นี่คือบันทึกความทรงจำเมื่อครั้งที่ไป "ม่อนจอง" มาเมื่อวันที่ 26-27 พ.ย. 2559
"ม่อนจอง" เส้นทางเดินไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก สำหรับเราเหมือนเป็นมือใหม่หัดเดินป่าเพราะอย่างมากสุดก็แค่เคยไปเดินภูกระดึงมาเมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้หรอกว่าจะรอดมั้ย จะลำบากมากหรือเปล่า แต่เราถือคติว่า “ไปได้หมด ถ้าสดชื่น” ฮ่าๆๆๆ
สิ่งที่ดึงดูดใจทำให้เรากล้ามาเดิน ม่อนจอง นั่นก็คือการบังเอิญไปเจอรูปถ่ายสวยๆ ภาพวิวสวยๆ จากเพจหรือรีวิวของใครสักคนในพันทิปห้องบลูฯ แห่งนี้ (ขอบคุณคุณคนนั้นด้วยนะคะ) เมื่อโอกาสดีๆมาถึงเราก็ไม่รีรอที่จะตอบรับการชวนจากน้องแอดมินเพจ #สวัสดีคนแปลกหน้า (ที่เคยไปป๊ะกันตอนไปภูทับเบิก) ไปร่วมจอยกับเพจ #เที่ยวสิวะอยู่ทำห่าอะไร พร้อมกับลากน้องที่ออฟฟิศไปด้วยคนนึง (หลอกง่ายด้วยรูปสวยๆ พอๆกันกับเราเลย ฮ่าๆๆ)
เราเดินทางด้วยรถตู้ไปกันทั้งหมด 20 คน และด้วยเพจที่เราไปจอยเป็นแบบหารเฉลี่ย จึงทำให้ทริปนี้จ่ายไปในราคาที่ถูกแสนถูกไม่ถึง 1600 ด้วยซ้ำอะไรจะดีขนาดนี้!!
ใครจะไปรู้ว่า อ.อมก๋อยมันจะไกลขนาดนี้ ฮ่าๆ นั่งๆ นอนๆ หลับๆ ตื่นๆ พร้อมหลงนิดหน่อยก็มาถึงจุดเปลี่ยนรถที่หมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ กระจายสัมภาระให้กับลูกหาบ ในส่วนของกระเป๋านั้นแบกเองจ้า ซ่าส์ไม่ปรึกษาสังขารจริงๆ ลองชั่งดูนี่ 9 กก. เลยอ่ะ ป้าดดดดดด
จัดการสัมภาระเสร็จก็ขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเส้นทางต่อจากนี้ถือได้ว่า พีค!!! ที่สุดแล้ว งู้ยยยยยยย หัวสั่วหัวคลอน โยกแล้วโยกอีก เป็นระยะทางประมาณ 15-16 กม. เรียกได้ว่าไกลพอสมควรกว่าจะไปถึงจุดเดินเท้า ไม่สามารถหยิบกล้องออกมาถ่ายได้จริงๆ ใครอยากรู้ว่าเป็นไงต้องมาลองเอง
ลงรถได้นี่ไม่รู้จะหิว หรือ จะอ้วกก่อนดี แต่ด้วยความที่เป็นสาวถึกบึกบึนเราก็รีบจัดการหม่ำข้าวกล่องที่พี่เขาแจกให้ลงกระเพาะทันที กินเสร็จแล้วไม่ต้องรอย่อย รู้ตัวเองว่าเดินช้าแน่ๆ ก็รีบออกเดินกันเล้ยยยยย
ระยะทางต่อจากนี้ต้องเดินข้ามเขาประมาณ 4 กม. ช่วงแรกๆคือป่าสน ก็เดินขึ้นเดินลงพอให้หายใจหอบเป็นระยะๆ แรกๆก็ลั้นลาได้อยู่หรอก พอเดินไปสักพักเท่านั้นแหละ ... รู้เรื่อง ฮ่าๆๆๆ
เหนื่อยก็แกล้งพักถ่ายรูป จากแรกๆที่เดินนำหน้านะสักพักนี่ใครๆก็แซงหน้าไปหมดเลย ฮ่าๆ บ่เป็นหยังๆ ไปก่อนโล้ดดดดดด
ช่วงที่สองเดินในป่า อากาศเย็นๆ ทางแคบๆลาดๆ เอียงๆ พอให้ปวดข้อเท้านิดหน่อย เรากับน้องก็เดินไปหยุดไปตามสไตล์เต่าเหนื่อย พยายามแอ๊บซึบซับธรรมชาติให้ลืมความเหนื่อย
และแล้วก็มาถึงช่วง ของจริง!!! เนินหมาหอบ เปรียบกับพี่เป็นแค่หมาน้อย ... แหงนหน้ามองขึ้นไปแล้วได้แต่ถามตัวเองว่า ... “XXX ชันอะไรขนาดนี้วะ”
