ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 17 มีนาคม เวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยคดีโครงการจำนำข้าว เดินทางมาศาลร่วมกระบวนพิจารณาไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องพิจารณาถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมการเรียกจัดเก็บภาษีหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ จากนายทักษิณ พี่ชาย อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น การที่จะเรียกเก็บภาษีทั้งๆ ที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว หวังว่าจะไม่ใช่การใช้อำนาจหรือกฎหมายที่ตนเองมีอยู่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้เห็นใจกันเถอะ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายใด วิธีใด หรือรายละเอียดใด ทราบแต่ว่าปลายทางเรื่องราวต่างๆ ผ่านไปมากมายแล้วก็ยังไม่มีที่สิ้นสุด
“ที่สำคัญ เหมือนเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หวังว่ากฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรม ควรที่จะบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อที่จะไล่ล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนก็ตั้งความหวังว่า ผู้ที่รักษากติกาจะทำกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมีหลายๆ คดีที่เหมือนกัน อยากให้อำนวยความยุติธรรมเท่าเทียมกัน”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่ครอบครัวหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็คงอยากจะฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลอย่างชัดเจน เราคงไม่อยากได้ยินเพียงแค่คำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและด้วยความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า กรณีนี้จะกระทบกับการสร้างความปรองดองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “กรณีของดิฉันเกิดขึ้นแล้ว ดังที่ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเรื่องจำนำข้าวไปแล้ว และคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาค ก็ไม่เห็นว่าอนาคตจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร เราเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผู้ถือกติกาต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย ต้องไปถามผู้ที่ถือกติกาว่าความหมายของคำว่าปรองดองคืออะไร ส่วนข้อเสนอการสร้างความปรองดองของพรรคเพื่อไทยนั้น อยากให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อจะได้ไม่ถูกมองว่ารัฐบาลจะเป็นคู่ขัดแย้งเอง ทุกคนจะเชื่อมั่นว่ากรรมการที่เป็นอิสระและเป็นกลางจะให้ความยุติธรรมกับทุกคน”
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีนักการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองอยู่แล้ว ยังไม่ทราบว่าทาง สตง.จะดำเนินการอย่างไร ขอทราบรายละเอียดก่อน
เมื่อถามถึงการชี้แจงของรัฐบาลเรื่องสิทธิมนุษยชนที่นครรัฐเจนีวา สหพันธรัฐสวิส ที่นานาชาติแสดงความห่วงใยเรื่องการละเมิดสิทธิ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นความห่วงใยที่ส่งผ่านมานานแล้ว คงไม่พูดซ้ำ แต่เชื่อว่ารัฐบาลคงทราบว่าจะทำอย่างไรที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน อย่าใช้อำนาจที่มีเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะเกิดความสามัคคีที่แท้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 วันนี้ ทนายความเตรียมพยานไต่สวน 3 ปาก โดยช่วงเช้าจะไต่ 2 ปาก ประกอบด้วย นายพิชัย ชุนหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าว และอดีตประธานกรรมการ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), พล.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รอง ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการดำเนินคดี และช่วงบ่ายคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว
JJNY : ‘ยิ่งลักษณ์’ ขอ รบ.แจงให้เคลียร์เรียกเก็บภาษีหุ้นชินฯ หลังศาลยึดทรัพย์พี่ชายแล้ว วอนอย่าใช้กฎหมายไล่ล่า
น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าห้องพิจารณาถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมการเรียกจัดเก็บภาษีหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ จากนายทักษิณ พี่ชาย อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายึดทรัพย์ไปแล้ว 46,000 ล้านบาท ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น การที่จะเรียกเก็บภาษีทั้งๆ ที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว หวังว่าจะไม่ใช่การใช้อำนาจหรือกฎหมายที่ตนเองมีอยู่เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้เห็นใจกันเถอะ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะใช้กฎหมายใด วิธีใด หรือรายละเอียดใด ทราบแต่ว่าปลายทางเรื่องราวต่างๆ ผ่านไปมากมายแล้วก็ยังไม่มีที่สิ้นสุด
“ที่สำคัญ เหมือนเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หวังว่ากฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรม ควรที่จะบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายนั้นเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อที่จะไล่ล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนก็ตั้งความหวังว่า ผู้ที่รักษากติกาจะทำกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพราะมีหลายๆ คดีที่เหมือนกัน อยากให้อำนวยความยุติธรรมเท่าเทียมกัน”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่ครอบครัวหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนก็คงอยากจะฟังคำชี้แจงจากรัฐบาลอย่างชัดเจน เราคงไม่อยากได้ยินเพียงแค่คำว่าอภินิหารทางกฎหมาย เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและด้วยความเป็นธรรม
เมื่อถามว่า กรณีนี้จะกระทบกับการสร้างความปรองดองหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “กรณีของดิฉันเกิดขึ้นแล้ว ดังที่ได้มีการร้องขอความเป็นธรรมเรื่องจำนำข้าวไปแล้ว และคงจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามันเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่เกิดความเสมอภาค ก็ไม่เห็นว่าอนาคตจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร เราเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ผู้ถือกติกาต้องคำนึงถึงตรงนี้ด้วย ต้องไปถามผู้ที่ถือกติกาว่าความหมายของคำว่าปรองดองคืออะไร ส่วนข้อเสนอการสร้างความปรองดองของพรรคเพื่อไทยนั้น อยากให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อจะได้ไม่ถูกมองว่ารัฐบาลจะเป็นคู่ขัดแย้งเอง ทุกคนจะเชื่อมั่นว่ากรรมการที่เป็นอิสระและเป็นกลางจะให้ความยุติธรรมกับทุกคน”
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จะตรวจสอบเรื่องการเสียภาษีนักการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองอยู่แล้ว ยังไม่ทราบว่าทาง สตง.จะดำเนินการอย่างไร ขอทราบรายละเอียดก่อน
เมื่อถามถึงการชี้แจงของรัฐบาลเรื่องสิทธิมนุษยชนที่นครรัฐเจนีวา สหพันธรัฐสวิส ที่นานาชาติแสดงความห่วงใยเรื่องการละเมิดสิทธิ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นความห่วงใยที่ส่งผ่านมานานแล้ว คงไม่พูดซ้ำ แต่เชื่อว่ารัฐบาลคงทราบว่าจะทำอย่างไรที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน อย่าใช้อำนาจที่มีเพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะเกิดความสามัคคีที่แท้จริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 11 วันนี้ ทนายความเตรียมพยานไต่สวน 3 ปาก โดยช่วงเช้าจะไต่ 2 ปาก ประกอบด้วย นายพิชัย ชุนหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าว และอดีตประธานกรรมการ บริษัท บางจาก ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน), พล.ต.อ.ธนกฤต อ่อนละออ รอง ผกก.สภ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เกี่ยวกับการดำเนินคดี และช่วงบ่ายคือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยการตรวจสอบเพื่อป้องกันการทุจริตในการรับจำนำข้าว