เรื่องนี้เกิดขึ้นมาประมาณปีนึงและคิดว่ามันจบลงไปแล้ว อยากให้เป็นข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่สำหรับใครหลายๆคน เป็นเรื่องราวที่สอนอะไรเราได้เยอะเหมือนกัน
จริงๆความรัก มันก็แปลกนะ ทำให้เราทำอะไรได้มากมายเลย ทำให้เราสุข ทำให้เราทุกข์ เสียใจรองไห้ ทำให้เรายอมทำร้ายความรู้สึกของคนอีกคนได้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเรามีแฟนที่คบกันมา 4 ปีกว่า ผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันมากมาย อยู่ข้างๆกันตลอด มีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ไม่ใส่ใจกันบ้างในบางเวลาตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราทะเลาะกันบ่อย น้อยใจกันบ่อย จนรู้สึกเหนื่อยๆ รวมกับช่วงนั้นงานของเราทั้ง 2 คนก็หนัก ต่างคนต่างทำงานเหนื่อย ต่างคนก็อยากระบายให้กันฟังเวลาเลิกงาน งานเราคือการดูแลคนไข้ ซึ่งแน่นอนว่าวันนึงเราต้องพบเจอกับเรื่องมากมาย ทั้งคนไข้ ญาติคนไข้ เพื่อนร่วมงาน ความรู้สึกมันอึดอัด มันเหนื่อย มันท้อ เราก็ชอบงอแงร้องไห้กับเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แฟนเองก็เครียดกับงาน เเต่เขาเลือกที่จะไม่มางอแงกับเรา เพราะเขาเองก็รู้ว่าเราเหนื่อยแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาทำคือการเลิกงานมาแล้วก็เล่นเกมส์ เล่นจนไม่มีเวลาให้เรา ก็เริ่มคุยกันน้อยลง
แล้วก็เป็นช่วงที่มีพี่คนนึงเข้ามาในชีวิต เป็นพี่ที่เรารู้จักชื่อ เคยเห็นบ้างแต่ไม่เคยได้มีโอกาสคุยกัน มีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ขณะนั่งรถตู้คนขับก็ขับน่ากลัวมาก เราก็รู้สึกกลัวๆ โพสเรื่องราวนั้นลงไปในเฟส แล้วพี่เขาก็ทักมาคุยเป็นครั้งแรก สอบถามเรื่องราวว่าเป็นยังไง จะไปไหน ดูแลตัวเองด้วยนะ เห็นโพสไม่ค่อยดีก็รู้สึกเป็นห่วง จากนั้นก็ได้มีโอกาสคุยกันเรื่อยๆ เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วๆไปบ้าง ก็เคยได้ยินมานะว่าพี่คนนี้เขาปลื้มเรามานานแล้ว ก็มีเพื่อนมีพี่มาบอก แต่ตอนนั้นที่คุยกันเราก็ไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่าเป็นพี่น้องกันปกติไม่ได้รู้สึกเกินเลยอะไร เพราะรู้ว่าต่างคนก็มีแฟนอยู่แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป พี่เขาเริ่มทำดีกับเรามากขึ้น เอาขนมมาให้บ้าง เลิกงานก็เดินไปส่งหน้าหอบ้าง ทั้งๆที่พี่เขายังทำงานไม่เสร็จ ไปส่งทำงานบ้าง คอยรับฟัง ให้กำลังใจเรื่องงาน คอยเป็นห่วงเราอยู่ตลอด ได้คุยกันมากขึ้น ชีวิตดูมีอะไรที่คล้ายๆกันมาก นั้นคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกกัน สามารถพูดคุยหรือระบายเรื่องที่เราต่างไม่สบายใจให้กันฟังได้ทุกเรื่อง รู้สึกเป็นตัวเองทุกครั้งที่ได้คุยกัน
ทุกครั้งที่ได้คุย ได้เจอกัน ความรู้สึกมันเริ่มข้ามเส้นไปเรื่อยๆ เราต่างพยายามดึงความรู้สึกของตัวเองกลับมา เพราะคิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เราตกลงกันหลายรอบที่จะไม่คุยกัน ก็รู้สึกแย่ๆทุกครั้งนะที่รู้ว่าจะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่เราก็ต้องยอมเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าการเลือกทำตามหัวใจตัวเอง แต่ก็เพราะหัวใจทำให้เราตัดกันไม่ได้ซะที พอเขาทักมาเราก็เริ่มกลับมารู้สึกแบบเดิมอีกครั้ง
