
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ 2 แล้วนะคะ
เนื่องจาก จขกท ทำงานเกี่ยวกับ หลังคาและกันสาด จึงได้มีโอกาสได้พบปะและพูดคุยกับลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้าน เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแดดและความร้อน บทความนี้เป็นสิ่งที่รวบรวมมาจากประสบการณ์ และหาข้อมูลเพิ่มของ จขกท เอง ข้อมูลอาจไม่ครบหรือละเอียดเท่าเอกสารวิชาการ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ หรือมีสมาชิกท่านใด อยากเสริมหรือแก้ไขก็สามารถทำได้เลยนะคะ
บทความนี้จะเกี่ยวกับความสำคัญเกี่ยวกับแดดในช่วงเวลาต่างๆค่ะ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสำคัญมากต่อการเลือกตำแหน่งและทิศทางของบ้าน การวางผังของบ้าน และการต่อเติมกันสาดหรือหลังคาค่ะ
ช่วงเวลา และองศาของแดดในแต่ละวัน
ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกในตอนเช้า และตกทางทิศตะวันตกในตอนเย็น แดดในช่วงเช้า-สาย จะทำมุมองศาต่ำเริ่มจากเส้นขอบฟ้าส่องมาทางทิศตะวันออก และจะทำมุมองศาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงบริเวณกลางศีรษะช่วงเวลาประมาณเที่ยงวัน และจะเริ่มทำมุมองศาต่ำลงเรื่อยๆไปในทางทิศตะวันตก จนกระทั่งลับขอบฟ้าไปตอนช่วงเย็นของแต่ละวัน
แดดในช่วงเวลาต่างๆของปี (Sunpath Diagram : แผนภาพวิถีโคจรดวงอาทิตย์)
ในส่วนนี้ จขกท ได้ทำการหาข้อมูล เพิ่มผ่านทางเว็บไซต์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://suncalc.net ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้คำนวณทิศทางของแดด ณ ช่วงเวลาต่างๆของปี โดยในบทความนี้จะ
ไม่กล่าวถึง Summer solstice, Winter solstice และองศาแดดแบบละเอียดเป็นตัวเลขนะคะ เพื่อความง่ายในการเข้าใจ จขกท เลือกวันที่ 1 ของแต่ละเดือนมาเป็นข้อมูลอ้างอิงนะคะ โดยได้ทำการแยก แผนภาพดวงอาทิตย์ของ 1 ปี ออกเป็น 2 ช่วง คือ เดือนมกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม
หลายๆท่านอาจจะดูไม่เข้าใจว่ารูปกลมๆ2อัน มีขีดอะไรเต็มไปหมด สื่อถึงอะไร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วิธีดูแผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่า แผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง โดย แผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วนดังนี้

ถ้าดู แผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ประกอบกับ แผนภาพช่วงเวลา แสะองศาแดด จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
หลังจากเราดูแผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ เป็นแล้ว เรามาลองดูของจริงกันดูค่ะ
แผนภาพวิถีโคจรดวงอาทิตย์ เดือน มกราคม – มิถุนายน
เริ่มจากเดือนมกราคม เส้นทางวิถีวงโคจรของดวงอาทิตย์ จะค่อยๆขยับจากทิศใต้ขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆ โดยช่วงสิ้นเดือน เมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม วิถีวงโคจรของด้วยอาทิตย์จะเปลี่ยนจากการอ้อมทางทิศใต้มาเป็นทางทิศเหนือ และจากนี้จนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ดวงอาทิตย์จะมีวิถีวงโคจรอ้อมทางทิศเหนือ
แผนภาพวิถีโคจรดวงอาทิตย์ เดือน กรกฎาคม – ธันวาคม
หลังจากที่วิถีโคจรของดวงอาทิตย์เปลี่ยนจากการอ้อมทางทิศใต้ มาเป็นการอ้อมทางทิศเหนือช่วงสิ้นเดือน เมษายน ดวงอาทิตย์จะอ้อมทางทิศเหนือ และจะขยับองศาขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดที่เดือนกรกฎาคม และหลังจากนั้นจะค่อยๆขยับลงมาทางทิศใต้ จนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม วีถีวงโคจรจะเปลี่ยนกลับมาอ้อมทางทิศใต้อีกครั้ง และจะเพิ่มองศาไปเรื่อยๆจนถึงจุดสูงสุดช่วงสิ้นเดือนธันวาคม-ต้นเดือนมกราคม โดยจะวนเวียนในลักษณะนี้ทุกๆปี
สรุป ลักษณะแดดในทิศต่างๆ
ทิศตะวันออก – ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเวลา เช้า-สาย โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาต่ำ (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวราบ)
