สงสัยเกี่ยวกับกฏหมายไทยเรื่องการฆ่าเพราะถูกบังคับค่ะ

มีข้อสงสัยค่ะ คือสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน
อาจารย์บอกว่า Duress(การ commit crime เพราะถูกคนบังคับ)ไม่สามารถใช้ defense ในเคส homicide ได้
(แต่อาจารย์ไม่ได้บอกว่าที่ใช้ไม่ได้นี่คือ ใช้ไม่ได้ในการพ้นผิด หรือใช้ไม่ได้ในการพ้นโทษ)

ถ้าสมมติเราโดน A เอาปืนจ่อหัวให้ฆ่า B ไม่งั้น A จะฆ่าเรา เราเลยฆ่า B

ตามตรา 67 (1) จำเป็นเพราะอยู่ในที่บังคับ กับ กรณีตามมาตรา 67(2) คือ จำเป็นเพื่อให้พ้นจากภยันตราย = ผิด แต่ไม่ต้องรับโทษ
แบบนี้ก็ไม่ต่างกับการใช้ duress ในการ defense เลยไม่ใช่หรอคะ? (หรือมันต่าง ถ้าต่าง ต่างยังไง รบกวนชี้แจงทีค่ะ)

คำถามคือ
1. ถือว่าเราทำเกินกว่าเหตุมั้ยคะ
2. ถือว่าเราผิดมั้ย
3. ต้องรับโทษมั้ย
4. แล้วที่อาจารย์บอกว่าใช้ duress ในเคส homicide แล้วแบบนี้เราจะพูดได้ยังไงคะว่า ฉันฆ่าเขาเพราะฉันถูกบังคับ (ที่พอจะเข้าใจแบบพอเป็นเหตุผลเป็นไปได้มากที่สุดคือ ใช้ในกรณี พ้นผิด ไม่ได้ แต่ใช้ในกรณี พ้นโทษ ได้)

รบกวนด้วยนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมคิดว่า กรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดเพราะความจำเป็น ควรจะเป็นเหตุยกเว้นโทษ ทางอาญาตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 67
แต่ยังต้องรับผิดทางแพ่ง เป็นละเมิด ( ปพพ.ม.420 ) จำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อทายาทของผู้ตาย  
( ปอ.ม.67 ยกเว้นโทษแต่ไม่ใช่ยกเว้นความผิด  จึงยังเป็นความผิดตามกฎหมาย และยังต้องรับผิดทางแพ่ง ตาม ปพพ.ม.420 )

แต่ ผมเคยเจอมีในตำราอธิบายทฤษฎี ว่า
ปอ. ม.67 ถ้าสัดส่วนเทียบชีวิตต่อชีวิตเท่ากันเป็นการกระทำที่เกินสมควรกว่าเหตุแก่ความจำเป็น
เช่น  ถ้ามีคนมาเอาปืนขู่บังคับให้เอาไม่ไปตีคนอื่นให้เจ็บ ไม่ถึงตาย ( ชีวิต : ร่างกาย ) ยังเป็นการกระทำเพราะความจำเป็นที่พอสมควรแก่เหตุ และผู้กระทำเพราะความจำเป็นถูกขู่บังคับไม่ต้องรับโทษ  ตาม ปอ.ม.67  
แต่ ถ้ามีคนมาเอาปืนขู่บังคับให้ไปฆ่าคนอื่น แล้ว  คนที่ถูกขู่ก็ฆ่าคนอื่น ( ชีวิต : ชีวิต ) ผู้ถูกข่มขู่จะอ้างกระทำเพราะความจำเป็นตาม ปอ.ม.67 ไม่ได้เพราะเกินสมควรแก่เหตุ แต่อาจยก ปอ. ม.69 ให้รับโทษน้อยลงเนื่องจากกระทำเพราะความจำเป็นแต่เกินสมควรแก่เหตุ
ซึ่ง แตกต่างจาก ปอ.ม.68 การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ต่อสู้กับผู้ที่มาทำละเมิดกฎหมายโดยตรง  แม้สัดส่วนการถูกกระทำจะน้อยกว่าการตอบโต้กลับ ก็ยังอาจเป็นการพอสมควรแก่เหตุ เช่น มีคนจะข่มขืนกระทำชำเรา จึงต่อสู้ใช้มีดแทงโจรที่จะข่มขืน เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ. 68 ผู้กระทำไม่มีความผิด (และไม่ต้องรับโทษ)