รู้ตัวอีกที...ก็มีเรื่องเข้ามามากมาย ก็คงมีคนที่ไปบอก ไปเล่าให้ฟัง เรากลายเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้เขาต้องทะเลาะกันแฟน เราเองก็รู้สึกแย่มากๆเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เขาพูดกับแฟนเขาว่าอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เราพูดกับใครๆที่เข้ามาถามคือพี่เขาไม่ผิด ไม่เคยพูดไม่ดี พูดร้ายใส่เขาเลยซักครั้ง แต่สิ่งที่เราได้รับรู้กลับมาคือ แฟนเขาถามเราว่าทำไมต้องไปคุยกับแฟนเขาก่อน ทำไมต้องไปยุ่งกับแฟนเขาก่อน ไปอ่อยแฟนเขาหรอ คุยแบบนี้ไปทั่วสินะ เรารู้สึกเสียใจนะที่รับรู้แบบนี้ คิดในใจว่าทำไมต้องเจอแบบนี้ ทำไมพี่ไม่ปกป้องเราบ้าง ถึงเวลานั้น เราบริสุทธิ์ใจนะ เราอยากคุยอยากเคลียร์กับแฟนเขาให้รู้เรื่องจะได้จบกันไป เพราะเราเองเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ก็ถูกพี่เขาห้ามว่าไม่ให้คุย พี่รู้นิสัยแฟนพี่ดี จนเรื่องก็ผ่านไปซักระยะกว่าจะได้เคลียร์กันจริงๆ
หลังเกิดเรื่องห่างกันไป เค้าก็เหมือนกับพยายามไปง้อแฟน ไปทำดีกับแฟน เราก็โอเคนะก็คิดว่าดีแล้วแหละที่เป็นแบบนี้ แต่ทุกวันที่ผ่านไปก็ยังลืมพี่เขาไม่ไได้อยู่ดี มันรู้สึกทรมานนะ กับคนที่รู้สึกไปแล้ว คิดว่าเป็นห่วงอยู่ห่างๆแบบนี้คงดีกว่า ตอนนั้นเราไม่มีช่องทางที่จะติดต่อกันแล้ว ไม่ได้รับรู้เรื่องของเขาอีกเลย จนกระทั้งวันหนึ่งยังจำได้ขึ้นใจ ขณะทำงานอยู่มีข้อความเหมือน WathsApp ส่งมาว่ามีบุคคลนึงชวนให้คุณใช้ ก็เลยโหลดแอปมา เห็นชื่อที่ขึ้นก็แอบดีใจนะว่าเป็นชื่อพี่เขา แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงอยากคุยกับเรา พิมพ์มาประมาณว่า ทำงานมั๊ย? พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ก็โทร WhatsApp มา คำพูดที่เราได้รับคือ “แฟนพี่ไม่ยอมคืนดีเลย เขาโกรธพี่มาก แล้วพี่ก็ดันลบแชทที่เราคุยกันไปแล้ว พี่จะทำไงดี เดี๋ยวเขาจะใช้เฟสพี่ทักไปคุยกับหนูนะ หนูก็ตอบไปประมาณนี้นะ” ก็พยายามให้เราพูดตามคำตอบที่เขาคิดไว้ ตอนนั้นน้ำตาเราไหลแบบไม่รู้ตัวเลย เข้าใจไหมคะมันรู้สึกเจ็บมากนะที่ได้ยินแบบนั้น “ให้หนูช่วยอะไรได้มั๊ย? พี่ถึงจะดีกัน แชทของหนูก็ยังอยู่นะ ไม่ได้ลบ ให้หนูแคปไปให้มั๊ย เอาไปให้พี่เขาดูจะได้โอเค” เราพูดทั้งน้ำตา แต่ก็พยายามทำน้ำเสียงเข้มแข็งไม่ให้เขารู้ “ได้ครับ หนูแคปแล้วส่งมาให้พี่ดูก่อนนะ แล้วพี่จะส่งกลับไปให้ ให้เอาอันที่พี่ส่งให้ส่งให้แฟนพี่ดูนะ” คิดในใจทำไมเราต้องทนเจ็บขนาดนี้นะ ไปหมดแล้วสติในการทำงาน มีอีกหลายๆเรื่องมาก ที่ทำให้เรารู้สึกว่าทำไมพี่เขาไม่แคร์ความรู้สึกเราบ้าง นี่หรอคนที่เราคอยปกป้องมาตลอด นี่หรอคนที่เรารู้สึกดีด้วย หลังจากนั้นก็มีเพื่อนของเเฟนพี่เขาแอดเฟสมา ไม่รู้หรอกนะว่าด้วยสาเหตุใด ซึ่งจริงๆเราจะไม่รับก็ได้นะ แต่เพื่อความสบายใจของพี่เขา เพื่อให้ทุกอย่างมันจบ เรารับแอดไป
จากนั้นเขาก็หายไปเป็นพักๆ เราคิดไว้แล้วว่าจะต้องตัดใจ จะต้องใจแข็งที่จะไม่คุยกับเขาอีก เขาทำกับเราขนาดนี้ พออยู่กับแฟนเขาก็หายไป พอเขากลับมาก็ทักเรามา เป็นแบบนี้หลายหนหลายครั้ง จนทำให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมา เรากล้าพูดได้เลยว่าเรารักเขาไปแล้ว เราไม่เคยลืมพี่เขาได้เลยจริงๆ ไม่โทษเขาเลยนะที่เข้ามา เราผิดเอง เราเองตังหากที่ยังรู้สึกรักเขา แม้บทเรียนหลายๆครั้งจะทำให้เรารู้สึกเจ็บที่เขาไม่เคยเรา แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมยังยอม
เพื่อนสนิทที่คุยกันก็พูดกับเราตรงๆนะ ว่าอยากให้เราตัดใจ เลิกคุยกับเขาซะที เพราะทุกครั้งที่เราคุยมันคือความสุขชั่วครู่ แล้วก็เห็นเรากลับมาร้องไห้เสียใจเหมือนเดิม เพราะเขาไม่ได้เลือกเรา เขามีคนของเขาอยู่แล้ว เรื่องนี้เราก็รู้นะ แล้วก็รู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเลิกกันแน่ๆ
จากนั้นเวลาผ่านไปมีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วแฟนเขารู้ พี่เขาก็มาเล่าให้เราฟัง “พี่ขอโทษนะพี่ทำเรื่องอีกแล้ว” แล้วก้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้มั๊ยเหตุการณ์นั้น เราไม่ได้รู้สึกแย่เลยที่แฟนเขารู้ เพราะเป็นเรื่องที่เราบริสุทธิ์ใจ แต่เราเสียใจตรงที่เขากับโยนความผิดมาให้พี่ชายอีกคนที่เราสนิท ซึ่งเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ตอนนั้นเราโมโหมากนะ คิดว่าทำไมพี่ถึงไม่เคยยอมรับในสิ่งที่พี่ทำบ้าง ทำไมพี่ถึงไม่พูดความจริงบ้างทั้งๆที่มันไม่มีอะไร เราต้องเป็นคนไปอธิบายให้พี่อีกคนฟังว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้นะ ขอโทษแล้วขอโทษอีก ขอโทษจริงๆที่ต้องทำให้พี่ต้องลำบากไปด้วย กลับกลายเป็นว่าเราถูกมองแย่ๆไปอีก เป็นประเด็นกับพี่อีกคนอีก เดิมสนิทเป็นพี่เป็นน้องกัน พอไปกินอะไรแล้วการที่โพสเฟสแท็กกันก็เลยดูจะกลายเป็นเรื่องผิด มีคนมาเม้นท์ว่า “แท็กออกสื่อ” ไม่รู้เจตนาหรอกนะว่าเขาจะสื่ออะไร เราเองรู้สึกไม่สบายใจมาก เราเครียด แต่รู้ไหมมีคนนึงพูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องใส่ใจกับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าใครจะมองยังไง พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร พี่โอเคนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าคิดมากปล่อยๆมันไปบ้าง” นี่คือคำพูดที่เราได้ยินจากพี่ชายคนนี้ เฮ้ออ ก็จริงนะ!!! มีเหตุการณ์มากมายที่ทำให้เราต้องเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ เขาเองคงรู้ดี
ยอมรับว่ามีความสุขนะเวลาที่ได้คุยกัน เราทำให้เขาได้ทุกอย่าง เขาอยากได้อะไรเราหาให้ได้ เพียงเพราะอยากเห็นเขามีความสุข อะไรที่จะทำให้เขารู้สึกดี ทำให้ยิ้ม คอยเป็นห่วงตลอดไม่ได้หวังอะไร คิดว่าเราโอเคแล้วที่เป็นแบบนี้เป็นพี่น้องกัน พูดคุยกันได้ เพราะคิดว่าตัวเองควบคุมความรู้สึกได้แล้ว แม้เวลาจะผ่านมานานเป็นปี ความรู้สึกของเราไม่เคยน้อยลงเลย บางครั้งรู้สึกเจ็บมากที่เป็นแบบนี้ จนเคยถามว่า “หนูไม่เข้าใจเลย ทำไมหนูลืมพี่ไม่ได้ซักที หนูเจ็บอะ พี่เข้าใจความรู้สึกหนูบ้างไหม” “เดี๋ยวหนูก็ลืมได้เองแหละ” นี่คือคำตอบที่เราได้ “พี่รักหนูบ้างมั๊ย” นี่คือคำถามที่ออกจากปากในวันที่รู้สึกแย่มากๆกับความสัมพันธ์แบบนี้ “จะให้พี่รักคน 2 คนไปพร้อมกันได้ยังไงจริงมั๊ย?” เจ็บมากกับคำตอบนี้ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากฉันเลย นี่คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมา เราร้องไห้แบบไม่อายเลยแล้วเดินออกมา ความคิดในหัวสมองตอนนั้นคือ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ที่พี่บอกรัก บอกชอบ ที่พี่มาทำดีด้วย คืออะไร คือเราคิดไปเองคนเดียวทั้งหมดเลยหรอ ที่เรายอมทั้งหมดล่ะ ยอมให้คนอื่นมองไม่ดี พอกันที่กับผู้ชายคนนี้ ดีแล้วที่ไม่ได้เดินไปมากกว่านี้ ขอบคุณที่ทำให้เรียนรู้อะไรมากมายนะ ก็ดีที่พูดแบบนี้นะ บอกกับตัวเองตัดใจให้ได้ซะที