ในเมื่อเดินกันมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องหอบร่างขึ้นไปให้ได้ปลอบใจตัวเองเบาๆว่า “เอาน่า...แป๊บเดียวเอง” ต่อจากนี้ ... แทบจะเรียกได้ว่า "คลาน" สามสี่ก้าวพัก สามสี่ก้าวพัก ...พักแบบหลายนาทีเลยหละ ฮ่าๆๆๆ
แต่ขอบอกไว้เลยว่า พอไต่สูงขึ้นมาเรื่อยๆๆๆ เราจะก็เจอวิวที่สามารถปลอบใจเราให้หายเหนื่อยได้ วิวที่ทำให้เรามีแรงฮึดอยากจะปีนต่อไปอีกๆ อดจะจินตนาการต่อไม่ได้เลยว่า วิวข้างบนจะสวยแค่ไหน
แจ๊นนนนน ... บรรยากาศด้านบนประทับใจเรามากๆๆๆ เรานั่งซึบซับกับบรรยากาศตรงหน้านานพอสมควร นานจนหายเหนื่อย
สวยใช่มั้ยหละ ... คุ้มค่าเหนื่อยใช่มั้ย ? พ้นเนินหมาหอบตรงนี้เราต้องเดินไปยังจุดกางเต็นท์กันต่ออีก ไปค่ะเดิน...
ปล่อยให้ลูกหาบนำหน้าเราไปได้เลย ดูสิว่าแต่ละคนแบกมาเยอะแค่ไหน มีทั้งผู้หญิง บางคนนี่ยังวัยละอ่อนอยู่เลย แข็งแรงกันจริงๆ
แก็งค์หนุ่มน้อยลูกหาบที่เดินนำหน้าเรามานั่งพักเม้าท์มอยกัน สุดท้ายไปถึงหลังเราซะงั้น ฮ่าๆๆๆ
ตรงนี้เรียกอะไรนะ สนามกอล์ฟช้างหรือเปล่า ? มันกว้างมากและก็สวยมากๆด้วย มีขี้ช้างด้วยนะ จะมีบางช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดไม่ให้ขึ้นมาเพราะจะมีโขลงช้างขึ้นมาตรงนี้ ขนาดตรงที่กางเต็นท์ของเรานี่ยังเจอเลย อยู่ข้างเต็นท์เลยหละสองก้อนน่ารักๆ
ถึงจุดกางเต็นท์ช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อยแต่มาก่อนลูกหาบ ... จัดแจงเลือกทำเลนอน กางเต็นท์ (มีพี่ๆใจดีเขากางให้ด้วยหละ) เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็รีบออกมาหามุมนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกัน
เราประทับใจช่วงเวลาตอนนี้มาก ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตก แสงสาดลงบนเนินทุ่งหญ้ากว้างๆ ทำให้ทั้งเนินกลายเป็นสีทอง
ด้างล่างก็จะมีลมพัดกลุ่มหมอกขึ้นมาปะทะหน้าเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ วันนี้เราไม่มีแรงจะเดินไปหัวสิงห์เพราะกลัวจะพลาดบรรยากาศสุดวิเศษในตอนนี้ นั่งมองวิวเรื่อยๆจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ...
พูดถึงความลำบากบนนี้สำหรับผู้หญิงก็คงจะมีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องห้องน้ำ มีห้องน้ำบนนี้นะแต่พูดเลยว่าไม่กล้าเข้าและนั่งไม่ลงจริงๆ สุดท้ายต้องไปเลือกสักมุมในป่าเพื่อปลดทุกข์เบาๆ เรื่องอาบน้ำนั้น ... เก็บไว้ก่อนค่อยไปอาบขากลับ ฮ่าๆๆๆ เข้าทางเลยอากาศแบบนี้ หนาวขนาดนี้ ...
ดึกๆจะมีดาวสว่างเต็มท้องฟ้า มีทางช้างเผือกสวยๆที่ดึงดูดใจให้คนชอบดาวออกไปถ่ายรูปเก๋ๆ สวยๆได้อย่างหนำใจ ส่วนตัวเรานั้น ... เหนื่อยและง่วงเกินกว่าจะลากสังขารออกไป หลับดีกว่า ...
[CR] ลิงน้อยหนีเที่ยว || ม่อนจอง ... ไปลองมาหรือยัง ?
