[The Face Thailand] ว่าด้วยเรื่องการตัดสินแคมเปญที่ผ่านมา

พอดีผมไปเจอมาในเฟซบุค เครดิตด้านล่างครับ
เลยอยากจะแชร์ครับ อ่านแล้วก็เข้าใจทั้งตัวลูกค้า ลูกเกด และมาช่านะ
จะมาขอยืนยันว่าไม่มีใครผิดใครถูก

"กลับมาคิดเรื่องผลการตัดสินแคมเปญของลูกค้า Guess เรื่องนี้ก็ให้อะไรเราเยอะเหมือนกัน หลักๆ คือการเตือนว่าการทำงานครีเอทีฟ / โฆษณา / มาร์เก็ตติ้ง มันไม่เคยมีสูตรสำเร็จ"



ติ่ง The Face ด่าลูกค้า Guess เยอะมาก ว่าตัดสินไม่แฟร์ ลูกเกดไม่ทำตามกฎทำไมชนะ อันนี้มันต้องปรับความเข้าใจกันก่อนว่า ในแวดวงการทำงานลักษณะนี้ ไม่ว่าเราจะรับงานอะไรมาก็แล้วเเต่ แน่นอนว่าลูกค้ามี requirement ไล่มาเป็นข้อๆ อยู่เเล้ว ว่าต้องการอะไรบ้าง แต่สำคัญคือ ต้องจับจุดให้ได้ ว่า "สิ่งที่ลูกค้าต้องการที่สุด" คืออะไร แล้วจะเข้าใจเองว่าถ้าให้เลือกระหว่างไม่ให้สินค้าเปียกกับให้สินค้าปัง ทำไมมันถึงเป็นอย่างหลัง



ตอนแรกก็หงุดหงิดลูกค้านะ ทำไมบรีฟเมนเทอร์ไม่เหมือนกัน เเต่ถ้าเปรียบกับการทำงานเอเจนซี่ แล้วเมนเทอร์เป็น AE เราก็อยากจะทำงานกับลูกเกดมากกว่า เพราะสิ่งที่เค้าทำคือ การพยายามขยายขอบเขตความเป็นไปได้ในการทำงาน ตั้งคำถามกับกฎที่ให้มา ยกเคสเป็นตัวอย่างเพื่อเอาคำตอบจากลูกค้าให้เคลียร์ที่สุด ในขณะที่พี่ช่าก็ถามเหมือนกัน เเต่ไม่ได้ไล่จี้ขนาดพี่เกด สุดท้ายนี่ก็เป็นอีกแคมเปญที่พี่ช่าตีโจทย์ไม่แตก ไม่แปลกที่ไม่ชนะ
ไอ้พวกงานสาย Creative Skill ทั้งหลายอะ เอาสิ่งที่ลูกค้าเเนะนำไปทำแบบทื่อๆ มันไม่เวิร์คนะ อย่าลืมว่าลูกค้าไม่ได้มีความชำนาญแบบเรา เค้าเลยจ้างเรา ถ้าเราทำออกมาไม่ต่างจากที่เค้าทำได้ เค้าก็ไม่ต้องจ้างเราไง ดังนั้น สิ่งที่เราควรคิดถึงคือ การเสนอวิธีที่ effective ที่สุดให้เค้า แล้วพูดคุยให้เห็นภาพตรงกัน งานแบบนี้มันไม่เหมือนพวกงานบัญชี ที่คีย์เลขผิดไม่ได้ ไม่เหมือนงานวิศวกร ที่ถ้าประกอบเครื่องบินเเล้วลืมนอตสักตัวคือตาย และแคมเปญ The Face มันเป็นแฟชั่นโชว์ ไม่ใช่แข่งฟุตบอล ที่ถ้าล้ำเส้นแล้ว กรรมการจะมาแจกใบแดง



เรื่องนี้ทำให้นึกถึงบทความอ.ประชา สุวีรานนท์ใน Design + culture (จำไม่ได้นะว่าเล่มไหน ข้อมูลอาจเพี้ยนไปบ้างเพราะถอดมาจากความทรงจำ) ที่พูดถึงการรีเสิร์ชความต้องการของลูกค้าในช่วงที่มีผลิตรถยนต์ในยุคแรกๆ ว่าต้องการให้รถยนต์เป็นยังไง สิ่งที่ลูกค้าโฟกัสกันหลักๆ คือเรื่องความเร็ว โครงสร้างรถยนต์ ในตอนนั้นไม่มีลูกค้าคนไหนเลยที่บอกว่าอยากได้ที่วางแก้วน้ำในรถ แต่พอมีทีมดีไซน์เจ้าหนึ่งทำออกมา สรุปว่าเวิร์คมากๆ มันสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนที่ขับรถไปทำงานตอนเช้า เเล้วแวะซื้อกาแฟ เเต่ไม่รู้จะเอาแก้ววางไว้ไหน เลยต้องกินให้หมดก่อน เเล้วค่อยไปต่อ ซึ่งที่วางแก้วเนี่ย บูมขนาดที่ว่า ทำให้เเต่ละค่ายหันมาแข่งขันทำที่วางแก้วในรถกันว่าแบบไหนถึงจะตอบสนองลูกค้าได้ดีที่สุด
ก็นี่แหละ ลูกค้าไม่ได้มีความชำนาญแบบที่เรามี ย้ำอีกทีว่างานแบบนี้มันเอาสิ่งที่ลูกค้าบอกไปทำทื่อๆ มันไม่เวิร์ค ทำตามสิ่งที่ลูกค้าต้องการ มันก็จะได้เเค่งานที่พอใช้ แต่ถ้าอยากทำงานให้เลิศ มันต้อง predict สิ่งที่ลูกค้าต้องการเเต่นึกไม่ออกให้ได้ด้วย


credit : [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รูปจาก The Face Thailand

*แก้ไขคำผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่