ทิศตะวันตก – ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเวลา บ่าย-เย็น โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาต่ำ (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวราบ)
ทิศเหนือ– ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (4เดือน/ปี) โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาสูง (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวดิ่ง)
ทิศใต้– ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเดือนกันยายน – เมษายน (8เดือน/ปี) โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาสูง (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวดิ่ง)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเลือกทิศทาง และวางผังห้องให้สัมพันธ์กับทิศทางต่างๆ
ด้วยสาเหตุจาก แดดและความร้อนของทิศต่างๆ ในช่วงเวลาต่างๆ ไม่เท่ากัน ส่งผลต่อการใช้งานของบ้านและห้องต่างๆอีกด้วย การเลือกวางห้องในตำแหน่งที่เหมาะสม นอกจากจะทำให้บ้านนั้นอยู่สบายมากกว่า และยังช่วยประหยัดค่าไฟในกรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศอีกด้วย
โดยการจัดวางผังห้องนั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงทิศทางของแดด ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องคำนึงอีก เช่น ความสัมพันธ์ของการใช้งาน เป็นต้น ในเบื้องต้นนั้นการจัดวางห้องให้เหมาะสมตามทิศทางต่างๆจะเป็นดังนี้ค่ะ
1.ห้องที่ใช้งานประเภทอยู่อาศัย ที่ไม่ต้องการให้ร้อน ควรจะวางอยู่ทางทิศเหนือ
เนื่องจากทิศเหนือ เป็นทิศที่จะถูกแสงอาทิตย์โดยตรงน้อยที่สุด ยกเว้น ช่วง 4 เดือน ที่ดวงอาทิตย์อ้อมทางเหนือ ทำให้ทิศเหนือเป็นทิศที่เหมาะสมในการเลือกวางห้องที่ใช้อยู่อาศัย เช่น ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น สำหรับบ้านที่หันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ รถที่จอดตรงที่จอดรถจะตากแดดน้อยกว่าบ้านที่มีรถจอดทางทิศอื่นด้วยค่ะ
2.ห้องที่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ควรวางอยู่ทางทิศใต้
ตรงข้ามกับทิศเหนือ ทิศใต้จะได้รับแสงอาทิตย์มากถึง 8 เดือนใน 1 ปี ทำให้เป็นทิศที่ร้อน ไม่เหมาะแก่การวาง ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ห้องที่เหมาะแก่การวางในตำแหน่งทิศใต้คือห้องที่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศํย เช่น ห้องเก็บของ ห้องน้ำ หรือ ห้องครัว เพื่อใช้เป็น โซนกักความร้อน (Buffer Zone) ไม่ให้ความร้อนถูกส่งไปถึงบริเวณที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ทิศใต้ยังเหมาะแก่การทำลานตากผ้า เนื่องจากแดดจะส่องมาทางทิศใต้เกือบตลอดทั้งปี
3.ห้องที่ใช้เวลากลางคืน ควรวางอยู่ทางทิศตะวันออก
ทิศตะวันออก เป็นอีกทิศที่เหมาะแก่การวางห้องประเภทที่อยู่อาศัย และห้องที่จะมีการใช้งานช่วงกลางคืน เนื่องจากทิศตะวันออกจะได้รับแสงอาทิตย์ ช่วงเช้า-เที่ยง เป็นช่วงเวลาสั้นๆในแต่ละวัน ทำให้การใช้งานห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ที่มักจะใช้ช่วงเย็น-กลางคืน ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนจากแดดช่วงเช้า
4.ทิศตะวันตก ใช้เป็น Buffer Zone
ทิศตะวันตก เป็นทิศที่ได้รับแดดช่วงบ่ายทุกวัน ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นที่ตั้งของห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น เนื่องจากความร้อนสะสมจากแดดในช่วงบ่าย จะทำให้ห้องเหล่านี้ร้อนแม้เป็นเวลากลางคืน ละถ้ามีการติดเครื่องปรับอากาศที่ห้องเหล่านี้ ก็จะทำให้เปลืองค่าไฟอีกด้วย ห้องที่วางทางทิศตะวันตกควรเป็นห้องประเภทห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องเก็บของ เพื่อใช้เป็น Buffer Zone และใช้เป็นลานตากผ้า
นี่เป็นทั้งหมดของบทความนี้ค่ะ ครั้งหน้าจะเป็นการแนะนำการเลือกใช้กันสาด หรือระแนงให้เหมาะสมกับแดดในทิศต่างๆ บทความนี้เป็นการเขียนจากประสบการณ์เป็นส่วนมาก ถ้ามีการผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้ามีข้อเสนอแนะ ข้อติชม สามารถพิมไว้ในคอมเม้นได้เลยนะคะ


ทิศแดดนั้นสำคัญไฉน???
สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ 2 แล้วนะคะ
เนื่องจาก จขกท ทำงานเกี่ยวกับ หลังคาและกันสาด จึงได้มีโอกาสได้พบปะและพูดคุยกับลูกค้าที่เป็นเจ้าของบ้าน เกี่ยวกับปัญหาเรื่องแดดและความร้อน บทความนี้เป็นสิ่งที่รวบรวมมาจากประสบการณ์ และหาข้อมูลเพิ่มของ จขกท เอง ข้อมูลอาจไม่ครบหรือละเอียดเท่าเอกสารวิชาการ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยนะคะ หรือมีสมาชิกท่านใด อยากเสริมหรือแก้ไขก็สามารถทำได้เลยนะคะ
บทความนี้จะเกี่ยวกับความสำคัญเกี่ยวกับแดดในช่วงเวลาต่างๆค่ะ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้ว่ามันสำคัญมากต่อการเลือกตำแหน่งและทิศทางของบ้าน การวางผังของบ้าน และการต่อเติมกันสาดหรือหลังคาค่ะ
ช่วงเวลา และองศาของแดดในแต่ละวัน
ทุกคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกในตอนเช้า และตกทางทิศตะวันตกในตอนเย็น แดดในช่วงเช้า-สาย จะทำมุมองศาต่ำเริ่มจากเส้นขอบฟ้าส่องมาทางทิศตะวันออก และจะทำมุมองศาสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงบริเวณกลางศีรษะช่วงเวลาประมาณเที่ยงวัน และจะเริ่มทำมุมองศาต่ำลงเรื่อยๆไปในทางทิศตะวันตก จนกระทั่งลับขอบฟ้าไปตอนช่วงเย็นของแต่ละวัน
แดดในช่วงเวลาต่างๆของปี (Sunpath Diagram : แผนภาพวิถีโคจรดวงอาทิตย์)
ในส่วนนี้ จขกท ได้ทำการหาข้อมูล เพิ่มผ่านทางเว็บไซต์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ใช้คำนวณทิศทางของแดด ณ ช่วงเวลาต่างๆของปี โดยในบทความนี้จะไม่กล่าวถึง Summer solstice, Winter solstice และองศาแดดแบบละเอียดเป็นตัวเลขนะคะ เพื่อความง่ายในการเข้าใจ จขกท เลือกวันที่ 1 ของแต่ละเดือนมาเป็นข้อมูลอ้างอิงนะคะ โดยได้ทำการแยก แผนภาพดวงอาทิตย์ของ 1 ปี ออกเป็น 2 ช่วง คือ เดือนมกราคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ธันวาคม
หลายๆท่านอาจจะดูไม่เข้าใจว่ารูปกลมๆ2อัน มีขีดอะไรเต็มไปหมด สื่อถึงอะไร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วิธีดูแผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ไม่ได้ดูยากอย่างที่คิด
ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจว่า แผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยอะไรบ้าง โดย แผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยส่วนประกอบ 3 ส่วนดังนี้
หลังจากเราดูแผนภาพวีถีวงโคจรดวงอาทิตย์ เป็นแล้ว เรามาลองดูของจริงกันดูค่ะ
เริ่มจากเดือนมกราคม เส้นทางวิถีวงโคจรของดวงอาทิตย์ จะค่อยๆขยับจากทิศใต้ขึ้นมาทางเหนือเรื่อยๆ โดยช่วงสิ้นเดือน เมษายน – ต้นเดือนพฤษภาคม วิถีวงโคจรของด้วยอาทิตย์จะเปลี่ยนจากการอ้อมทางทิศใต้มาเป็นทางทิศเหนือ และจากนี้จนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม ดวงอาทิตย์จะมีวิถีวงโคจรอ้อมทางทิศเหนือ
หลังจากที่วิถีโคจรของดวงอาทิตย์เปลี่ยนจากการอ้อมทางทิศใต้ มาเป็นการอ้อมทางทิศเหนือช่วงสิ้นเดือน เมษายน ดวงอาทิตย์จะอ้อมทางทิศเหนือ และจะขยับองศาขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดที่เดือนกรกฎาคม และหลังจากนั้นจะค่อยๆขยับลงมาทางทิศใต้ จนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม วีถีวงโคจรจะเปลี่ยนกลับมาอ้อมทางทิศใต้อีกครั้ง และจะเพิ่มองศาไปเรื่อยๆจนถึงจุดสูงสุดช่วงสิ้นเดือนธันวาคม-ต้นเดือนมกราคม โดยจะวนเวียนในลักษณะนี้ทุกๆปี
ทิศตะวันออก – ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเวลา เช้า-สาย โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาต่ำ (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวราบ)
ทิศตะวันตก – ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเวลา บ่าย-เย็น โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาต่ำ (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวราบ)