นี่คือบันทึกความทรงจำเมื่อครั้งที่ไป "ม่อนจอง" มาเมื่อวันที่ 26-27 พ.ย. 2559
"ม่อนจอง" เส้นทางเดินไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก สำหรับเราเหมือนเป็นมือใหม่หัดเดินป่าเพราะอย่างมากสุดก็แค่เคยไปเดินภูกระดึงมาเมื่อหลายปีก่อน ไม่รู้หรอกว่าจะรอดมั้ย จะลำบากมากหรือเปล่า แต่เราถือคติว่า “ไปได้หมด ถ้าสดชื่น” ฮ่าๆๆๆ
สิ่งที่ดึงดูดใจทำให้เรากล้ามาเดิน ม่อนจอง นั่นก็คือการบังเอิญไปเจอรูปถ่ายสวยๆ ภาพวิวสวยๆ จากเพจหรือรีวิวของใครสักคนในพันทิปห้องบลูฯ แห่งนี้ (ขอบคุณคุณคนนั้นด้วยนะคะ) เมื่อโอกาสดีๆมาถึงเราก็ไม่รีรอที่จะตอบรับการชวนจากน้องแอดมินเพจ #สวัสดีคนแปลกหน้า (ที่เคยไปป๊ะกันตอนไปภูทับเบิก) ไปร่วมจอยกับเพจ #เที่ยวสิวะอยู่ทำห่าอะไร พร้อมกับลากน้องที่ออฟฟิศไปด้วยคนนึง (หลอกง่ายด้วยรูปสวยๆ พอๆกันกับเราเลย ฮ่าๆๆ)
เราเดินทางด้วยรถตู้ไปกันทั้งหมด 20 คน และด้วยเพจที่เราไปจอยเป็นแบบหารเฉลี่ย จึงทำให้ทริปนี้จ่ายไปในราคาที่ถูกแสนถูกไม่ถึง 1600 ด้วยซ้ำอะไรจะดีขนาดนี้!!
ใครจะไปรู้ว่า อ.อมก๋อยมันจะไกลขนาดนี้ ฮ่าๆ นั่งๆ นอนๆ หลับๆ ตื่นๆ พร้อมหลงนิดหน่อยก็มาถึงจุดเปลี่ยนรถที่หมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ กระจายสัมภาระให้กับลูกหาบ ในส่วนของกระเป๋านั้นแบกเองจ้า ซ่าส์ไม่ปรึกษาสังขารจริงๆ ลองชั่งดูนี่ 9 กก. เลยอ่ะ ป้าดดดดดด
จัดการสัมภาระเสร็จก็ขึ้นรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะเส้นทางต่อจากนี้ถือได้ว่า พีค!!! ที่สุดแล้ว งู้ยยยยยยย หัวสั่วหัวคลอน โยกแล้วโยกอีก เป็นระยะทางประมาณ 15-16 กม. เรียกได้ว่าไกลพอสมควรกว่าจะไปถึงจุดเดินเท้า ไม่สามารถหยิบกล้องออกมาถ่ายได้จริงๆ ใครอยากรู้ว่าเป็นไงต้องมาลองเอง
ลงรถได้นี่ไม่รู้จะหิว หรือ จะอ้วกก่อนดี แต่ด้วยความที่เป็นสาวถึกบึกบึนเราก็รีบจัดการหม่ำข้าวกล่องที่พี่เขาแจกให้ลงกระเพาะทันที กินเสร็จแล้วไม่ต้องรอย่อย รู้ตัวเองว่าเดินช้าแน่ๆ ก็รีบออกเดินกันเล้ยยยยย
ระยะทางต่อจากนี้ต้องเดินข้ามเขาประมาณ 4 กม. ช่วงแรกๆคือป่าสน ก็เดินขึ้นเดินลงพอให้หายใจหอบเป็นระยะๆ แรกๆก็ลั้นลาได้อยู่หรอก พอเดินไปสักพักเท่านั้นแหละ ... รู้เรื่อง ฮ่าๆๆๆ
เหนื่อยก็แกล้งพักถ่ายรูป จากแรกๆที่เดินนำหน้านะสักพักนี่ใครๆก็แซงหน้าไปหมดเลย ฮ่าๆ บ่เป็นหยังๆ ไปก่อนโล้ดดดดดด
ช่วงที่สองเดินในป่า อากาศเย็นๆ ทางแคบๆลาดๆ เอียงๆ พอให้ปวดข้อเท้านิดหน่อย เรากับน้องก็เดินไปหยุดไปตามสไตล์เต่าเหนื่อย พยายามแอ๊บซึบซับธรรมชาติให้ลืมความเหนื่อย
และแล้วก็มาถึงช่วง ของจริง!!! เนินหมาหอบ เปรียบกับพี่เป็นแค่หมาน้อย ... แหงนหน้ามองขึ้นไปแล้วได้แต่ถามตัวเองว่า ... “XXX ชันอะไรขนาดนี้วะ”
