สวัสดีครับทุกคน ขอออกตัวก่อนเลยนะครับว่านี่เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของผม ภาษาที่ใช้อาจไม่เสนาะเท่าไหร่นัก ขอเกริ่นเรื่องราวก่อนแล้วกันนะครับ
เนื่องจากที่ผมอยู่โรงเรียนประจำ การไปเที่ยวกับเพื่อนจึงไม่ค่อยสะดวกนัก ประกอบกับการเรียนที่หนักหน่วงเอาการ แต่นี่ก็จะขึ้นม.6แล้วกลัวจะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน จึงจัดทริปนี้ขึ้นมาครับ
หลังจากวางแผนวางกำหนดการเรียบร้อยแล้ว จึงได้วันที่จะไปคือ 16ถึง19 มีนาที่ผ่านมาครับ กลุ่มผมมีกัน10กว่าคนตอนเสนอทริปก็บอกจะมาทุกคน พอวันไปจริงๆเหลือ7คนซะงั้น 55555
ทริปนี้ตากล้องประจำกลุ่มก็ไม่ได้ไปด้วย ทำให้รูปทั้งหมดคือรูปจากโทรศัพท์มือถือนะครับ
วันที่16 มีนาคม
รวมตัวกันที่ขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ขึ้นรถตู้ไปตากตอนเที่ยงครึ่ง ใช้เวลาเกือบๆ2ชม.กว่าจะถึงตาก หลังจากนั้นก็รอรถจากพ่อของเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอุ้มผางมารับ ก็นั่งรถกันยาวๆ ออกจากในเมืองตากตอนเกือบบ่าย3ถึงจุดพักรถก่อนขึ้นเขาในเขตอุ้มผางตอน5โมงเย็นได้ มีไร่สตรอว์เบอร์รี่ด้วย

นั่งรถกันต่อนะครับ พอขึ้นเขาขอบอกเลยว่าถ้าไม่อยากผวากลัวตายตลอดทางก็ให้หลับไปเลยจะดีที่สุดครับ เพราะว่าต้องผ่านโค้งถึง1219โค้งเลยทีเดียว แล้วแต่ละโค้งนี่น่ากลัวสุดๆ แนะนำคนที่จะมาให้เอาคนที่ขับรถเก่งที่สุดขับไปนะครับ เพราะทางค่อนข้างอันตราย อย่างในทริปผมนี่เป็นคนในอุทยานมาขับให้เลยครับ ก็หายห่วงไป ขับไปเรื่อยๆมองวิวไป รอลุ้นรถที่สวนมาอย่างหวาดเสียว โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณนะครับ ผมทำได้แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ทางก็มืดมาก ไม่มีเสาไฟฟ้าเลย กว่าจะถึงกันก็2ทุ่มกว่าๆ เอารถไปจอดที่รีสอร์ท (รีสอร์ทที่ผมไปใช้บริการชื่อว่า อิงดอยครับ เจ้าของอัธยาศัยดีมาก) พอกินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำ พี่เจ้าของรีสอร์ทก็ถามว่าจะนอนในห้องหรือในเต้นท์ พวกผมเหนื่อยจากการเดินทางมากจึงอยากนอนในห้อง หลังจากที่ไม่ได้เล่นโทรศัพท์มาหลายชั่วโมง ก็มีสัญญาณสักที(เย้) ค่ำคืนแรกก็จบไป
17 มีนาคม
ตื่นตอนเช้ามารับบรรยากาศที่อุ้มผาง อากาศกำลังเย็นสบายที่22องศาเซลเซียส เดินเล่นสักพักก็ไปกินข้าว
กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ไปเตรียมเสื้อผ้าเพื่อที่จะเล่นน้ำกัน 55555
นั่งรถไปสักพักพี่เขาก็พบพวกเราไปจอดไว้ที่แม่น้ำ เขาบอกจะล่องแก่งไปดูน้ำตกทีลอจ่อหรือน้ำตกสายรุ้งกัน ช่วงแรกๆเหมือนจะอยู่ในตัวอำเภอก็มีสัญญาณอยู่หรอกพอล่องไปเรื่อยๆ อ้าวไม่มีบริการ55555 ล่องไปสักพักก็เจอกับน้ำตกสายรุ้งแล้ววเย้



