สวัสดีค้าบ เท่ เองคับ เมื่อช่วงวันที่ 25 26 27 ก.พ. 2017 ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวสิงคโปร์กับเพื่อนสุดที่รักอีกคนนึง ซึ่งเป็นทริปสายฟ้าแล๊บมาก จะแล๊บยังไงไปติดตามเลยค้าบ
ก่อนอื่นขอท้าวความนิดนึงเกี่ยวกับความคิด ความเข้าใจ และมุมมองที่มีต่อประเทศนี้ รู้สึกว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่สะอาดมาก ค่าครองชีพแพงมาก มีสิงโตพ่นน้ำ มีมารีน่าเบย์ มีสวนสนุกระดับโลกที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุดคือ Universal Studios ความคิดส่วนตัวคิดว่าเที่ยว 3 วัน ก็เต็มอิ่มแล้ว ทีนี้รีวิวนี้จะพูดถึงเรื่องจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก การเดินทาง สถานที่เที่ยวสำคัญ อาหารการกิน สภาพแวดล้อมของบ้านเมืองเค้า เป็นต้น เริ่มกันเลย...
เริ่มต้นที่เรื่องพาสปอร์ต คนไทยสามารถเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยอยู่ในสิงคโปร์ไม่เกิน 30 วัน ดังนั้นทริปเข้าเรา 2 คืน 3 วัน ชิลมาก อันดับแรกเราก็หาตั๋วในเน็ตหลายเว็บ หลายสายการบิน สรุปมาสยบอยู่ที่สายการบิน TigerAir เพราะเวลาเดินทางปังสุดเหมาะกับทริปของเรามากที่สุด บินออกจากสุวรรณภูมิ 09:05 ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชม. ถึงสิงคโปร์ 12:40 ซึ่งเวลาที่นี่เร็วกว่าไทย 1 ชม. และขากลับก็บินออกจากสิงคโปร์ตอนเย็นๆ เวลา 17:30 และถึงสุวรรณภูมิ 18:55 แม้ว่าจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ แต่เวลาบินสวยงามขนาดนี้ เหมาะกับทริปเราขนาดนี้ เลยสอยมาในราคาแพงมาก 5,250 บาท เพราะเราจองล่วงหน้าแค่ 3 วัน แล้วบินเลย ถ้าใครอยากได้ถูกกว่านี้แนะนำจองล่วงหน้านานกว่านี้
สายการบินนี้โหลดกระเป๋าต้องจ่ายเพิ่ม แต่หิ้วขึ้นเครื่องได้ 2 ใบฟรี รวมน้ำหนักกันไม่เกิน 10 โล ไม่มีอาหารและเครื่องดื่มใดๆเสิร์ฟ ถ้าต้องการก็จ่ายตังเพิ่ม แอร์สจ๊วตสบายๆชิลๆ ใจดี เค้าช่วยหาที่วางกระเป๋าให้เราด้วย ช่วยจัดสัมภาระด้วย ที่นั่งก็คล้ายๆบนรถทัวร์ พอวางขาได้พอดีๆ แต่ที่พิงมันตั้งฉากมากๆ รู้สึกสบายน้อยลง ถ้าใครนั่งแถวก่อนประตูฉุกเฉินกลางลำ เบาะจะปรับเอนไม่ได้
ที่นี้เรื่องที่พัก พวกเราจองผ่าน booking.com พักที่โฮสเทลติดกับสถานี Aljunied นั่งตรงจากสนามบินแล้วมาลงเลย เดินต่อไปอีก 200 เมตรถึงที่พักเลย
พาสปอร์ตพร้อม ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ไปกันเลยยยยย...ยิ้มบานๆ
DAY 1 : My New World