ทิศเหนือ– ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (4เดือน/ปี) โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาสูง (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวดิ่ง)
ทิศใต้– ได้รับแสงอาทิตย์ และความร้อนมากในช่วงเดือนกันยายน – เมษายน (8เดือน/ปี) โดยแสงแดดจะเป็นในลักษณะองศาสูง (แสงเป็นลักษณะค่อนข้างแนวดิ่ง)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
การเลือกทิศทาง และวางผังห้องให้สัมพันธ์กับทิศทางต่างๆ
ด้วยสาเหตุจาก แดดและความร้อนของทิศต่างๆ ในช่วงเวลาต่างๆ ไม่เท่ากัน ส่งผลต่อการใช้งานของบ้านและห้องต่างๆอีกด้วย การเลือกวางห้องในตำแหน่งที่เหมาะสม นอกจากจะทำให้บ้านนั้นอยู่สบายมากกว่า และยังช่วยประหยัดค่าไฟในกรณีที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศอีกด้วย
โดยการจัดวางผังห้องนั้น นอกจากจะต้องคำนึงถึงทิศทางของแดด ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ต้องคำนึงอีก เช่น ความสัมพันธ์ของการใช้งาน เป็นต้น ในเบื้องต้นนั้นการจัดวางห้องให้เหมาะสมตามทิศทางต่างๆจะเป็นดังนี้ค่ะ
1.ห้องที่ใช้งานประเภทอยู่อาศัย ที่ไม่ต้องการให้ร้อน ควรจะวางอยู่ทางทิศเหนือ
เนื่องจากทิศเหนือ เป็นทิศที่จะถูกแสงอาทิตย์โดยตรงน้อยที่สุด ยกเว้น ช่วง 4 เดือน ที่ดวงอาทิตย์อ้อมทางเหนือ ทำให้ทิศเหนือเป็นทิศที่เหมาะสมในการเลือกวางห้องที่ใช้อยู่อาศัย เช่น ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น สำหรับบ้านที่หันหน้าบ้านไปทางทิศเหนือ รถที่จอดตรงที่จอดรถจะตากแดดน้อยกว่าบ้านที่มีรถจอดทางทิศอื่นด้วยค่ะ
2.ห้องที่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ควรวางอยู่ทางทิศใต้
ตรงข้ามกับทิศเหนือ ทิศใต้จะได้รับแสงอาทิตย์มากถึง 8 เดือนใน 1 ปี ทำให้เป็นทิศที่ร้อน ไม่เหมาะแก่การวาง ห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น ห้องที่เหมาะแก่การวางในตำแหน่งทิศใต้คือห้องที่ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศํย เช่น ห้องเก็บของ ห้องน้ำ หรือ ห้องครัว เพื่อใช้เป็น โซนกักความร้อน (Buffer Zone) ไม่ให้ความร้อนถูกส่งไปถึงบริเวณที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ทิศใต้ยังเหมาะแก่การทำลานตากผ้า เนื่องจากแดดจะส่องมาทางทิศใต้เกือบตลอดทั้งปี
3.ห้องที่ใช้เวลากลางคืน ควรวางอยู่ทางทิศตะวันออก
ทิศตะวันออก เป็นอีกทิศที่เหมาะแก่การวางห้องประเภทที่อยู่อาศัย และห้องที่จะมีการใช้งานช่วงกลางคืน เนื่องจากทิศตะวันออกจะได้รับแสงอาทิตย์ ช่วงเช้า-เที่ยง เป็นช่วงเวลาสั้นๆในแต่ละวัน ทำให้การใช้งานห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ที่มักจะใช้ช่วงเย็น-กลางคืน ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนจากแดดช่วงเช้า
4.ทิศตะวันตก ใช้เป็น Buffer Zone
ทิศตะวันตก เป็นทิศที่ได้รับแดดช่วงบ่ายทุกวัน ไม่เหมาะที่จะใช้เป็นที่ตั้งของห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น เนื่องจากความร้อนสะสมจากแดดในช่วงบ่าย จะทำให้ห้องเหล่านี้ร้อนแม้เป็นเวลากลางคืน ละถ้ามีการติดเครื่องปรับอากาศที่ห้องเหล่านี้ ก็จะทำให้เปลืองค่าไฟอีกด้วย ห้องที่วางทางทิศตะวันตกควรเป็นห้องประเภทห้องน้ำ ห้องครัว หรือห้องเก็บของ เพื่อใช้เป็น Buffer Zone และใช้เป็นลานตากผ้า
นี่เป็นทั้งหมดของบทความนี้ค่ะ ครั้งหน้าจะเป็นการแนะนำการเลือกใช้กันสาด หรือระแนงให้เหมาะสมกับแดดในทิศต่างๆ บทความนี้เป็นการเขียนจากประสบการณ์เป็นส่วนมาก ถ้ามีการผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้ามีข้อเสนอแนะ ข้อติชม สามารถพิมไว้ในคอมเม้นได้เลยนะคะ