จะบอกว่าของจริงสวยกว่าในรูปมากนะครับ ผมลงไปเล่นน้ำเย็นมากกกกก ระวังท่านที่จะไปด้วยเผื่อเป็นตะคริว แต่ผมมาไม่ทันดูสายรุ้งเนื่องจากออกจากรีสอร์ทก็สายพอดู แต่ก็ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็สวยมากแล้ว ล่องไปเรื่อยๆพี่คนที่เป็นไกด์ก็อธิบายไป ได้ความรู้ด้วย สนุกดีได้เสพธรรมชาติอย่างเต็มที่ พอล่องเรือไปได้สักชั่วโมงกว่าๆพี่หนึ่ง(ไกด์) ก็บอกว่าจะแวะที่เซเว่นป่ากัน ไอ้เราก็งงนึกว่าจะมีเซเว่นมาเปิดในป่า5555 ที่ไหนได้เป็นซุ้มขายของของคนในพื้นที่ มีขายไข่ต้ม มันย่าง น้ำขิงร้อนๆ น้ำผึ้งมะนาวก็มีด้วย วัสดุทั้งหมดทำมาจากไผ่ เรียกได้ว่าธรรมชาติเต็มๆ อีกอย่างที่เป็นจุดขายของที่นี่คือมี"บ่อน้ำร้อน" จากธรรมชาติ อื้อหื้อ คือแบบไปเล่นน้ำเย็นๆมาแล้วไปแช่น้ำร้อนนี่มันจะให้ความฟินมากๆเลยนะครับ ก็แช่กันไปเกือบครึ่งชั่วโมงได้มันเพลินมาก55555 ขึ้นไปเข้าห้องน้ำ กินอะไรให้เรียบร้อยก็ขึ้นเรือต่อได้เลยยยย
ปล.ในส่วนของเซเว่นป่าไม่มีรูปเลย เพราะเก็บโทรศัพท์ไว้ตอนเล่นน้ำตกสายรุ้ง แอบเสียดายนิดๆ
ล่องไปเรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษนอกจากภูเขาที่ดูใหญ่โตแล้วก็มีรากไม้แซมๆออกมาให้เห็น หลังจากล่องเรือไปเกือบ3ชั่วโมง ก็ได้ขึ้นบกแล้วววเย้ จุดที่ขึ้นมาคือหน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของอุ้มผางนะครับ แวะกินข้าวสักพัก แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกตามเคย5555 จากตรงนี้ไปน้ำตกทีลอซูก็25กม.ครับต้องนั่งรถไป ระหว่างทางมีฝุ่นอยู่มากให้เตรียมหน้ากากอนามัยไปด้วยก็ดีครับ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงแล้วครับ เดินเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัมภาระของพวกเรา เขาไม่ให้เอาขวดน้ำเข้าไปนะครับ ต้องดื่มไปก่อน ตรวจเสร็จแล้วจากตรงนี้ไปถึงน้ำตกก็1.5 กม.ครับ เดินไปคุยไปแปปเดียวก็ถึง

ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ น้ำตกทีลอซูที่อยากเจอ อยากเห็นเหลือเกินว่าไอ้นี่มันจะสวยขนาดไหน สรุปคือสวยมากครับ สูงด้วย ถ่ายไว้รูปเดียวเสร็จแล้วก็เก็บมือถือแล้วไปเล่นน้ำเลย 5555
ขออธิบายหน่อยนะครับว่า น้ำตกทีลอซูเนี่ย มี2ชั้นหลักๆ ชั้นแรกคนเยอะมาก มีชาวต่างชาติด้วย สวยๆทั้งนั้น5555 แต่พวกผมขึ้นไปเล่นชั้น2กันครับ เพราะน้ำตกสวยกว่า แอ่งใหญ่กว่าด้วย คนน้อยอีกต่างหาก น้ำในน้ำตกนี่เย็นมากเลยนะครับ เพื่อนผมเป็นตะคริวไป2คน ดีที่ใส่เสื้อชูชีพไม่งั้นแย่เลย หลังจากไปโดดนำเล่นอยู่พักใหญ่ จึงลงมาเล่นที่ชั้นแรกกัน