พอถึงสนามบินก็เดินไปดูจอมอนิเตอร์ว่าไฟลท์นี้ เวลานี้ ต้องไปเช็คอินที่เค้าเตอร์ไหน แล้วไปตามนั้น วันนี้ง่วงๆเพราะนอนกันแค่ 4 ชม. แผนวันแรกคือ ถึงสิงคโปร์แล้วเที่ยวเลยจนถึงค่ำ นี่คือสาเหตุที่เราเลือกไฟลท์เช้า พอได้บอร์ดดิ้งพาสก็วิ่งไปซื้อทาโร่จัมโบ้ไปฝากเพื่อนที่ทำงานที่สิงคโปร์ จากนั้นก็เข้าไปข้างในผ่านการตรวจสัมภาระ ตรวจความปลอดภัยต่างๆ (วันนี้เป็นไรไม่รู้ คนเยอะชิ๊บหาย) ตอนแรกเดินชิลๆ แต่ตอนนี้เริ่มร้อนกลัวตกเครื่อง เหลือเวลาอีกประมาณ 40 นาทีถึงเวลาบอร์ด แต่ยังไม่ผ่านขาออกเลย ยังไม่แสกนพาสปอร์ตขาออกเลย พอผ่านทุกด่านก็พากันใส่เกียร์หมาวิ่งร้อยยี่ไปที่เกท (หอบแดรก) สรุปพอไปถึงเค้าเลื่อนเวลาบอร์ด งั้นนั่งพัก เข้าห้องน้ำแล้วถ่ายรูปรอ

ความรู้สึกตอนนั้นคือ ตื่นเต้นที่จะได้ไปเจออะไรใหม่ๆ ตื่นเต้นที่จะได้นั่งเครื่องบิน ตื่นเต้นที่จะได้ไปท่องโลกใบใหม่ ขอให้การเที่ยวนี้เป็นกำลังใจ เป็นความสุข เป็นพลังให้ใครหลายๆคน
ถึงเวลาบอร์ด พี่แอร์ช่วยหาที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อย กราบงามๆ แม่เสือสาว จากนั้นก็นั่งรอเทคออฟ และก็เก็บภาพบรรยากาศบนเครื่องมาฝากด้วยคับ คนเต็มลำ ส่วนมากเป็นคนไทยทั้งนั้น ดูไว้ดีๆเพราะอาจจะไปเที่ยวแล้วเจอกันทุกที่ และอาจจะกลับวันเดียวกัน ไฟลท์เดียวกันด้วย จริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นโคตรบังเอิญ

มีใครเป็นเหมือนกันไหม เวลาได้ยินเสียงเครื่องยนต์มันเริ่มหมุนแรงขึ้น เสียงดังขึ้น พุ่งไปข้างหน้าแรงๆแล้วรู้สึกตื่นเต้น เราคนนึงที่ชอบโมเม้นต์นี้มาก เพราะทำให้รู้สึกว่า ชีวิตก้าวหน้า กว้างไกลไปอีกขั้น อะไรดีๆเล็กๆน้อยๆหรือใหญ่ๆเราสปินหมด ให้ความสำคัญหมด มองให้เห็นทุกความสุข ภาพวิวข้างล่างนี้ใช้มือถือถ่าย SAMSUNG GALXY S6 EDGE

เนื่องจากเมื่อคืนได้นอนแค่ 4 ชม. พอเทคออฟได้ซักพัก พากันหลับ สลบสะไหลตายคาเบาะ 55+ พอมีเสียงประกาศลดระดับลงเตรียมแลนด์ ก็เห็นวิวนี้พอดี นี่หรือแผ่นดินสิงคโปร์ เรือขนส่งสินค้าเต็มไปหมด เพราะเป็นเมืองท่า ที่นี่ต้อนรับเราด้วยวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตื่นเต้นสุดๆ

ถึงแล้วสนามบิน Changi ของเรา แดดจ้าฟ้าแจ่มใส ร้อนไม่แพ้เมืองกรุง

พอเอากระเป๋าตัวเองเรียบร้อยแล้วก็พากันเดินตามๆกันไปผ่าน ตม. เดินตามป้ายไปเรื่อยๆง่ายๆ เจ้าหน้าที่ ตม. ถามเราว่ามากับใคร บอกว่ามากับเพื่อนพร้อมชี้ไปที่เพื่อน ถามว่าพักที่ไหน ก็บอกชื่อโฮสเทลไป จบคับ แต่ภาษาอังกฤษเฮียเค้าฟังยากอ่ะ จนเราต้องขอถามย้ำซ้ำๆ จากนั้นถึงเวลาเดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟใต้ดินสายสีเขียว เดินตามป้าย MRT ไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นตู้ซื้อบัตร


