คบกับแฟนมาได้ 4 ปี และแต่งงานกันได้ 9 ปี มีลูกอายุ 8 ขวบค่ะ แฟนเรานี่คนอื่นจะพูดกันว่าเป็นคนดี อารมณ์เย็น ไม่เคยโกรธใคร แต่กะคนใกล้ตัวจากที่เห็นทีแรกก็น้อง ๆ เขาค่ะ แบบเวลาเขาหงุดหงิดโมโห จะพูดไม่ดี กระโชกโฮกฮากกะน้อง จนเราเจอครั้งแรกนี่ตกใจเลย แต่ปลอบใจว่าดีแล้วที่เขาไม่มาเป็นกับเรา แต่แต่งงานกันได้ 3-4 เริ่มมีอาการกับเราแล้วค่ะ เวลาหงุดหงิด โมโห แรก ๆ ก็โมโหลูก ก็จะมาลงกะเรา แบบเห็นเรายืนอยู่ เค้าจะเดินมาตรงนี้ก็จะผลักเราออกไปแรง ๆ เคยเกือบล้มไปทับลูก พูดกระโชกโฮกฮากใส่ หรือไล่เราออกจากบ้าน (อยู่คอนโดค่ะ แม่เค้าให้เป็นของขวัญแต่งงาน แฟนเราเล่นหุ้นเป็นอาชีพค่ะ เผอิญว่าเล่นถูกตัว ถูกช่วง (ด้วยเงินลงทุนของเราเกือบหมด) ทำให้พอร์ตใหญ่ขึ้นหลายเท่า จนไม่ลำบากเรื่องเงิน) เป็นอย่างนี้ก็ปีนึงจะมีอย่างนี้ 2-3 ครั้งน่ะค่ะ
เราก็ทนมาเรื่อย ๆ แบบพอเค้าอารมณ์ดีขึ้น ก็จะมาขอโทษบ้าง มานัวเนียบ้าง แต่ครั้งหลังสุดที่เป็นเมื่ออาทิตย์ก่อน นี่มาอีกแล้ว หงุดหงิดเรื่องอื่น หงุดหงิดน้องสาวเค้า (อยู่ ตจว) ก็มาลงกะเรา พูดจาไล่เราออกจากห้องอีก จนเราเริ่มคิดแล้วว่าเราชักจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มีความรู้สึกว่าเบื่อเค้ามาก ยิ่งช่วงหลัง ๆ นี่พูดกันก็พูดได้ไม่นาน เค้าชอบขัดเรา จนเราขี้เกียจชวนเค้าพูดอีก มาเจอเหตุการณ์นี้ ทำให้เรายิ่งเบื่อที่จะพูดกับเขามากขึ้น ช่วงนี้ก็อยู่กันแบบเงียบ ๆ ไม่พูดไรกัน (เค้าก็มีมาชวนเราพูดบ้าง แต่เราหมดอารมณ์ ก็เงียบ ๆ ) นี่เราก็กำลังคิดอยู่ค่ะว่าเราจะพูดกะเค้ายังไงดี ว่าเราอยากขอแยกกันอยู่กับเค้าจะดีกว่าไหม (มีเรื่องกันทีไร เราต้องเป็นฝ่ายทน ฝ่ายร้องไห้ทุกที) นี่ก็ลองเปรย ๆ กะลูกแล้วว่าถ้าพ่อแม่แยกกันอยู่บ้าน แล้วให้เค้าไปอยู่บ้านนั้น บ้านนี้บ้าง เอาไหม แต่ลูกเค้าบอกเค้าไม่เอา เค้าอยากอยู่กะสองคน ก็เลยคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะเอายังไงดี ถ้าถามเราตอนนี้ ถ้าเราไม่มีลูก เราว่าเราอยากแยกบ้านอยู่กะเค้าแล้ว เราเบื่อ และแทบหมดความอดทนแล้ว แต่เหมือนเพราะลูกเลยต้องยอมทนต่อไป