ผมนี่ลงมาเป็นคนแรกๆเลยเพราะอยากเจออะไรขาวๆบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนกลับหมดแล้ว เหลือแต่กรุ๊ปของผมอยู่กรุ๊ปเดียว55555 พอเล่นจนหายอยาก ก็เดินกลับไปอีก1.5กม. นั่งรถกลับรีสอร์ทก็เกือบ50 กม. คุยกับพี่หนึ่งไปเพลินๆ แล้วก็แวะซื้อเสื้อสักตัวเพื่อเป็นหลักฐานว่า "กูมาจริงๆแล้วนะโว้ย" กลับถึงรีสอร์ททุกคนหมดแรงเป็นแถบๆ พอพักเสร็จ ก็อาบน้ำแล้วก็ไปกินข้าว คืนนี้พวกผมไปร้องเกะกัน ก็สร้างความรำคาญแก่ชาวบ้านพอสมควร55555 ห้าทุ่มครึ่งก็เข้านอน วันนี้ผมกับเพื่อนอีก2คนไปนอนในเต้นท์ อากาศเย็นมากกกกก ค่ำคืนนี้ก็จบไป
18 มีนาคม
ตื่นตี5 ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมด ทางไปไม่ลำบากเหมือนเมื่อวานทำให้ใช้เวลาแค่แปปเดียว
[img]https://f.ptcdn.info/935/049/000/on0otcf
yc0Z211Hf6U5-o.jpg[/img]มาเกือบไม่ทันแน่ะ55555 แต่ก็สวยมากบรรยากาศดี อุณหภูมิแค่18องศาเซลเซียสเอง ผมนี่เอาผ้าห่มมาคลุมตลอดทางเลยครับ5555 กลับจากดอยก็ไปกินข้าวแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้าน ขากลับผมหลับตลอดทางเพราะไม่อยากเผชิญกับ1219โค้งอีกแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ถึงแม่สอดแวะทานข้าว ทานข้าวเสร็จก็ยิ่งยาวไปขนส่งเลย กว่ารถจะมาก็เกือบ4โมงเย็น เพื่อนผมมาจากหลายจังหวัดก็แยกย้ายกันไป เหลือผมกับเพื่อนอีก2คนกลับพิษณุโลก เกือบทุ่ม ก็ถึงโดยสวัสดิภาพ 😀
ปล.ถ้ารีวิวไม่ดีก็ขออภัยด้วยนะฮับ 😀
ปล.2 รูปไม่สวย รูปน้อยอย่าว่ากันน้า
ปล.3 ใครเคยไปมาแชร์ประสบการณ์ได้เลย เอารูปมาแบ่งๆกันชมด้วยก็ได้นะครับ
[CR] รีวิวทริปอุ้มผาง สไตล์เด็กมัธยมปลาย
เนื่องจากที่ผมอยู่โรงเรียนประจำ การไปเที่ยวกับเพื่อนจึงไม่ค่อยสะดวกนัก ประกอบกับการเรียนที่หนักหน่วงเอาการ แต่นี่ก็จะขึ้นม.6แล้วกลัวจะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกัน จึงจัดทริปนี้ขึ้นมาครับ
หลังจากวางแผนวางกำหนดการเรียบร้อยแล้ว จึงได้วันที่จะไปคือ 16ถึง19 มีนาที่ผ่านมาครับ กลุ่มผมมีกัน10กว่าคนตอนเสนอทริปก็บอกจะมาทุกคน พอวันไปจริงๆเหลือ7คนซะงั้น 55555
ทริปนี้ตากล้องประจำกลุ่มก็ไม่ได้ไปด้วย ทำให้รูปทั้งหมดคือรูปจากโทรศัพท์มือถือนะครับ
วันที่16 มีนาคม
รวมตัวกันที่ขนส่งจังหวัดพิษณุโลก ขึ้นรถตู้ไปตากตอนเที่ยงครึ่ง ใช้เวลาเกือบๆ2ชม.กว่าจะถึงตาก หลังจากนั้นก็รอรถจากพ่อของเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอุ้มผางมารับ ก็นั่งรถกันยาวๆ ออกจากในเมืองตากตอนเกือบบ่าย3ถึงจุดพักรถก่อนขึ้นเขาในเขตอุ้มผางตอน5โมงเย็นได้ มีไร่สตรอว์เบอร์รี่ด้วย