วิธีซื้อคือ เลือกสถานีที่เราจะไป แล้วใส่เงินตามจำนวนที่ระบุในจอ ใช้เหรียญก็ได้ ใช้แบงค์ก็ได้ บัตรจะมีค่ามัดจำ 10 เซ็นต์ ใช้ได้ทั้งหมด 6 ครั้ง ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ใช้บัตรครั้งแรก ถ้าใช้ครบ 3 ครั้ง รับค่ามัดจำคืน ถ้าใช้ครบ 6 ครั้ง ได้ส่วนลด 10 เซ็นต์ ถ้าใช้ครบ 6 ครั้งแล้วบัตรก็ใช้อีกไม่ได้แล้ว แล้วจะทำยังไง? ง่ายๆเลยก็ซื้อใหม่สิคับ 55+ ค่าเดินทางโดย MRT ไม่แพง ง่ายสุด สะดวกสุด ทั่วถึงมาก

พอนั่งมาถึงสถานี Tanah Merah จะต้องเปลี่ยนไปขบวนอื่น ฟังเอาว่าถ้าจะเข้าเมืองต้องออกประตูไหน เพราะสถานีนี้รถไฟจะเปิดประตูทั้งสองด้าน ถ้าฟังไม่ทันก็สังเกตเอาว่านักท่องเที่ยวส่วนมากเค้าลงฝั่งไหน อย่าลงมั่ว สติคับสติ พอเรามาถึงสถานี Aljunied ก็พากันเดินต่อไปอีก 200 เมตร เดินวนอยู่ 2 รอบกว่าจะเจอโฮสเทล ป้ายเล็กโคตร แทบอยากกราบ ทำใหญ่ๆกว่าหน่อยได้ไหม 55+ เช็คอินเรียบร้อย ทีนี้เตรียมตัวออกตะลอนๆ แผนเที่ยววันนี้คือ สิงโตพ่นน้ำ มารีน่าเบย์(ตึกที่มีเรือข้างบน) และการ์เดน บาย เดอะเบย์(ต้นไม้ไฟฟ้า) เราถือคติที่ว่า ของดีๆไม่ต้องรอ ความสุขไม่ต้องรอ ไปสอยมันก่อนเลย แต่ก่อนไปขอเติมพลังก่อน เดินหาของกินแถวนั้น มีร้านข้าวแกง ร้านอาหารจีน บลาๆ สรุปเห็นรูปในเมนูร้านนี้น่ากินมากจัดไป


อิพ่ออิแม่ ทำไมในรูปกับของจริงมันต่างกันยังงี้ แดรกได้ 4-5 คำ สวัสดี กราบลา ราคาประมาณ 4 ดอล ตกประมาณ 100 บาท วินาทีนี้โคตรคิดถึงไทยแลนด์ ร้อยนึงที่บ้านกุกินได้แบบแซบนัวเลยนะ อดขำไม่ได้ อารมณ์ประมาณว่าหิวมาก แต่กลืนไม่ลง เข็ดหลาบ ไม่มากินอีกเลย เมิงได้เห็นหน้าปังๆพวกกุแค่ครั้งเดียวแน่ 55+
ทีนี้เดินไปขึ้น MRT ไปลงสถานี City Hall แล้วเดินเล่นๆแถวนั้น


ถนนหนทางเค้าโล่งมาก สะอาดมาก จะข้ามทางต้องกดปุ่มนี้ด้วย ไม่ใช่จะข้ามตามใจ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ สติคับสติ อย่าเจ๋อ 55+


สถาปัตยกรรมที่นี่มีทั้งแบบสมัยใหม่ แบบตะวันตก จีน อินเดียว บลาๆๆ เพราะเป็นประเทศที่รวมหลายเชื้อชาติ แต่ถ้าเป็นใจกลางเมืองตามรูปที่เห็นนี้ก็จะเป็นแนวตะวันตกกับสมัยใหม่ เนื่องจากเที่ยวสิงคโปร์ครั้งแรก ที่ขาดไม่ได้เลย หนังสือไกด์บุ๊คดีๆซักเล่ม เพราะเราไม่ได้ซื้อซิมที่นั่น เน็ตเล่นไม่ได้ ต้องไปหาต่อไวฟายตามร้านอาหาร และที่สาธารณะเอา

