[CR] รีวิว Sandisk Clip Sport Plus Bluetooth mp3 Music Player

กระทู้รีวิว
ในที่สุด Sandisk ก็ออกเครื่องเล่น mp3 ที่มี Bluetooth ออกมาเป็นที่เรียบร้อยจนได้ตามกระแสของโลกดิจิตอลในยุคไร้สาย นับว่าเป็นเครื่องเล่น mp3 ที่มี Bluetooth รุ่นแรกของ Sandisk เลยครับ โดยใช้ชื่อว่า Sandisk Clip Sport Plus ซึ่งเป็นการเอาเครื่องรุ่น Clip Sport มาเพิ่มฟังก์ชั่น Bluetooth เข้าไป พร้อมปรับแต่งหน้าตาเล็กน้อย และเติมคำว่า Plus ต่อท้าย



Clip Sport Plus รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้กันละอองน้ำได้ด้วย เหมาะสำหรับการนำติดตัวไปทำกิจกรรมแบบลุยๆ ได้ ตัวเครื่องมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีดำ โดยมีหน่วยความจำในตัว 16GB ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกได้ รูปร่างหน้าตา และฟังก์ชั่นหลักๆ เหมือนกับรุ่น Clip Sport เลย
(คลิกอ่านรีวิวของ Clip Sport ได้ที่นี่ https://pantip.com/topic/32169205)



สเปคคร่าวๆ
- ความจุในตัวเครื่อง 16GB
- หน้าจอสีขนาด 1.44" TFT 1.44" (128x128 pixels) สามารถโชว์ปกอัลบั้มได้
- รองรับไฟล์เพลงประเภท MP3, WMA (NO DRM), AAC, (DRM free iTunes) WAV, FLAC, Audible (DRM only)
- ฟังวิทยุ FM ได้ จุดทศนิยม 2 ตำแหน่ง เลื่อนได้ทีละ 0.05 (ละเอียดมาก)
- ปรับตั้งบันทึกสถานีวิทยุที่ชอบได้มากถึง 30 สถานี
- มีเมนูภาษาไทย และอ่านไทยได้ รวมทั้งภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และอื่นๆ อีกมากมาย
- มีนาฬิกาจับเวลาได้ละเอียดถึงเศษเสี้ยววินาที และสามารถตั้งเวลานับถอยหลังได้ด้วย
- ตั้งเวลาปิดเครื่องอัตโนมัติ
- กันละอองน้ำได้ (ควรเช็ดให้แห้งก่อนใช้งาน)
- ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 20 ชั่วโมง ตามสเปคที่ผู้ผลิตระบุไว้ แต่การใช้งานจริงอาจจะไม่ถึง ขึ้นอยู่กับ file เพลง และปัจจัยอื่นๆ




เรามาเริ่มแกะกล่องเจ้า Clip Sport Plus กันครับ ผมขอเลือกตัวเครื่องสีดำเป็นตัวที่จะมารีวิวนะครับ เมื่อแกะกล่องกระดาษออกมา ก็จะพบกล่องพลาสติกที่ใส่ตัวเครื่องไว้อีกชั้นนึง ภายในกล่องก็จะมี หูฟังแบบ in ear สาย Micro USB และคู่มือมาให้


ด้านหน้าของตัวเครื่อง ครึ่งบนจะเป็นหน้าจอขนาด 1.44 นิ้ว ส่วนครึ่งล่างจะเป็นแป้นควบคุมสี่ทิศทางและปุ่มเปิด-ปิดเครื่องจะอยู่ตรงกลางที่เป็นวงรียาวๆ นั่นแหละครับ


ด้านข้างขวาของตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟัง ถ้าจะใช้ต้องเปิดแผ่นยางที่ปิดช่องหูฟังออกมาก่อน


ด้านข้างซ้ายของตัวเครื่อง จะเป็นช่องเสียบสาย USB สำหรับซิงค์เพื่อลงเพลง และชาร์จไฟ โดยมีแผ่นยางปิดไว้ ถ้าจะใช้ก็ต้องแกะเปิดออกมาเหมือนกับช่องหูฟัง ผมฟันธงได้เลยว่า ถ้าใช้ไปนานๆ แผ่นยางที่ต้องแกะเปิด-ปิดบ่อยๆ นี้มันจะต้องหลุดแน่นอนครับ อันนี้จากประสบการณ์ที่เคยใช้เครื่องเล่น mp3 รุ่นเก่าที่มีลักษณะนี้มาแล้ว
ใกล้ๆ กันกับช่อง USB ก็จะเป็นปุ่มกดเร่ง-ลดเสียงครับ