นั่งรถกันต่อนะครับ พอขึ้นเขาขอบอกเลยว่าถ้าไม่อยากผวากลัวตายตลอดทางก็ให้หลับไปเลยจะดีที่สุดครับ เพราะว่าต้องผ่านโค้งถึง1219โค้งเลยทีเดียว แล้วแต่ละโค้งนี่น่ากลัวสุดๆ แนะนำคนที่จะมาให้เอาคนที่ขับรถเก่งที่สุดขับไปนะครับ เพราะทางค่อนข้างอันตราย อย่างในทริปผมนี่เป็นคนในอุทยานมาขับให้เลยครับ ก็หายห่วงไป ขับไปเรื่อยๆมองวิวไป รอลุ้นรถที่สวนมาอย่างหวาดเสียว โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณนะครับ ผมทำได้แค่ฟังเพลงอย่างเดียว ทางก็มืดมาก ไม่มีเสาไฟฟ้าเลย กว่าจะถึงกันก็2ทุ่มกว่าๆ เอารถไปจอดที่รีสอร์ท (รีสอร์ทที่ผมไปใช้บริการชื่อว่า อิงดอยครับ เจ้าของอัธยาศัยดีมาก) พอกินข้าวเสร็จก็ไปอาบน้ำ พี่เจ้าของรีสอร์ทก็ถามว่าจะนอนในห้องหรือในเต้นท์ พวกผมเหนื่อยจากการเดินทางมากจึงอยากนอนในห้อง หลังจากที่ไม่ได้เล่นโทรศัพท์มาหลายชั่วโมง ก็มีสัญญาณสักที(เย้) ค่ำคืนแรกก็จบไป
17 มีนาคม
ตื่นตอนเช้ามารับบรรยากาศที่อุ้มผาง อากาศกำลังเย็นสบายที่22องศาเซลเซียส เดินเล่นสักพักก็ไปกินข้าว
กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ไปเตรียมเสื้อผ้าเพื่อที่จะเล่นน้ำกัน 55555
นั่งรถไปสักพักพี่เขาก็พบพวกเราไปจอดไว้ที่แม่น้ำ เขาบอกจะล่องแก่งไปดูน้ำตกทีลอจ่อหรือน้ำตกสายรุ้งกัน ช่วงแรกๆเหมือนจะอยู่ในตัวอำเภอก็มีสัญญาณอยู่หรอกพอล่องไปเรื่อยๆ อ้าวไม่มีบริการ55555 ล่องไปสักพักก็เจอกับน้ำตกสายรุ้งแล้ววเย้
จะบอกว่าของจริงสวยกว่าในรูปมากนะครับ ผมลงไปเล่นน้ำเย็นมากกกกก ระวังท่านที่จะไปด้วยเผื่อเป็นตะคริว แต่ผมมาไม่ทันดูสายรุ้งเนื่องจากออกจากรีสอร์ทก็สายพอดู แต่ก็ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็สวยมากแล้ว ล่องไปเรื่อยๆพี่คนที่เป็นไกด์ก็อธิบายไป ได้ความรู้ด้วย สนุกดีได้เสพธรรมชาติอย่างเต็มที่ พอล่องเรือไปได้สักชั่วโมงกว่าๆพี่หนึ่ง(ไกด์) ก็บอกว่าจะแวะที่เซเว่นป่ากัน ไอ้เราก็งงนึกว่าจะมีเซเว่นมาเปิดในป่า5555 ที่ไหนได้เป็นซุ้มขายของของคนในพื้นที่ มีขายไข่ต้ม มันย่าง น้ำขิงร้อนๆ น้ำผึ้งมะนาวก็มีด้วย วัสดุทั้งหมดทำมาจากไผ่ เรียกได้ว่าธรรมชาติเต็มๆ อีกอย่างที่เป็นจุดขายของที่นี่คือมี"บ่อน้ำร้อน" จากธรรมชาติ อื้อหื้อ คือแบบไปเล่นน้ำเย็นๆมาแล้วไปแช่น้ำร้อนนี่มันจะให้ความฟินมากๆเลยนะครับ ก็แช่กันไปเกือบครึ่งชั่วโมงได้มันเพลินมาก55555 ขึ้นไปเข้าห้องน้ำ กินอะไรให้เรียบร้อยก็ขึ้นเรือต่อได้เลยยยย
ปล.ในส่วนของเซเว่นป่าไม่มีรูปเลย เพราะเก็บโทรศัพท์ไว้ตอนเล่นน้ำตกสายรุ้ง แอบเสียดายนิดๆ