แต่ว่าถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้อีก ลูกยิ่งโต ก็จะยิ่งเห็นว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน (เราเริ่มทะเลาะกลับ ไม่ยอมเงียบแบบที่ผ่านมาแล้ว) ลูกน่าจะ depress มากกว่ารึเปล่า (เล่าให้แม่เค้าฟัง เค้าก็ว่าลูกชายเค้าเป็นอย่างนี้แหละ หงุดหงิดไป ไม่มีอะไร ให้เราทน ๆ ไป แต่มันใช่หรือเนี่ย อ้อ เราแยกบ้านอยู่กันเอง 3 คนพ่อแม่ลูกค่ะ)
เลยอยากขอคำแนะนำค่ะ ว่าถ้าเราจะพูดกะเค้าเรื่องแยกกันอยู่เนี่ย (เราว่าเราแทบจะหมดรักแล้ว ไม่อยากแคร์เค้าแล้วค่ะ) ควรจะพูดตอนไหนดี ตอนที่เค้าหงุดหงิด หรือตอนที่เค้าอารมณ์ปกติดี หรือว่าเราจะต้องทนต่อไปเพื่อลูก กะว่าจะพูดกับลูกเรื่องแยกบ้านเรื่อย ๆ จนกว่าเค้าจะยอมรับได้ เพราะเพื่อนเค้าก็มีที่พ่อแม่แยกกันอยู่ 2-3 คน เรากลัวว่าถ้าเราต้องทนไปนาน ๆ นี่จะเป็นโรคซึมเศร้าซะก่อนน่ะสิ
ข้อมูลเพิ่มเติม - แฟนเราเล่นหุ้นอยู่บ้าน เราก็อยู่บ้าน (จริง ๆ คอนโด) เพราะฉะนั้นคือเห็นกัน 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด (รถมีคันเดียว) เลยอาจทำให้เบื่อกันเร็ว บอกตรง ๆ ว่าทุกวันนี้วันไหนที่เค้าไม่อยู่บ้าน ออกไปทั้งวันนี่เรามีความสุขมากเลย
- พอร์ตหุ้นตอนนี้ค่อนข้างใหญ่ค่ะ เรียกได้ว่าไม่ลำบากเรื่องเงินเลย ถ้าเกิดหย่าร้างกัน อ้อ เราจดทะเบียนสมรสค่ะ
- เค้าชอบบ่นว่าเราไม่ทำงาน ให้เค้าทำงาน (ดูหุ้นคนเดียว) ว่าเราเอาแต่อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ แต่มีสอนการบ้านลูก ทำงานบ้านนิดหน่อย อ้าว ก็เราถือว่าเงินทุนเล่นหุ้นเริ่มต้น นี่ 70-80% เป็นเงินของเรา (เงินมรดก และเงินสินสอดบวกเงินที่บ้านให้สมทบ) เราออกเงิน เค้าออกแรง มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ และเราไม่เคยไปบอกให้เค้าต้องปั้นพอร์ตให้ใหญ่โตอะไรนะ บอกได้แค่ไหนแค่นั้น แค่นี้เราพอใจแล้ว แต่เค้าก็ชอบมาบ่นว่าคนนั้น คนนี้ใน vi เริ่มต้นเท่าเค้า ตอนนี้มี 500 ล้านแล้ว 1000 ล้านแล้วไรอย่างนี้ เราก็บอกให้เค้าไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เท่าที่มีก็โอเค แต่เค้าก็ไม่พอใจอยากให้พอร์ตใหญ่กว่านี้ รถยนต์เราก็ไม่เคยเรียกร้องให้ซื้อเบนซ์ บีเอ็มอะไรอย่างนี้ กระเป๋าแบรนด์เนมเราก็มีแค่ 4-5 ใบเอง ไม่ได้ร้องซื้ออะไรมากมาย บางครั้งเค้าอารมณ์ดี เวลาไป ตปท จะซื้อให้แบบ Hermes, Chanel เรายังเป็นคนปฏิเสธเองเลย Chanel เรามีใบเดียวพอแล้ว Hermes ไม่อยากได้ นาฬิกาแพง ๆ ก็ไม่เอา เราก็ว่าเราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากเกินเหตุทั้งที่มีเงินจ่ายได้สบาย แค่ขอไปเที่ยวเมืองนอกทั้งครอบครัวปีละ 2-3 ทริปเอง
- เรากะสามีอายุเลข 4 ทั้งคู่ค่ะ
ตอนนี้รู้สึกเบื่อชีวิตคู่ จะไปต่อหรือถอยหลังดี
เราก็ทนมาเรื่อย ๆ แบบพอเค้าอารมณ์ดีขึ้น ก็จะมาขอโทษบ้าง มานัวเนียบ้าง แต่ครั้งหลังสุดที่เป็นเมื่ออาทิตย์ก่อน นี่มาอีกแล้ว หงุดหงิดเรื่องอื่น หงุดหงิดน้องสาวเค้า (อยู่ ตจว) ก็มาลงกะเรา พูดจาไล่เราออกจากห้องอีก จนเราเริ่มคิดแล้วว่าเราชักจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตอนนี้มีความรู้สึกว่าเบื่อเค้ามาก ยิ่งช่วงหลัง ๆ นี่พูดกันก็พูดได้ไม่นาน เค้าชอบขัดเรา จนเราขี้เกียจชวนเค้าพูดอีก มาเจอเหตุการณ์นี้ ทำให้เรายิ่งเบื่อที่จะพูดกับเขามากขึ้น ช่วงนี้ก็อยู่กันแบบเงียบ ๆ ไม่พูดไรกัน (เค้าก็มีมาชวนเราพูดบ้าง แต่เราหมดอารมณ์ ก็เงียบ ๆ ) นี่เราก็กำลังคิดอยู่ค่ะว่าเราจะพูดกะเค้ายังไงดี ว่าเราอยากขอแยกกันอยู่กับเค้าจะดีกว่าไหม (มีเรื่องกันทีไร เราต้องเป็นฝ่ายทน ฝ่ายร้องไห้ทุกที) นี่ก็ลองเปรย ๆ กะลูกแล้วว่าถ้าพ่อแม่แยกกันอยู่บ้าน แล้วให้เค้าไปอยู่บ้านนั้น บ้านนี้บ้าง เอาไหม แต่ลูกเค้าบอกเค้าไม่เอา เค้าอยากอยู่กะสองคน ก็เลยคิดหนักเหมือนกัน ว่าจะเอายังไงดี ถ้าถามเราตอนนี้ ถ้าเราไม่มีลูก เราว่าเราอยากแยกบ้านอยู่กะเค้าแล้ว เราเบื่อ และแทบหมดความอดทนแล้ว แต่เหมือนเพราะลูกเลยต้องยอมทนต่อไป แต่ว่าถ้ามีเหตุการณ์อย่างนี้อีก ลูกยิ่งโต ก็จะยิ่งเห็นว่าพ่อแม่ทะเลาะกัน (เราเริ่มทะเลาะกลับ ไม่ยอมเงียบแบบที่ผ่านมาแล้ว) ลูกน่าจะ depress มากกว่ารึเปล่า (เล่าให้แม่เค้าฟัง เค้าก็ว่าลูกชายเค้าเป็นอย่างนี้แหละ หงุดหงิดไป ไม่มีอะไร ให้เราทน ๆ ไป แต่มันใช่หรือเนี่ย อ้อ เราแยกบ้านอยู่กันเอง 3 คนพ่อแม่ลูกค่ะ)
