ฮัลโหลลทุกๆคนน~
เรื่องมีอยู่ว่าา ชีวิตเจอความวุ่นวายในระดับนึง เลยอยาก
หาที่สงบๆ ไปหลบความวุ่นวาย ซะหน่อย แล้วก็ดีขึ้นจริงๆ
เหมือนว่าโลกส่วนที่วุ่นวาย ได้หยุดหมุนไปพักนึง ฮ่าๆๆ
นี่คือ สาเหตุที่อยู่ดีๆก็ไปเที่ยวแบบโนแพลน
เริ่มจากเช็คตารางรถไฟ แล้วอยากไปตอนไหนก็ไปเลย
http://www.kanchanaburi-info.com/th/train.html
เราไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟธนบุรี อยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลศิริราช
ไปถึงก็ยื่นบัตรประชาชน และก็รับตั๋วฟรีได้เลยจ้า นี่เป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกของเราแค่ขึ้นไปนั่งก็ตื่นเต้นแล้วว
รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ
วันที่ไป โชคดีมาก ไปถึงประมาณ 13:40 แต่คนไม่เยอะเลย (วันศุกร์ รถไฟขบวน #259 รอบ 13:55)
รวมถึงเป็นต้นสายด้วย ที่นั่งเหลือเยอะมาก เราแนะนำว่าให้ขึ้นที่สถานีนี้น้า เพราะที่นั่งหาง่ายกว่าจ้ะ

แต่ละสถานีก็จะมีอาหารกับน้ำขึ้นมาขาย ไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นไปเลยก็ได้ หิวเมื่อไหร่ ค่อยซื้อบนรถไฟ
โดยส่วนตัวเรามองหาไก่ย่างอย่างเดียวเลยจ้า อยากกินตามปริมซะหน่อยย
อาหารบนรถไฟอร่อย แล้วก็ถูก ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ห่อละ 10 บาท ข้าวแกงห่อใบตองถ้วยละ 10 บาทเองง ราคาน่ารักมาก อยู่ที่ 10-30 บาท

อันนี้ข้าวกระเพาไข่ดาว 25.- เราคิดว่าอร่อยกว่าบางร้านที่เราเคยกินมาอีกนะเนี่ย

พอขึ้นรถไฟมาสักพัก ก็โทรหาโฮสเทลที่จองเอาไว้
ว่าควรลงสถาณีไหน แล้วทาง โฮสเทลก็แนะนำว่าลงสถาณีกาญจนบุรีและนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา ( เอาของไปเก็บก่อน )
ถึงงงแล้ววว
สถานีรถไฟกาญจนบุรี

พอเดินออกมาจากสถานีก็จะมี คิววินมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ แล้วนั่งเข้าไปที่โฮสเทล คนละ 30 บาท
(ปล.นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองนอนที่ hostel ทางพี่เจ้าของบ้านเค้าก็จะถามเราก่อนว่า เคยนอนโฮสเทลมาก่อนมั้ย)
Hostel ที่เราพัก ชื่อ " D-hostel "
พอไปถึง รู้สึกว่าดูดีกว่าในรูปอีกนะเนี่ย พี่เค้าก็แนะนำสถานที่ในบ้าน คอมมอนรูม อยู่ติดริมแม่น้ำ มีห้องครัว และอาหารในตู้เย็น ตอนเช้าเราก็สามารถมาทำ
มื้อเช้ากันได้ (ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม) อาหารในตู้เย็นทานได้ทุกอย่าง ยกเว้นเบียร์ที่ลูกค้าท่านอื่นเอามาแช่ไว้ 555

วิวจากห้องนอน (อยู่ชั้นสอง)


คอมมอนรูม (ชั้นล่าง)

เราเช่ามอเตอร์ไซค์ของโฮสเทล ออกไปขี่รถเล่น ถ่ายรูป ชมเมือง
ที่แรกทางผ่านระหว่าง โฮสเทลเข้าไปในเมือง
"สะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร"