ล่องไปเรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษนอกจากภูเขาที่ดูใหญ่โตแล้วก็มีรากไม้แซมๆออกมาให้เห็น หลังจากล่องเรือไปเกือบ3ชั่วโมง ก็ได้ขึ้นบกแล้วววเย้ จุดที่ขึ้นมาคือหน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าของอุ้มผางนะครับ แวะกินข้าวสักพัก แน่นอนว่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์อีกตามเคย5555 จากตรงนี้ไปน้ำตกทีลอซูก็25กม.ครับต้องนั่งรถไป ระหว่างทางมีฝุ่นอยู่มากให้เตรียมหน้ากากอนามัยไปด้วยก็ดีครับ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงแล้วครับ เดินเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสัมภาระของพวกเรา เขาไม่ให้เอาขวดน้ำเข้าไปนะครับ ต้องดื่มไปก่อน ตรวจเสร็จแล้วจากตรงนี้ไปถึงน้ำตกก็1.5 กม.ครับ เดินไปคุยไปแปปเดียวก็ถึง
ขออธิบายหน่อยนะครับว่า น้ำตกทีลอซูเนี่ย มี2ชั้นหลักๆ ชั้นแรกคนเยอะมาก มีชาวต่างชาติด้วย สวยๆทั้งนั้น5555 แต่พวกผมขึ้นไปเล่นชั้น2กันครับ เพราะน้ำตกสวยกว่า แอ่งใหญ่กว่าด้วย คนน้อยอีกต่างหาก น้ำในน้ำตกนี่เย็นมากเลยนะครับ เพื่อนผมเป็นตะคริวไป2คน ดีที่ใส่เสื้อชูชีพไม่งั้นแย่เลย หลังจากไปโดดนำเล่นอยู่พักใหญ่ จึงลงมาเล่นที่ชั้นแรกกัน ผมนี่ลงมาเป็นคนแรกๆเลยเพราะอยากเจออะไรขาวๆบ้าง แต่สุดท้ายทุกคนกลับหมดแล้ว เหลือแต่กรุ๊ปของผมอยู่กรุ๊ปเดียว55555 พอเล่นจนหายอยาก ก็เดินกลับไปอีก1.5กม. นั่งรถกลับรีสอร์ทก็เกือบ50 กม. คุยกับพี่หนึ่งไปเพลินๆ แล้วก็แวะซื้อเสื้อสักตัวเพื่อเป็นหลักฐานว่า "กูมาจริงๆแล้วนะโว้ย" กลับถึงรีสอร์ททุกคนหมดแรงเป็นแถบๆ พอพักเสร็จ ก็อาบน้ำแล้วก็ไปกินข้าว คืนนี้พวกผมไปร้องเกะกัน ก็สร้างความรำคาญแก่ชาวบ้านพอสมควร55555 ห้าทุ่มครึ่งก็เข้านอน วันนี้ผมกับเพื่อนอีก2คนไปนอนในเต้นท์ อากาศเย็นมากกกกก ค่ำคืนนี้ก็จบไป
18 มีนาคม
ตื่นตี5 ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ดอยหัวหมด ทางไปไม่ลำบากเหมือนเมื่อวานทำให้ใช้เวลาแค่แปปเดียว
[img]https://f.ptcdn.info/935/049/000/on0otcf yc0Z211Hf6U5-o.jpg[/img]มาเกือบไม่ทันแน่ะ55555 แต่ก็สวยมากบรรยากาศดี อุณหภูมิแค่18องศาเซลเซียสเอง ผมนี่เอาผ้าห่มมาคลุมตลอดทางเลยครับ5555 กลับจากดอยก็ไปกินข้าวแล้วก็เตรียมตัวกลับบ้าน ขากลับผมหลับตลอดทางเพราะไม่อยากเผชิญกับ1219โค้งอีกแล้ว รู้ตัวอีกทีก็ถึงแม่สอดแวะทานข้าว ทานข้าวเสร็จก็ยิ่งยาวไปขนส่งเลย กว่ารถจะมาก็เกือบ4โมงเย็น เพื่อนผมมาจากหลายจังหวัดก็แยกย้ายกันไป เหลือผมกับเพื่อนอีก2คนกลับพิษณุโลก เกือบทุ่ม ก็ถึงโดยสวัสดิภาพ 😀
ปล.ถ้ารีวิวไม่ดีก็ขออภัยด้วยนะฮับ 😀
ปล.2 รูปไม่สวย รูปน้อยอย่าว่ากันน้า
ปล.3 ใครเคยไปมาแชร์ประสบการณ์ได้เลย เอารูปมาแบ่งๆกันชมด้วยก็ได้นะครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น