แต่ผมไม่เห็นด้วยกับทฤษฎี ดังกล่าว ในส่วนที่ว่าการกระทำผิดเพราะความจำเป็นตาม ปอ.67  ชีวิตต่อชีวิตเท่ากันแล้วเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ อ้าง ปอ.ม.67 ไม่ได้ ( อ้างได้แต่เพียง ปอ. 69 เหตุลดโทษ )
ผมคิดเห็นว่า โดยธรรมชาติ คนเราย่อมรักชีวิตของตนเป็นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตคนอื่น  หากอยู่ในสภาวะบังคับ จำเป็นต้องฆ่าผู้อื่นเ ( อย่างเช่น ถูกปืนขู่บังคับให้ต้องฆ่าคนอื่น ) เพื่อให้ตนเองรอดชีวิต  ก็สมควรได้รับการยกเว้นโทษ ตาม ปอ.ม.67  เพราะถึงอย่างไรคนนั้นก็ยังต้องรับผิดตามแพ่งอยู่ แต่ไม่ควรต้องรับโทษทางอาญา  เพราะ เจตนารมณ์ของกฎหมายอาญา คือ การลงโทษคนชั่ว  แต่การกระทำเพราะความจำเป็นในสภาวะบังคับเช่นนั้น ไม่ได้เกิดจากเจตนาที่ชั่วร้าย  ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไป เรียกว่า ไม่เจตนา (ไม่ได้คิดอยากจะทำ) แต่ทางกฎหมายยังถือว่าเจตนา ,  ในสภาพเช่นนั้น ผู้กระทำอยู่ในสภาพตกเป็นเหยื่อ มากกว่าเป็นผู้กระทำความผิด  จึงไม่สมควรลงโทษทางอาญา แก่คนที่กระทำเพราะความจำเป็นนั้น
การกระทำนั้น ถือเป็นการกระทำผิดเพราะความจำเป็นที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ปอ. 67 ผู้กระทำไม่ต้องรับโทษ
นอกจากนั้น การกระทำดังกล่าวก็น่าจะครบองค์ประกอบตามตัวบทกฎหมายไทย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 แล้ว ส่วนทฤษฎีดังกล่าวไม่ได้อยู่ในตัวบทกฎหมาย

อุทาหรณ์
ผมเคยเจอมีอีกตำรากฎหมาย  ( มสธ.) อ้าง ท่าน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ พระบิดาแห่งกฎหมายไทย  เคยยกตัวอย่างในลักษณะที่ว่า
นาย ก. กับ นาย ข. นั่งเรือ เกิดอุบัติเหตุเรือล่ม คนจะจมน้ำ มีไม้กระดานแผ่นเดียวลอยมารับน้ำหนักได้เพียงคนเดียวที่จะพอพยุงให้ลอยน้ำได้  นาย ก. ยึดจับไม้กระดานได้  และ ผลัก นาย ข. ออกไปไม่ให้ มาแย่งไม้กระดานนั้นจากตน  ทำให้นาย ข. จมน้ำตาย  เป็นกการกระทำเพราะความจำเป็น และ ไม่ต้องรับโทษ ตามกฎหมาย  
จะเห็นได้ว่าถึงแม้จะเป็นชีวิตต่อชีวิตเท่ากันก็ยังอ้างกระทำเพราะความจำเป็นและไม่ต้องรับโทษ  ( แต่ กฎหมายสมัยนั้นไม่ใช่ประมวลกฎหมายอาญาฉบับปัจจุบัน)   ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่