ในเมื่อเดินกันมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ต้องหอบร่างขึ้นไปให้ได้ปลอบใจตัวเองเบาๆว่า “เอาน่า...แป๊บเดียวเอง” ต่อจากนี้ ... แทบจะเรียกได้ว่า "คลาน" สามสี่ก้าวพัก สามสี่ก้าวพัก ...พักแบบหลายนาทีเลยหละ ฮ่าๆๆๆ
แต่ขอบอกไว้เลยว่า พอไต่สูงขึ้นมาเรื่อยๆๆๆ เราจะก็เจอวิวที่สามารถปลอบใจเราให้หายเหนื่อยได้ วิวที่ทำให้เรามีแรงฮึดอยากจะปีนต่อไปอีกๆ อดจะจินตนาการต่อไม่ได้เลยว่า วิวข้างบนจะสวยแค่ไหน
แจ๊นนนนน ... บรรยากาศด้านบนประทับใจเรามากๆๆๆ เรานั่งซึบซับกับบรรยากาศตรงหน้านานพอสมควร นานจนหายเหนื่อย
สวยใช่มั้ยหละ ... คุ้มค่าเหนื่อยใช่มั้ย ? พ้นเนินหมาหอบตรงนี้เราต้องเดินไปยังจุดกางเต็นท์กันต่ออีก ไปค่ะเดิน...
ปล่อยให้ลูกหาบนำหน้าเราไปได้เลย ดูสิว่าแต่ละคนแบกมาเยอะแค่ไหน มีทั้งผู้หญิง บางคนนี่ยังวัยละอ่อนอยู่เลย แข็งแรงกันจริงๆ
แก็งค์หนุ่มน้อยลูกหาบที่เดินนำหน้าเรามานั่งพักเม้าท์มอยกัน สุดท้ายไปถึงหลังเราซะงั้น ฮ่าๆๆๆ
ตรงนี้เรียกอะไรนะ สนามกอล์ฟช้างหรือเปล่า ? มันกว้างมากและก็สวยมากๆด้วย มีขี้ช้างด้วยนะ จะมีบางช่วงที่เจ้าหน้าที่ปิดไม่ให้ขึ้นมาเพราะจะมีโขลงช้างขึ้นมาตรงนี้ ขนาดตรงที่กางเต็นท์ของเรานี่ยังเจอเลย อยู่ข้างเต็นท์เลยหละสองก้อนน่ารักๆ
ถึงจุดกางเต็นท์ช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อยแต่มาก่อนลูกหาบ ... จัดแจงเลือกทำเลนอน กางเต็นท์ (มีพี่ๆใจดีเขากางให้ด้วยหละ) เสร็จเรียบร้อยแล้วเราก็รีบออกมาหามุมนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินกัน
เราประทับใจช่วงเวลาตอนนี้มาก ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตก แสงสาดลงบนเนินทุ่งหญ้ากว้างๆ ทำให้ทั้งเนินกลายเป็นสีทอง
ด้างล่างก็จะมีลมพัดกลุ่มหมอกขึ้นมาปะทะหน้าเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ วันนี้เราไม่มีแรงจะเดินไปหัวสิงห์เพราะกลัวจะพลาดบรรยากาศสุดวิเศษในตอนนี้ นั่งมองวิวเรื่อยๆจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ...
พูดถึงความลำบากบนนี้สำหรับผู้หญิงก็คงจะมีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องห้องน้ำ มีห้องน้ำบนนี้นะแต่พูดเลยว่าไม่กล้าเข้าและนั่งไม่ลงจริงๆ สุดท้ายต้องไปเลือกสักมุมในป่าเพื่อปลดทุกข์เบาๆ เรื่องอาบน้ำนั้น ... เก็บไว้ก่อนค่อยไปอาบขากลับ ฮ่าๆๆๆ เข้าทางเลยอากาศแบบนี้ หนาวขนาดนี้ ...
ดึกๆจะมีดาวสว่างเต็มท้องฟ้า มีทางช้างเผือกสวยๆที่ดึงดูดใจให้คนชอบดาวออกไปถ่ายรูปเก๋ๆ สวยๆได้อย่างหนำใจ ส่วนตัวเรานั้น ... เหนื่อยและง่วงเกินกว่าจะลากสังขารออกไป หลับดีกว่า ...
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น