาม
เค้าจะยอมมานั่งฟังพระสวดกับคุณมั้ย หรือคุณอยากจะไปแต่งฮิญาบทำพิธีอะไรข้างเค้าหรือไม่ พ่อแม่คุณโอเคหรือไม่

3. "พ่อแม่เราคนเข้าวัดปฎิบัติธรรมมาตลอด ที่บ้านบอกเลยไม่ได้ ต้องครบถ้วน ชีวิตคู่จะได้เป็นมงคล"
>> ถ้าถือว่าแฟนคุณมีอีโก้ พ่อแม่คุณเองก็มีอีโก้เช่นกัน ที่ต้องfix ว่าการแต่งงานต้องการอันนั้นอันนี้
ทั้งๆที่ถ้าพ่อแม่คุณนับถือศาสนาพุทธจริง ศาสดาเราไม่เคยสอนว่าการแต่งงานต้องมีพิธีสงฆ์ พระสวด ตักบาตร อะไรนี่เลย
คิดไปเองกันทั้งนั้น ตอนเรียนมา พระพุทธเจ้าพูดถึงการครองเรือนแค่หลักพรหมวิหาร4 ไม่เห็นพูดถึงพิธงพิธีไรเลย

สรุป เค้างี่เง่าเพราะคุณผิดคำพูด
ความคิดเห็นที่ 6
ที่เขาพูดเรื่องว่า จะเข้าอิสลาม เขาพูดถูกของเขาแล้วนะ จะได้รู้ว่า ความรู้สึกฝืนใจมันเป็นยังไง
คุณบอกว่า คุณรู้สึกโกรธ ใจเขาก็คงจะรู้สึกโกรธเช่นกันที่คุณผิดคำพูดกับเขา

คนเรา ถ้าใจไม่นับถือแล้ว ก็ไม่อาจจะฝืนใจตัวเองได้หรอก
ที่จริงงานแต่งงาน "มันเป็นงานแต่งงานของคุณกับสามีของคุณนะ" ไม่ใช่พ่อแม่คุณ
พ่อแม่คุณควรให้คุณกับสามีของคุณเป็นคนตัดสินใจ
ไม่ใช่งานแต่งงานของพ่อแม่คุณค่ะ

ป.ล. เราว่าที่ฝ่ายชายเขาประชด เพราะฝ่ายหญิงเขาไม่ยอมทำตามคำสัญญา ผิดคำพูด
ทำให้ฝ่ายชายเข้าใจไปว่า "ฝ่ายหญิงเองที่ไม่เข้าใจเขา ไม่มีใครเข้าใจเขา"
ก็เลยใช้วิธีประชดที่รุนแรงขนาดนั้น ถ้ามีคนรับฟังเขาสักนิด เขาคงไม่ใช้วิธีที่รุนแรง
พ่อแม่ฝ่ายหญิงควรจะผ่อนปรนให้ฝ่ายชายบ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่