
วันที่ 9 มีนาคม 2560 ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงงบประมาณของประเทศว่า ประเทศไทยอยู่ด้วยระบบทุนนิยมเสรี ซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ และมีภาษีจากข้าราชการที่มีการเสียภาษีเต็มจำนวนทั้งหมด
ขณะที่ประชาชนจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ vat ซึ่งยังอยู่ที่ร้อยละ 7 มาหลายปี แต่หากเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1 จะทำให้รายได้ประเทศเพิ่มขึ้นกว่าแสนล้านบาท โดยอยากขอร้องว่าจะมีการเสียสละได้หรือไม่ เพราะจะทำให้งบประมาณของรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อเอางบประมาณดังกล่าวไปทำในสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง ขณะเดียวกันราคาสินค้าไม่ควรปรับเพิ่มขึ้นมากนัก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ตูดขาด เพราะเดินด้วยความระมัดระวังและมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด สามารถบริหารจัดการได้ เงินกู้ต่างๆ อยู่ในกรอบทั้งหมด และหนี้สาธารณะลดลง นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังลงทุนจะเกิดมูลค่าและรายได้ในปีหน้าและปีต่อไป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หลายอย่างรัฐบาลไม่สามารถทำเร็วมากได้ เพราะยังติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย จึงขออย่าทำอะไรตามใจกันมากนัก
http://www.matichon.co.th/news/489932
หลังจากข่าวแพร่ไปอย่ารวดเร็ว อีกข่าวตามมาทันที
'สรรเสริญ'ปัดรัฐเตรียมปรับขึ้นภาษี VAT 1%

รัฐบาลปัดเตรียมปรับขึ้นภาษี VAT 1% ชี้นายกฯ เพียงเปรียบเทียบความเสียสละกับข้อเรียกร้องที่สวนทางกัน ย้ำรัฐบาลไม่ซ้ำเติมประชาชน
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 1 เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ ในช่วงที่กล่าวปราศรัยระหว่างลงพื้นที่และพบปะประชาชนที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนาที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี จึงมีการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้อง เพราะนายกฯ เพียงต้องการชี้ให้เห็นว่า เมื่อประชาชนเสนอข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือมายังรัฐบาลหลายเรื่อง แต่รายได้หลักของรัฐบาลมาจากการเก็บภาษีแต่เพียงอย่างเดียว แล้วจะนำเงินที่ไหนไปจ่าย ฉะนั้น หากประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ หรือได้รับเงินจากภาครัฐ ประชาชนก็ต้องรู้จักเสียสละด้วย โดยได้ยกตัวอย่างว่า หากประชาชนจ่ายภาษี VAT เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 ก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 ล้านบาท
“ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะไม่มีรัฐบาลไหนที่จะออกนโยบายซ้ำเติมประชาชนในขณะที่ทุกคนเดือดร้อนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ดังนั้น
จึงอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สังคม และหวังว่าคงไม่มีผู้ใดหยิบฉวยโอกาสนี้ กระพือข่าวโจมตีว่ารัฐบาลถังแตก เพื่อลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น"
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/744365
บิ๊กตู่โยนหินถามทาง วอนคนไทยเสียสละ ขอขึ้นแวตอีก 1% ได้หรือไม่ ลั่นรัฐไม่ได้ถังแตก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ตูดขาด เพราะเดินด้วยความระมัดระวังและมีภูมิคุ้มกันอยู่ตลอด สามารถบริหารจัดการได้ เงินกู้ต่างๆ อยู่ในกรอบทั้งหมด และหนี้สาธารณะลดลง นอกจากนี้ สิ่งที่กำลังลงทุนจะเกิดมูลค่าและรายได้ในปีหน้าและปีต่อไป ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ หลายอย่างรัฐบาลไม่สามารถทำเร็วมากได้ เพราะยังติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย จึงขออย่าทำอะไรตามใจกันมากนัก
http://www.matichon.co.th/news/489932
หลังจากข่าวแพร่ไปอย่ารวดเร็ว อีกข่าวตามมาทันที
'สรรเสริญ'ปัดรัฐเตรียมปรับขึ้นภาษี VAT 1%
รัฐบาลปัดเตรียมปรับขึ้นภาษี VAT 1% ชี้นายกฯ เพียงเปรียบเทียบความเสียสละกับข้อเรียกร้องที่สวนทางกัน ย้ำรัฐบาลไม่ซ้ำเติมประชาชน
พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนหลายสำนักนำเสนอข่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 1 เพื่อเพิ่มรายได้รัฐ ในช่วงที่กล่าวปราศรัยระหว่างลงพื้นที่และพบปะประชาชนที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า เรื่องดังกล่าวอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนไปจากเจตนาที่แท้จริงของนายกรัฐมนตรี จึงมีการนำเสนอข่าวที่ไม่ถูกต้อง เพราะนายกฯ เพียงต้องการชี้ให้เห็นว่า เมื่อประชาชนเสนอข้อเรียกร้องขอความช่วยเหลือมายังรัฐบาลหลายเรื่อง แต่รายได้หลักของรัฐบาลมาจากการเก็บภาษีแต่เพียงอย่างเดียว แล้วจะนำเงินที่ไหนไปจ่าย ฉะนั้น หากประชาชนต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ หรือได้รับเงินจากภาครัฐ ประชาชนก็ต้องรู้จักเสียสละด้วย โดยได้ยกตัวอย่างว่า หากประชาชนจ่ายภาษี VAT เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 1 ก็จะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 100,000 ล้านบาท
“ยืนยันว่านายกฯ ไม่มีนโยบายปรับขึ้นภาษีดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะไม่มีรัฐบาลไหนที่จะออกนโยบายซ้ำเติมประชาชนในขณะที่ทุกคนเดือดร้อนเนื่องจากเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ดังนั้น จึงอยากให้พี่น้องสื่อมวลชนสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สังคม และหวังว่าคงไม่มีผู้ใดหยิบฉวยโอกาสนี้ กระพือข่าวโจมตีว่ารัฐบาลถังแตก เพื่อลดความน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งสิ้น"
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/744365