เลยอยากขอคำแนะนำค่ะ ว่าถ้าเราจะพูดกะเค้าเรื่องแยกกันอยู่เนี่ย (เราว่าเราแทบจะหมดรักแล้ว ไม่อยากแคร์เค้าแล้วค่ะ) ควรจะพูดตอนไหนดี ตอนที่เค้าหงุดหงิด หรือตอนที่เค้าอารมณ์ปกติดี หรือว่าเราจะต้องทนต่อไปเพื่อลูก กะว่าจะพูดกับลูกเรื่องแยกบ้านเรื่อย ๆ จนกว่าเค้าจะยอมรับได้ เพราะเพื่อนเค้าก็มีที่พ่อแม่แยกกันอยู่ 2-3 คน เรากลัวว่าถ้าเราต้องทนไปนาน ๆ นี่จะเป็นโรคซึมเศร้าซะก่อนน่ะสิ
ข้อมูลเพิ่มเติม - แฟนเราเล่นหุ้นอยู่บ้าน เราก็อยู่บ้าน (จริง ๆ คอนโด) เพราะฉะนั้นคือเห็นกัน 24 ชั่วโมง ทุกวัน ไปไหนก็ไปด้วยกันตลอด (รถมีคันเดียว) เลยอาจทำให้เบื่อกันเร็ว บอกตรง ๆ ว่าทุกวันนี้วันไหนที่เค้าไม่อยู่บ้าน ออกไปทั้งวันนี่เรามีความสุขมากเลย
- พอร์ตหุ้นตอนนี้ค่อนข้างใหญ่ค่ะ เรียกได้ว่าไม่ลำบากเรื่องเงินเลย ถ้าเกิดหย่าร้างกัน อ้อ เราจดทะเบียนสมรสค่ะ
- เค้าชอบบ่นว่าเราไม่ทำงาน ให้เค้าทำงาน (ดูหุ้นคนเดียว) ว่าเราเอาแต่อ่านหนังสือ ดูซีรีส์ แต่มีสอนการบ้านลูก ทำงานบ้านนิดหน่อย อ้าว ก็เราถือว่าเงินทุนเล่นหุ้นเริ่มต้น นี่ 70-80% เป็นเงินของเรา (เงินมรดก และเงินสินสอดบวกเงินที่บ้านให้สมทบ) เราออกเงิน เค้าออกแรง มันก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ และเราไม่เคยไปบอกให้เค้าต้องปั้นพอร์ตให้ใหญ่โตอะไรนะ บอกได้แค่ไหนแค่นั้น แค่นี้เราพอใจแล้ว แต่เค้าก็ชอบมาบ่นว่าคนนั้น คนนี้ใน vi เริ่มต้นเท่าเค้า ตอนนี้มี 500 ล้านแล้ว 1000 ล้านแล้วไรอย่างนี้ เราก็บอกให้เค้าไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก เท่าที่มีก็โอเค แต่เค้าก็ไม่พอใจอยากให้พอร์ตใหญ่กว่านี้ รถยนต์เราก็ไม่เคยเรียกร้องให้ซื้อเบนซ์ บีเอ็มอะไรอย่างนี้ กระเป๋าแบรนด์เนมเราก็มีแค่ 4-5 ใบเอง ไม่ได้ร้องซื้ออะไรมากมาย บางครั้งเค้าอารมณ์ดี เวลาไป ตปท จะซื้อให้แบบ Hermes, Chanel เรายังเป็นคนปฏิเสธเองเลย Chanel เรามีใบเดียวพอแล้ว Hermes ไม่อยากได้ นาฬิกาแพง ๆ ก็ไม่เอา เราก็ว่าเราไม่ได้เรียกร้องอะไรมากเกินเหตุทั้งที่มีเงินจ่ายได้สบาย แค่ขอไปเที่ยวเมืองนอกทั้งครอบครัวปีละ 2-3 ทริปเอง
- เรากะสามีอายุเลข 4 ทั้งคู่ค่ะ