ตอนนั้นแฟนเรารู้เรื่อง แต่ก็เป็นช่วงที่เรามีปัญหากันอยู่แล้วทั้งเรื่องงาน เรื่องเงินครอบครัว ทะเลาะกันอยู่แล้ว จึงใช้เหตุผลเหล่านั้นเลือกตัดสินใจที่จะเลิกกับแฟน ไม่ใช่เพราะว่าเมื่อเราไม่มีใคร พี่เขาจะมารักเราได้นะ เเต่เพราะเรารู้สึกผิดมากๆ กับความรู้สึกที่เป็นอยู่ เราลืมพี่เขาไม่ได้เลย เรารู้สึกผิดที่ทำให้คนที่เดินข้างๆเรามาตลอดต้องเสียใจมากขนาดนี้ เพราะเราเห็นแก่ตัว เรามันเเย่มากๆ คิดว่าการเลิกกันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมเลิกกันทั้งๆที่ยังรักกัน
การอยู่คนเดียวมันทำให้เราคิดอะไรได้มากมายเลย ความคิดยังวนเวียนว่าทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนี้นะ ทำไมถึงยอมปล่อยมือคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย คนที่อยู่ข้างๆเรา คนที่คอยดูแลเวลาเราไม่สบาย คนที่รักเรามากที่สุดไปง่ายๆแบบนี้ ใจหนึ่งก็คิดว่า ดีแล้วแหละ เขาอาจจะได้เจอคนที่ดีกว่าเรา คนที่เหมาะสมกว่าเรา ตอนนั้นโทษตัวเองตลอดว่าเรามันเลว เรามันเเย่เอง การอยู่คนเดียวมันทรมานมากเลยนะ กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน พยายามทำงานเพื่อฆ่าเวลา พยายามทำตัวไม่ว่างเพื่อที่จะไม่ต้องคิดมากกับเรื่องนี้อีก ดีแล้วที่อยู่คนเดียว เหมือนเวรกรรมกำลังให้บทเรียนที่มีค่าที่สุดกับชีวิตเรา มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งหมดนี้ไม่โทษที่เขาเข้ามาหรอกนะ โทษตัวเราเองมากกว่า เราผิดที่เรารู้สึกไปเอง เราเชื่อคนง่าย เชื่อทุกอย่างที่เขาพูด ที่เขาทำว่าเป็นห่วงเรา ที่เขาทำดี ที่เขาบอก “ถ้าพี่ไม่มีแฟน พี่ไม่ปล่อยหนูไปแน่” “ทำไมเราเจอกันช้าจัง พี่อยากรักหนูให้มากกว่านี้” คำพวกนี้คงจะเป็นคำที่คอยย้ำเตือนเราว่าอย่าเชื่อใครง่ายๆแบบนี้อีก
ถ้ามีโอกาสได้พูดด้วยซักครั้ง หนูอยากให้พี่เป็นสุภาพบุรุษมมากกว่านี้นะ ยอมรับในสิ่งที่พี่กระทำบ้าง ซื่อสัตย์ในความรู้สึกของตัวเองบ้าง จากนี้ไปคงกลายเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกัน แต่หนูจะไม่เสียใจเลยที่เดินออกมาได้จากความรู้สึกพวกนั้น ช่างเถอะที่เราเคยถูกใครมองเเย่ๆ ช่างเถอะที่เคยเสียใจให้นะ!!!
“อย่ายอมเป็นเศษให้เขาเกินเลยทางกลับบ้านของเขามี เรามันแค่ปั๊มข้างทางมาจอดเเวะแล้วก็จากไป วันใดที่ปี๊มน้ำมันเรียกร้องอยากจะเป็นบ้าน ก็ต้องทุกข์ทรมานไป เพราะยังไงเขาก็ต้องกลับไปบ้านอยู่ดี” นี่เป็นบทความหนึ่งที่เราเคยอ่านเจอและเตือนสติเราได้ดี
ตอนนี้เราเสียคนที่เรารักและคนที่รักเรามากที่สุดไปแล้ว ไม่รู้เลยอนาคตจะเป็ฯยังไง ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกเดิมๆกลับมา เพื่อทดแทนความรู้สึกของเธอได้ไหม เราจะทำให้ดีกว่าเดิม แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจเธอ ไม่ว่าจะต้องเดินทางใด เราจะเดินไปให้มั่นคงกว่าเดิม
#คำยินดี
กาลเวลาพิสูจน์คน ?