ด้านบน และด้านล่างของตัวเครื่องจะเรียบๆ ไม่มีปุ่มกดใดๆ ครับ


ส่วนด้านหลังของตัวเครื่องจะเป็นคลิปหนีบ ซึ่งช่วยให้เราสามารถใช้คลิปหนีบติดกับเข็มขัด กระเป๋ากางเกง หรือที่กระเป๋าเสื้อติดตัวไปในขณะเดินทาง ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างสบาย


ขนาดของตัวเครื่อง Clip Sport Plus นั้นจะใหญ่กว่า Clip Sport อยู่เล็กน้อยไม่ว่าจะเป็นความกว้าง ยาว และหนา (ในรูป Clip Sport Plus อยู่ด้านซ้าย)



แต่ก็ยังคงมีขนาดที่พอเหมาะจับได้ถนัดมืออยู่เหมือนเดิมครับ


การเปิดเครื่อง ให้กดปุ่มตรงกลางค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ก็จะเห็นโลโก้ Sandisk แสดงที่หน้าจอ


ในการเปิดเครื่องเป็นครั้งแรก จะต้องตั้งค่าเครื่องก่อนนะครับ (ทำครั้งเดียว) โดยเครื่องจะให้เลือกภาษาก่อน ซึ่งมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หลักๆ ก็คือ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย
เมื่อเลือกภาษาที่ต้องการเสร็จแล้ว ก็จะเข้าสู่เมนูของการเลือกภูมิภาค (Region) ให้เลือกเป็น Rest of World นะครับ เพราะถ้าเลือกเป็น Europe จะถูกข้อจำกัดในเรื่องของเสียง (Volume Limit) แต่ถ้าเผลอกดเลือกเป็น Europe ก็สามารถไป Restore ให้กลับไปที่ Factory Setting เพื่อเริ่มตั้งค่าใหม่ได้ครับ


เมื่อเลือกเสร็จแล้ว ก็จะกลับเข้าสู่เมนูหลักๆ ได้แก่ Music, Radio, Books, Folder, Card, Sport และ Settings


สำหรับการแสดงชื่อภาษาไทยในรุ่นนี้ทำได้เกือบสมบูรณ์แบบแล้วครับ


ผมจะไม่พูดถึงฟังก์ชั่นในแต่ละเมนูนะครับ เพราะมันจะเหมือนกันกับรุ่น Clip Sport ที่ผมเคยรีวิว (ตามลิงค์ด้านบน) ไว้เลย โดยจะขอข้ามไปที่เมนูหลักที่สำคัญของมันเลย นั่นก็คือการใช้ Bluetooth
การใช้งาน Bluetooth ก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ให้เตรียมหูฟังที่มี Bluetooth ไว้พร้อมกับเปิด Bluetooth ด้วย ในที่นี่ผมเลือกใช้หูฟัง Bose SoundLink aroud-ear wireless II นะครับ


ส่วนที่ตัวเครื่องเล่นให้เลือกเมนู Bluetooth แล้วกดเลือก Bluetooth ให้เป็น On จากนั้นกดเลือก Search Devices แล้วรอให้มันค้นหาซักพักก็จะเจอหูฟังที่จะนำมาเชื่อมต่อ


จากนั้นก็กดเลื่อนลงมาเลือกชื่อหูฟังเพื่อทำการเชื่อมต่อกัน รอไม่นานก็สามารถเชื่อมต่อกันสำเร็จ โดยจะสังเกตุเห็นจากหน้าจอว่ามีเครื่องหมายถูกอยู่ข้างหน้าชื่อของหูฟังด้วย


และมันยังสามารถจดจำอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อกับตัวเครื่องได้มากกว่า 1 ด้วยครับ


ผมหยิบหุฟังมาคาดหัว แล้วเริ่มเปิดเพลงทดลองฟังเสียงโดยปิด Bluetooth และเสียบสายหูฟังต่อตรงกับเครื่องเล่นดูก่อน เสียงที่ได้นั้นดีไม่ต่างเหมือนกับ Clip Sport รุ่นก่อนเลยครับ


ทีนี้ผมลองฟังแบบเปิดใช้ Bluetooth ดูบ้าง นึกอยู่ในใจว่าเสียงที่ได้คงจะ drop ลงกว่าการใช้หูฟังแบบมีสาย ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติของการใช้หูฟัง Bluetooth อยู่แล้ว จากการฟังครั้งแรก 2-3 เพลง พบว่าเสียง drop ลงเล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีความคมชัดในทุกย่านเสียง รายละเอียดเสียงยังมาครบอยู่ โดยรวมแล้วนับว่าเสียงดีใช้ได้เลยทีเดียวครับ

บทสรุป
ข้อดี
- มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ตัวเครื่องกันละอองน้ำได้
- มี Bluetooth

ข้อเสีย
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้

เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง Clip Sport Plus และ Clip Sport
ชื่อสินค้า:   Sandisk Clip Sport Plus
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่