จากนั้นก็ ขี่ผ่านโค้งประปา ( พี่ที่โฮสเทล แนะนำมาว่าเป็นถนนรวมร้านอาหารที่ฝรั่งไปกัน มีอาหารทุกแบบ )
และก็ไป สะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ หรือแลนด์มาร์ค ที่นักท่องเที่ยงทุกคนจะต้องมาที่นี่
เราแนะนำว่าให้มาช่วงเย็นเพราะแสงกำลังดี และไม่ร้อนด้วยจ้า

จากนั้นก็ไปเดินตลาดเจเจ เดินซื้ออาหารเข้าไปทานที่โฮสเทล อาหารก็ปกติเหมือนตลาดนัดทั่วไป แต่คนเยอะดีน้า
วันที่สองงงงงง
เราตัดสินใจพักที่ hostel นี้ต่อ เพราะแอบติดใจบรรยากาศที่นี่มากๆเลย
เข้าครัวทำอาหารเช้า
ทางโฮสเทลจะเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารไว้ให้ ทุกอย่างพร้อมเหมือนว่าอยู่บ้านกันเลยทีเดียว

และอันนี้ ก็ติดเพื่อนต่างชาติผู้ร่วมโฮสเทลกะเราจ้าา


นี่เป็นครั้งแรกที่เราพักโฮสเทล และเราประทับใจมากจริงๆ สวย สงบ สะอาด สะดวกสะบาย
พี่ชายหญิงสองคนที่ดูแลโฮสเทลก็ดีมากๆบริการดีสุดๆ
หาที่เที่ยว การเดินทางให้คนที่เข้ามาพักได้สะดวกสบายมากๆ
โฮสเทลที่เราพัก มีแค่เราที่เป็นคนไทย นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติที่เค้าเป็น traveller ทั้งนั้น
ทุกคนเป็นกันเองมากๆ ไม่มีใครรู้จักกัน แต่ทุกคนมาเพราะอยากหาเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งเค้าทักทายกันอย่างเป็นกันเองสุดๆไปเลยย
กลางดึก ทุกคนก็จะมานั่งคุยกัน แชร์เรื่องราวต่างๆของตนเอง ใครอยากเล่าอยากพูดอะไรก็ได้
ได้คุยกับ ชตช คนนึงเค้าก็บอกว่ากำลัง world tour อยู่ไปมา 20 ประเทศแล้ว
และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยที่สุดสำหรับเค้าเลย
แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยการกระโดดน้ำแม่น้ำเล่นกัน


นี่คือ อาหารเช้าที่เราทำ ถึงจะไม่สวยแต่รสชาติพอไปได้น้า 555
ไปเที่ยวต่อ

ต้นจามจุรียักษ์
แวบแรกที่เห็นใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะเลย คิดถูกแล้วจริงๆที่ตัดสินใจมา
เราอยากให้ทุกคนมานะ มันสวยมากจริงๆ คุ้มค่ากับการเดินทาง


หลังจากนั้น เราอยากไปทางรถไฟสายมรณะ

มันไกลกว่าที่คิดไว้เยอะเลย แต่เราก็ไปจนได้ ร้อนฝุดๆ ผิวไหม้เลย
พอไปถึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังถ่ายรูปบนทางรถไฟ
อันนี้เป็นอีกที่นึง ที่ต้องไปนะ !
ระหว่างเดินข้ามทางรถไฟคนที่กลัวความสูงต้องมีใจหวิวๆบ้างแน่นอน ขนาดเราไม่กลัว มองลงไปยังขาอ่อนเลย



เดินไปซักพัก มองด้านขวามือเราจะเจอ ถ้ำกระแซ ข้างในเย็นมากก ต่างจากด้านนอกที่ร้อนระอุสุดๆ



มีรถไฟมาพอดีเลย เป็นสายที่กลับจาก สถานีน้ำตก ต้องผ่านทางรถไฟสายมรณะ
ภาพระหว่างที่รถไฟอยู่บนทางรถไฟสายมรณะ เราอยากให้ทุกคนมาสัมผัสเอง มันเป็นมุมที่สวยมาก
แน่นอนว่าของจริงสวยกว่าในรูปมากๆ



หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าเมืองกาญ เจอร้าน อิ่มจัง บุฟเฟ่ หมูกระทะ + ทะเลเผา +เครื่องดื่ม ราคาหัวละ 259 บาท
อันนี้ต้องไปลองนะ ! คนทานเก่งๆนี่คุ้มแน่นอนจ้าา ยิ่งช่วงเย็นๆใกล้ค่ำคนจะเยอะมากเต็มร้านเลย