จริงๆความรัก มันก็แปลกนะ ทำให้เราทำอะไรได้มากมายเลย ทำให้เราสุข ทำให้เราทุกข์ เสียใจรองไห้ ทำให้เรายอมทำร้ายความรู้สึกของคนอีกคนได้
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเรามีแฟนที่คบกันมา 4 ปีกว่า ผ่านทุกข์สุขมาด้วยกันมากมาย อยู่ข้างๆกันตลอด มีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง ไม่ใส่ใจกันบ้างในบางเวลาตามประสาคนเป็นแฟนกัน
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เราทะเลาะกันบ่อย น้อยใจกันบ่อย จนรู้สึกเหนื่อยๆ รวมกับช่วงนั้นงานของเราทั้ง 2 คนก็หนัก ต่างคนต่างทำงานเหนื่อย ต่างคนก็อยากระบายให้กันฟังเวลาเลิกงาน งานเราคือการดูแลคนไข้ ซึ่งแน่นอนว่าวันนึงเราต้องพบเจอกับเรื่องมากมาย ทั้งคนไข้ ญาติคนไข้ เพื่อนร่วมงาน ความรู้สึกมันอึดอัด มันเหนื่อย มันท้อ เราก็ชอบงอแงร้องไห้กับเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ แฟนเองก็เครียดกับงาน เเต่เขาเลือกที่จะไม่มางอแงกับเรา เพราะเขาเองก็รู้ว่าเราเหนื่อยแล้ว ซึ่งสิ่งที่เขาทำคือการเลิกงานมาแล้วก็เล่นเกมส์ เล่นจนไม่มีเวลาให้เรา ก็เริ่มคุยกันน้อยลง
แล้วก็เป็นช่วงที่มีพี่คนนึงเข้ามาในชีวิต เป็นพี่ที่เรารู้จักชื่อ เคยเห็นบ้างแต่ไม่เคยได้มีโอกาสคุยกัน มีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ขณะนั่งรถตู้คนขับก็ขับน่ากลัวมาก เราก็รู้สึกกลัวๆ โพสเรื่องราวนั้นลงไปในเฟส แล้วพี่เขาก็ทักมาคุยเป็นครั้งแรก สอบถามเรื่องราวว่าเป็นยังไง จะไปไหน ดูแลตัวเองด้วยนะ เห็นโพสไม่ค่อยดีก็รู้สึกเป็นห่วง จากนั้นก็ได้มีโอกาสคุยกันเรื่อยๆ เรื่องงานบ้าง เรื่องส่วนตัว เรื่องทั่วๆไปบ้าง ก็เคยได้ยินมานะว่าพี่คนนี้เขาปลื้มเรามานานแล้ว ก็มีเพื่อนมีพี่มาบอก แต่ตอนนั้นที่คุยกันเราก็ไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่าเป็นพี่น้องกันปกติไม่ได้รู้สึกเกินเลยอะไร เพราะรู้ว่าต่างคนก็มีแฟนอยู่แล้ว
เมื่อเวลาผ่านไป พี่เขาเริ่มทำดีกับเรามากขึ้น เอาขนมมาให้บ้าง เลิกงานก็เดินไปส่งหน้าหอบ้าง ทั้งๆที่พี่เขายังทำงานไม่เสร็จ ไปส่งทำงานบ้าง คอยรับฟัง ให้กำลังใจเรื่องงาน คอยเป็นห่วงเราอยู่ตลอด ได้คุยกันมากขึ้น ชีวิตดูมีอะไรที่คล้ายๆกันมาก นั้นคงเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกกัน สามารถพูดคุยหรือระบายเรื่องที่เราต่างไม่สบายใจให้กันฟังได้ทุกเรื่อง รู้สึกเป็นตัวเองทุกครั้งที่ได้คุยกัน
ทุกครั้งที่ได้คุย ได้เจอกัน ความรู้สึกมันเริ่มข้ามเส้นไปเรื่อยๆ เราต่างพยายามดึงความรู้สึกของตัวเองกลับมา เพราะคิดว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ เราตกลงกันหลายรอบที่จะไม่คุยกัน ก็รู้สึกแย่ๆทุกครั้งนะที่รู้ว่าจะไม่ได้คุยกันแล้ว แต่เราก็ต้องยอมเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าการเลือกทำตามหัวใจตัวเอง แต่ก็เพราะหัวใจทำให้เราตัดกันไม่ได้ซะที พอเขาทักมาเราก็เริ่มกลับมารู้สึกแบบเดิมอีกครั้ง