วันสุดท้าย
ไปวัดถ้ำเขาปูน ค่าเข้าคนละ 20 บาท ตอนแรกเราเข้าไปไหว้พระ แล้วทางเดินเข้าไปดูถ้ำค่อนข้างน่ากลัว และไม่มีใคร
เราเลยออกมา เจอกับฝรั่งและผู้หญิงคนนึง มาพร้อมกับไกด์เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เราเลยเดินเข้าไปกับเค้า
เกือบพลาดดูอะไรสวยๆไปแล้วว




ทางมีความแคบ5555




อันนี้เป็นจุดชมวิวภายในวัด พอเราเดินชมถ้ำเสร็จ เราเดินขึ้นเนินด้านซ้ายมือ ก็จะเจอจุดชมวิวของทางวัด
มองลงไปด้านล่างเป็นแม่น้ำแควติดกับทางรถไฟ ปู้นนปู้น ฉึกฉักๆ

ก่อนทางกลับโฮสเทลเราผ่านสุสานทหาร เราเลยกระโดดลงไปถ่ายรูปซะหน่อยย



ทริปนี้เรามาแบบ no plan มากๆ แค่นี้ก็ทำให้เราประทับใจกับกาญจนบุรีมากแล้ว
เราจะกลับมาอีกแน่นอน คราวหน้า เราจะมาตะลุย น้ำตกสำคัญของที่นี่ให้หมดด
สำหรับคนที่วางแผนล่วงหน้า เราแนะนำว่า ให้นั่งรถไฟยาวไปถึงสถานีน้ำตกเลย ตะลุยน้ำตกในช่วงเช้า
และค่อยนั่งรถไฟฟรีจากสถานีน้ำตกมาลงในตัวเมืองกาญจนบุรี จะได้นั่งรถไฟผ่านทางรถไฟสายมรณะด้วย
วันนี้ขอจบกระทู้แรกของเราไว้เท่านี้ผิดพลาดอะไร เราขอโทษด้วยน้าา
#กาญจนบุรี 3 วัน 2 คืน แบบโนแพลน อิอิ
เรื่องมีอยู่ว่าา ชีวิตเจอความวุ่นวายในระดับนึง เลยอยาก
หาที่สงบๆ ไปหลบความวุ่นวาย ซะหน่อย แล้วก็ดีขึ้นจริงๆ
เหมือนว่าโลกส่วนที่วุ่นวาย ได้หยุดหมุนไปพักนึง ฮ่าๆๆ
นี่คือ สาเหตุที่อยู่ดีๆก็ไปเที่ยวแบบโนแพลน
เริ่มจากเช็คตารางรถไฟ แล้วอยากไปตอนไหนก็ไปเลย
http://www.kanchanaburi-info.com/th/train.html
เราไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟธนบุรี อยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลศิริราช
ไปถึงก็ยื่นบัตรประชาชน และก็รับตั๋วฟรีได้เลยจ้า นี่เป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกของเราแค่ขึ้นไปนั่งก็ตื่นเต้นแล้วว
รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ
วันที่ไป โชคดีมาก ไปถึงประมาณ 13:40 แต่คนไม่เยอะเลย (วันศุกร์ รถไฟขบวน #259 รอบ 13:55)
รวมถึงเป็นต้นสายด้วย ที่นั่งเหลือเยอะมาก เราแนะนำว่าให้ขึ้นที่สถานีนี้น้า เพราะที่นั่งหาง่ายกว่าจ้ะ
แต่ละสถานีก็จะมีอาหารกับน้ำขึ้นมาขาย ไม่ต้องซื้ออะไรขึ้นไปเลยก็ได้ หิวเมื่อไหร่ ค่อยซื้อบนรถไฟ
โดยส่วนตัวเรามองหาไก่ย่างอย่างเดียวเลยจ้า อยากกินตามปริมซะหน่อยย
อาหารบนรถไฟอร่อย แล้วก็ถูก ก๋วยเตี๋ยวแห้ง ห่อละ 10 บาท ข้าวแกงห่อใบตองถ้วยละ 10 บาทเองง ราคาน่ารักมาก อยู่ที่ 10-30 บาท
พอขึ้นรถไฟมาสักพัก ก็โทรหาโฮสเทลที่จองเอาไว้
ว่าควรลงสถาณีไหน แล้วทาง โฮสเทลก็แนะนำว่าลงสถาณีกาญจนบุรีและนั่งมอเตอร์ไซค์เข้ามา ( เอาของไปเก็บก่อน )
ถึงงงแล้ววว
สถานีรถไฟกาญจนบุรี
พอเดินออกมาจากสถานีก็จะมี คิววินมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ แล้วนั่งเข้าไปที่โฮสเทล คนละ 30 บาท
(ปล.นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ลองนอนที่ hostel ทางพี่เจ้าของบ้านเค้าก็จะถามเราก่อนว่า เคยนอนโฮสเทลมาก่อนมั้ย)
Hostel ที่เราพัก ชื่อ " D-hostel "
พอไปถึง รู้สึกว่าดูดีกว่าในรูปอีกนะเนี่ย พี่เค้าก็แนะนำสถานที่ในบ้าน คอมมอนรูม อยู่ติดริมแม่น้ำ มีห้องครัว และอาหารในตู้เย็น ตอนเช้าเราก็สามารถมาทำ
มื้อเช้ากันได้ (ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม) อาหารในตู้เย็นทานได้ทุกอย่าง ยกเว้นเบียร์ที่ลูกค้าท่านอื่นเอามาแช่ไว้ 555
วิวจากห้องนอน (อยู่ชั้นสอง)
คอมมอนรูม (ชั้นล่าง)
เราเช่ามอเตอร์ไซค์ของโฮสเทล ออกไปขี่รถเล่น ถ่ายรูป ชมเมือง
ที่แรกทางผ่านระหว่าง โฮสเทลเข้าไปในเมือง
"สะพานสมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร"
จากนั้นก็ ขี่ผ่านโค้งประปา ( พี่ที่โฮสเทล แนะนำมาว่าเป็นถนนรวมร้านอาหารที่ฝรั่งไปกัน มีอาหารทุกแบบ )
และก็ไป สะพานข้ามแม่น้ำแคว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ หรือแลนด์มาร์ค ที่นักท่องเที่ยงทุกคนจะต้องมาที่นี่
เราแนะนำว่าให้มาช่วงเย็นเพราะแสงกำลังดี และไม่ร้อนด้วยจ้า
จากนั้นก็ไปเดินตลาดเจเจ เดินซื้ออาหารเข้าไปทานที่โฮสเทล อาหารก็ปกติเหมือนตลาดนัดทั่วไป แต่คนเยอะดีน้า
วันที่สองงงงงง
เราตัดสินใจพักที่ hostel นี้ต่อ เพราะแอบติดใจบรรยากาศที่นี่มากๆเลย
เข้าครัวทำอาหารเช้า
ทางโฮสเทลจะเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารไว้ให้ ทุกอย่างพร้อมเหมือนว่าอยู่บ้านกันเลยทีเดียว
นี่เป็นครั้งแรกที่เราพักโฮสเทล และเราประทับใจมากจริงๆ สวย สงบ สะอาด สะดวกสะบาย
พี่ชายหญิงสองคนที่ดูแลโฮสเทลก็ดีมากๆบริการดีสุดๆ
หาที่เที่ยว การเดินทางให้คนที่เข้ามาพักได้สะดวกสบายมากๆ
โฮสเทลที่เราพัก มีแค่เราที่เป็นคนไทย นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติที่เค้าเป็น traveller ทั้งนั้น
ทุกคนเป็นกันเองมากๆ ไม่มีใครรู้จักกัน แต่ทุกคนมาเพราะอยากหาเพื่อนใหม่ๆ ซึ่งเค้าทักทายกันอย่างเป็นกันเองสุดๆไปเลยย
กลางดึก ทุกคนก็จะมานั่งคุยกัน แชร์เรื่องราวต่างๆของตนเอง ใครอยากเล่าอยากพูดอะไรก็ได้