รู้ตัวอีกที...ก็มีเรื่องเข้ามามากมาย ก็คงมีคนที่ไปบอก ไปเล่าให้ฟัง เรากลายเป็นมือที่ 3 ที่ทำให้เขาต้องทะเลาะกันแฟน เราเองก็รู้สึกแย่มากๆเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าสิ่งที่เขาพูดกับแฟนเขาว่าอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เราพูดกับใครๆที่เข้ามาถามคือพี่เขาไม่ผิด ไม่เคยพูดไม่ดี พูดร้ายใส่เขาเลยซักครั้ง แต่สิ่งที่เราได้รับรู้กลับมาคือ แฟนเขาถามเราว่าทำไมต้องไปคุยกับแฟนเขาก่อน ทำไมต้องไปยุ่งกับแฟนเขาก่อน ไปอ่อยแฟนเขาหรอ คุยแบบนี้ไปทั่วสินะ เรารู้สึกเสียใจนะที่รับรู้แบบนี้ คิดในใจว่าทำไมต้องเจอแบบนี้ ทำไมพี่ไม่ปกป้องเราบ้าง ถึงเวลานั้น เราบริสุทธิ์ใจนะ เราอยากคุยอยากเคลียร์กับแฟนเขาให้รู้เรื่องจะได้จบกันไป เพราะเราเองเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่ก็ถูกพี่เขาห้ามว่าไม่ให้คุย พี่รู้นิสัยแฟนพี่ดี จนเรื่องก็ผ่านไปซักระยะกว่าจะได้เคลียร์กันจริงๆ
หลังเกิดเรื่องห่างกันไป เค้าก็เหมือนกับพยายามไปง้อแฟน ไปทำดีกับแฟน เราก็โอเคนะก็คิดว่าดีแล้วแหละที่เป็นแบบนี้ แต่ทุกวันที่ผ่านไปก็ยังลืมพี่เขาไม่ไได้อยู่ดี มันรู้สึกทรมานนะ กับคนที่รู้สึกไปแล้ว คิดว่าเป็นห่วงอยู่ห่างๆแบบนี้คงดีกว่า ตอนนั้นเราไม่มีช่องทางที่จะติดต่อกันแล้ว ไม่ได้รับรู้เรื่องของเขาอีกเลย จนกระทั้งวันหนึ่งยังจำได้ขึ้นใจ ขณะทำงานอยู่มีข้อความเหมือน WathsApp ส่งมาว่ามีบุคคลนึงชวนให้คุณใช้ ก็เลยโหลดแอปมา เห็นชื่อที่ขึ้นก็แอบดีใจนะว่าเป็นชื่อพี่เขา แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาคงอยากคุยกับเรา พิมพ์มาประมาณว่า ทำงานมั๊ย? พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ก็โทร WhatsApp มา คำพูดที่เราได้รับคือ “แฟนพี่ไม่ยอมคืนดีเลย เขาโกรธพี่มาก แล้วพี่ก็ดันลบแชทที่เราคุยกันไปแล้ว พี่จะทำไงดี เดี๋ยวเขาจะใช้เฟสพี่ทักไปคุยกับหนูนะ หนูก็ตอบไปประมาณนี้นะ” ก็พยายามให้เราพูดตามคำตอบที่เขาคิดไว้ ตอนนั้นน้ำตาเราไหลแบบไม่รู้ตัวเลย เข้าใจไหมคะมันรู้สึกเจ็บมากนะที่ได้ยินแบบนั้น “ให้หนูช่วยอะไรได้มั๊ย? พี่ถึงจะดีกัน แชทของหนูก็ยังอยู่นะ ไม่ได้ลบ ให้หนูแคปไปให้มั๊ย เอาไปให้พี่เขาดูจะได้โอเค” เราพูดทั้งน้ำตา แต่ก็พยายามทำน้ำเสียงเข้มแข็งไม่ให้เขารู้ “ได้ครับ หนูแคปแล้วส่งมาให้พี่ดูก่อนนะ แล้วพี่จะส่งกลับไปให้ ให้เอาอันที่พี่ส่งให้ส่งให้แฟนพี่ดูนะ” คิดในใจทำไมเราต้องทนเจ็บขนาดนี้นะ ไปหมดแล้วสติในการทำงาน มีอีกหลายๆเรื่องมาก ที่ทำให้เรารู้สึกว่าทำไมพี่เขาไม่แคร์ความรู้สึกเราบ้าง นี่หรอคนที่เราคอยปกป้องมาตลอด นี่หรอคนที่เรารู้สึกดีด้วย หลังจากนั้นก็มีเพื่อนของเเฟนพี่เขาแอดเฟสมา ไม่รู้หรอกนะว่าด้วยสาเหตุใด ซึ่งจริงๆเราจะไม่รับก็ได้นะ แต่เพื่อความสบายใจของพี่เขา เพื่อให้ทุกอย่างมันจบ เรารับแอดไป
จากนั้นเขาก็หายไปเป็นพักๆ เราคิดไว้แล้วว่าจะต้องตัดใจ จะต้องใจแข็งที่จะไม่คุยกับเขาอีก เขาทำกับเราขนาดนี้ พออยู่กับแฟนเขาก็หายไป พอเขากลับมาก็ทักเรามา เป็นแบบนี้หลายหนหลายครั้ง จนทำให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมา เรากล้าพูดได้เลยว่าเรารักเขาไปแล้ว เราไม่เคยลืมพี่เขาได้เลยจริงๆ ไม่โทษเขาเลยนะที่เข้ามา เราผิดเอง เราเองตังหากที่ยังรู้สึกรักเขา แม้บทเรียนหลายๆครั้งจะทำให้เรารู้สึกเจ็บที่เขาไม่เคยเรา แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมยังยอม
เพื่อนสนิทที่คุยกันก็พูดกับเราตรงๆนะ ว่าอยากให้เราตัดใจ เลิกคุยกับเขาซะที เพราะทุกครั้งที่เราคุยมันคือความสุขชั่วครู่ แล้วก็เห็นเรากลับมาร้องไห้เสียใจเหมือนเดิม เพราะเขาไม่ได้เลือกเรา เขามีคนของเขาอยู่แล้ว เรื่องนี้เราก็รู้นะ แล้วก็รู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะเลิกกันแน่ๆ
จากนั้นเวลาผ่านไปมีอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วแฟนเขารู้ พี่เขาก็มาเล่าให้เราฟัง “พี่ขอโทษนะพี่ทำเรื่องอีกแล้ว” แล้วก้เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น แต่รู้มั๊ยเหตุการณ์นั้น เราไม่ได้รู้สึกแย่เลยที่แฟนเขารู้ เพราะเป็นเรื่องที่เราบริสุทธิ์ใจ แต่เราเสียใจตรงที่เขากับโยนความผิดมาให้พี่ชายอีกคนที่เราสนิท ซึ่งเขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ตอนนั้นเราโมโหมากนะ คิดว่าทำไมพี่ถึงไม่เคยยอมรับในสิ่งที่พี่ทำบ้าง ทำไมพี่ถึงไม่พูดความจริงบ้างทั้งๆที่มันไม่มีอะไร เราต้องเป็นคนไปอธิบายให้พี่อีกคนฟังว่าเหตุการณ์เป็นแบบนี้นะ ขอโทษแล้วขอโทษอีก ขอโทษจริงๆที่ต้องทำให้พี่ต้องลำบากไปด้วย กลับกลายเป็นว่าเราถูกมองแย่ๆไปอีก เป็นประเด็นกับพี่อีกคนอีก เดิมสนิทเป็นพี่เป็นน้องกัน พอไปกินอะไรแล้วการที่โพสเฟสแท็กกันก็เลยดูจะกลายเป็นเรื่องผิด มีคนมาเม้นท์ว่า “แท็กออกสื่อ” ไม่รู้เจตนาหรอกนะว่าเขาจะสื่ออะไร เราเองรู้สึกไม่สบายใจมาก เราเครียด แต่รู้ไหมมีคนนึงพูดว่า “ไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องใส่ใจกับคนที่ไม่รู้จักเรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นไม่ว่าใครจะมองยังไง พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร พี่โอเคนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก อย่าคิดมากปล่อยๆมันไปบ้าง” นี่คือคำพูดที่เราได้ยินจากพี่ชายคนนี้ เฮ้ออ ก็จริงนะ!!! มีเหตุการณ์มากมายที่ทำให้เราต้องเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ เขาเองคงรู้ดี
ยอมรับว่ามีความสุขนะเวลาที่ได้คุยกัน เราทำให้เขาได้ทุกอย่าง เขาอยากได้อะไรเราหาให้ได้ เพียงเพราะอยากเห็นเขามีความสุข อะไรที่จะทำให้เขารู้สึกดี ทำให้ยิ้ม คอยเป็นห่วงตลอดไม่ได้หวังอะไร คิดว่าเราโอเคแล้วที่เป็นแบบนี้เป็นพี่น้องกัน พูดคุยกันได้ เพราะคิดว่าตัวเองควบคุมความรู้สึกได้แล้ว แม้เวลาจะผ่านมานานเป็นปี ความรู้สึกของเราไม่เคยน้อยลงเลย บางครั้งรู้สึกเจ็บมากที่เป็นแบบนี้ จนเคยถามว่า “หนูไม่เข้าใจเลย ทำไมหนูลืมพี่ไม่ได้ซักที หนูเจ็บอะ พี่เข้าใจความรู้สึกหนูบ้างไหม” “เดี๋ยวหนูก็ลืมได้เองแหละ” นี่คือคำตอบที่เราได้ “พี่รักหนูบ้างมั๊ย” นี่คือคำถามที่ออกจากปากในวันที่รู้สึกแย่มากๆกับความสัมพันธ์แบบนี้ “จะให้พี่รักคน 2 คนไปพร้อมกันได้ยังไงจริงมั๊ย?” เจ็บมากกับคำตอบนี้ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากฉันเลย นี่คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดแล้ว มีแต่น้ำตาที่ไหลออกมา เราร้องไห้แบบไม่อายเลยแล้วเดินออกมา ความคิดในหัวสมองตอนนั้นคือ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร ที่พี่บอกรัก บอกชอบ ที่พี่มาทำดีด้วย คืออะไร คือเราคิดไปเองคนเดียวทั้งหมดเลยหรอ ที่เรายอมทั้งหมดล่ะ ยอมให้คนอื่นมองไม่ดี พอกันที่กับผู้ชายคนนี้ ดีแล้วที่ไม่ได้เดินไปมากกว่านี้ ขอบคุณที่ทำให้เรียนรู้อะไรมากมายนะ ก็ดีที่พูดแบบนี้นะ บอกกับตัวเองตัดใจให้ได้ซะที