ได้คุยกับ ชตช คนนึงเค้าก็บอกว่ากำลัง world tour อยู่ไปมา 20 ประเทศแล้ว
และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยที่สุดสำหรับเค้าเลย
แล้วสุดท้ายก็จบลงด้วยการกระโดดน้ำแม่น้ำเล่นกัน
ไปเที่ยวต่อ
ต้นจามจุรียักษ์
แวบแรกที่เห็นใหญ่กว่าที่คิดไว้เยอะเลย คิดถูกแล้วจริงๆที่ตัดสินใจมา
เราอยากให้ทุกคนมานะ มันสวยมากจริงๆ คุ้มค่ากับการเดินทาง
หลังจากนั้น เราอยากไปทางรถไฟสายมรณะ
มันไกลกว่าที่คิดไว้เยอะเลย แต่เราก็ไปจนได้ ร้อนฝุดๆ ผิวไหม้เลย
พอไปถึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากกำลังถ่ายรูปบนทางรถไฟ
อันนี้เป็นอีกที่นึง ที่ต้องไปนะ !
ระหว่างเดินข้ามทางรถไฟคนที่กลัวความสูงต้องมีใจหวิวๆบ้างแน่นอน ขนาดเราไม่กลัว มองลงไปยังขาอ่อนเลย
เดินไปซักพัก มองด้านขวามือเราจะเจอ ถ้ำกระแซ ข้างในเย็นมากก ต่างจากด้านนอกที่ร้อนระอุสุดๆ
มีรถไฟมาพอดีเลย เป็นสายที่กลับจาก สถานีน้ำตก ต้องผ่านทางรถไฟสายมรณะ
ภาพระหว่างที่รถไฟอยู่บนทางรถไฟสายมรณะ เราอยากให้ทุกคนมาสัมผัสเอง มันเป็นมุมที่สวยมาก
แน่นอนว่าของจริงสวยกว่าในรูปมากๆ
หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าเมืองกาญ เจอร้าน อิ่มจัง บุฟเฟ่ หมูกระทะ + ทะเลเผา +เครื่องดื่ม ราคาหัวละ 259 บาท
อันนี้ต้องไปลองนะ ! คนทานเก่งๆนี่คุ้มแน่นอนจ้าา ยิ่งช่วงเย็นๆใกล้ค่ำคนจะเยอะมากเต็มร้านเลย
วันสุดท้าย
ไปวัดถ้ำเขาปูน ค่าเข้าคนละ 20 บาท ตอนแรกเราเข้าไปไหว้พระ แล้วทางเดินเข้าไปดูถ้ำค่อนข้างน่ากลัว และไม่มีใคร
เราเลยออกมา เจอกับฝรั่งและผู้หญิงคนนึง มาพร้อมกับไกด์เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เราเลยเดินเข้าไปกับเค้า
เกือบพลาดดูอะไรสวยๆไปแล้วว
อันนี้เป็นจุดชมวิวภายในวัด พอเราเดินชมถ้ำเสร็จ เราเดินขึ้นเนินด้านซ้ายมือ ก็จะเจอจุดชมวิวของทางวัด
มองลงไปด้านล่างเป็นแม่น้ำแควติดกับทางรถไฟ ปู้นนปู้น ฉึกฉักๆ
ก่อนทางกลับโฮสเทลเราผ่านสุสานทหาร เราเลยกระโดดลงไปถ่ายรูปซะหน่อยย
ทริปนี้เรามาแบบ no plan มากๆ แค่นี้ก็ทำให้เราประทับใจกับกาญจนบุรีมากแล้ว
เราจะกลับมาอีกแน่นอน คราวหน้า เราจะมาตะลุย น้ำตกสำคัญของที่นี่ให้หมดด
สำหรับคนที่วางแผนล่วงหน้า เราแนะนำว่า ให้นั่งรถไฟยาวไปถึงสถานีน้ำตกเลย ตะลุยน้ำตกในช่วงเช้า
และค่อยนั่งรถไฟฟรีจากสถานีน้ำตกมาลงในตัวเมืองกาญจนบุรี จะได้นั่งรถไฟผ่านทางรถไฟสายมรณะด้วย
วันนี้ขอจบกระทู้แรกของเราไว้เท่านี้ผิดพลาดอะไร เราขอโทษด้วยน้าา