ตอนนั้นแฟนเรารู้เรื่อง แต่ก็เป็นช่วงที่เรามีปัญหากันอยู่แล้วทั้งเรื่องงาน เรื่องเงินครอบครัว ทะเลาะกันอยู่แล้ว จึงใช้เหตุผลเหล่านั้นเลือกตัดสินใจที่จะเลิกกับแฟน ไม่ใช่เพราะว่าเมื่อเราไม่มีใคร พี่เขาจะมารักเราได้นะ เเต่เพราะเรารู้สึกผิดมากๆ กับความรู้สึกที่เป็นอยู่ เราลืมพี่เขาไม่ได้เลย เรารู้สึกผิดที่ทำให้คนที่เดินข้างๆเรามาตลอดต้องเสียใจมากขนาดนี้ เพราะเราเห็นแก่ตัว เรามันเเย่มากๆ คิดว่าการเลิกกันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยเราก็ได้ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็ต้องยอมเลิกกันทั้งๆที่ยังรักกัน
การอยู่คนเดียวมันทำให้เราคิดอะไรได้มากมายเลย ความคิดยังวนเวียนว่าทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนี้นะ ทำไมถึงยอมปล่อยมือคนที่ผ่านอะไรมาด้วยกันมากมาย คนที่อยู่ข้างๆเรา คนที่คอยดูแลเวลาเราไม่สบาย คนที่รักเรามากที่สุดไปง่ายๆแบบนี้ ใจหนึ่งก็คิดว่า ดีแล้วแหละ เขาอาจจะได้เจอคนที่ดีกว่าเรา คนที่เหมาะสมกว่าเรา ตอนนั้นโทษตัวเองตลอดว่าเรามันเลว เรามันเเย่เอง การอยู่คนเดียวมันทรมานมากเลยนะ กว่าจะผ่านไปแต่ละวัน พยายามทำงานเพื่อฆ่าเวลา พยายามทำตัวไม่ว่างเพื่อที่จะไม่ต้องคิดมากกับเรื่องนี้อีก ดีแล้วที่อยู่คนเดียว เหมือนเวรกรรมกำลังให้บทเรียนที่มีค่าที่สุดกับชีวิตเรา มันเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งหมดนี้ไม่โทษที่เขาเข้ามาหรอกนะ โทษตัวเราเองมากกว่า เราผิดที่เรารู้สึกไปเอง เราเชื่อคนง่าย เชื่อทุกอย่างที่เขาพูด ที่เขาทำว่าเป็นห่วงเรา ที่เขาทำดี ที่เขาบอก “ถ้าพี่ไม่มีแฟน พี่ไม่ปล่อยหนูไปแน่” “ทำไมเราเจอกันช้าจัง พี่อยากรักหนูให้มากกว่านี้” คำพวกนี้คงจะเป็นคำที่คอยย้ำเตือนเราว่าอย่าเชื่อใครง่ายๆแบบนี้อีก
ถ้ามีโอกาสได้พูดด้วยซักครั้ง หนูอยากให้พี่เป็นสุภาพบุรุษมมากกว่านี้นะ ยอมรับในสิ่งที่พี่กระทำบ้าง ซื่อสัตย์ในความรู้สึกของตัวเองบ้าง จากนี้ไปคงกลายเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกัน แต่หนูจะไม่เสียใจเลยที่เดินออกมาได้จากความรู้สึกพวกนั้น ช่างเถอะที่เราเคยถูกใครมองเเย่ๆ ช่างเถอะที่เคยเสียใจให้นะ!!!
“อย่ายอมเป็นเศษให้เขาเกินเลยทางกลับบ้านของเขามี เรามันแค่ปั๊มข้างทางมาจอดเเวะแล้วก็จากไป วันใดที่ปี๊มน้ำมันเรียกร้องอยากจะเป็นบ้าน ก็ต้องทุกข์ทรมานไป เพราะยังไงเขาก็ต้องกลับไปบ้านอยู่ดี” นี่เป็นบทความหนึ่งที่เราเคยอ่านเจอและเตือนสติเราได้ดี
ตอนนี้เราเสียคนที่เรารักและคนที่รักเรามากที่สุดไปแล้ว ไม่รู้เลยอนาคตจะเป็ฯยังไง ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกเดิมๆกลับมา เพื่อทดแทนความรู้สึกของเธอได้ไหม เราจะทำให้ดีกว่าเดิม แต่ทุกอย่างอยู่ที่ใจเธอ ไม่ว่าจะต้องเดินทางใด เราจะเดินไปให้มั่นคงกว่าเดิม
#คำยินดี