ภาพข้างบนนี้คือ National Gallery Singapore ถ่ายแค่ข้างนอกพอ ไม่ต้องเข้าไปหรอก จากนั้นก็พากันเดินต่อมุ่งหน้าไปที่ Merlion Park พี่สิงโตพ่นน้ำของเรา แต่ทำไมอยู่ดีๆฟ้ามืด ลมแรง ฟ้าฝนกระหน่ำมาวะ? งงแดรก วิ่งหาที่หลบแทบไม่ทัน ฝนที่นี่มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง พกถุง เอ้ย!! พกร่มไว้บ้างก็ดีนะ สุดท้ายพากันรอฝนหยุดที่ National Gallery Singapore ไปก่อน
พอฝนหยุดตกก็พากันเดินเก็บภาพ โอบกอดบรรยากาศดีๆ เห็นอะไรก็ยิ้ม ขนาดฝนตกยังตลกเลย สิ่งที่รักอีกอย่างคือ ถ่ายรูปให้คนอื่น กับให้คนอื่นถ่ายรูปให้ จัดไป ปล.สนใจการเข้าฟิตเนต เพิ่มหุ่น เพิ่มน้ำหนักมาก กำลังหากัลยาณมิตรมาช่วยทำให้หุ่นล่ำคับ เดี๋ยวจะตอบแทนด้วยการสอนภาษาจีน อังกฤษให้


ภาพบนนี้ให้ความรู้สึกจินตนาการไปถึงภาพที่เราได้ไปเที่ยวกรุง Washington DC มันคล้ายกันจริงๆ ภาพมาในหัวละ แสดงว่ากำลังจะได้ไปอเมริกาแน่ๆ 55+ ในขณะที่เพลิดเพลินไปกับการถ่ายรูป อยู่ดีๆ ฝนก็ตกอีกละ อีดวกกก... จะทำอะไรได้ล่ะ ก็พากันวิ่งแจ้นหลบใต้ต้นไม้



จะเห็นว่าเปียกชุ่มไปทั่วทุกที่ ฝนจะหยุดๆตกๆแบบนี้ล่ะ พอเป็นประเทศเกาะ ฝนตกก็เที่ยวไปกับสายฝนนี่ล่ะ สนุกอีกแบบ


สะพานนี้ตอนกลางคืนจะเปิดไปสีสันสวยงามมาก รอดูรูปวิวตอนกลางคืนได้ใน DAY 2 นะค้าบ และภาพข้างล่างเป็นภาพที่เซลฟี่เอง ถ่ายคู่กับเพื่อนสุดที่รักของเราที่ลงทุนลางานมาเที่ยวด้วยกัน จิตใจงามจริงๆ

ภาพมุมนี้แนะนำให้มาถ่ายคับ มันสวยจริงๆ สูดอากาศเข้าลึกๆ ทอดสายตาไปให้ไกล ขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมา

พอเก็บภาพเสร็จก็พากันเดินข้ามสะพานมาบริเวณโรงแรม Fullerton ตรงใจกลางเมือง ดีไซต์สวยดี

ระหว่างที่ยืนรอข้ามทาง ฝนมันตั้งเค้ามาอีกแล้ว มองไปมันกำลังไล่มาทางเราแล้ว แรงด้วย ตายๆๆๆๆ ไฟไม่เขียวให้ข้ามซักที ใส่เกียร์หมารอ เตรียมติดฟรีแล้วออกตัวแรงๆ ยืนจิกขารอ ทันใดนั้นฝนสาดมาเต็มๆ ไฟก็เขียวพอดี นาทีนี้กุต้องรอด วิ่งหน้าแหกไปโดยไม่สนใจใคร สรุปเปียกเหมือนหมาตกน้ำ ฝนรอบนี้ตกแรงมาก นานมาก แต่ตลกที่ตัวเองต้องมาวิ่งๆ หลบๆฝน เป็นการท่องเที่ยวที่แปลกมาก จำไม่มีวันลืม ตอนที่รอฝนหยุดเราก็ไม่ได้เสียเวลาแต่อย่างใด แวะเล่นไวฟายเฉย อัพรูปลงเฟส ฟินๆ นัวๆ
ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ ทีนี้ถึงตาเราออกมาเก็บภาพต่อละ จัดไป มารีน่าเบย์ ฟาดดด...


ใครอยากจะขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้ามารีน่าเบย์ก็ได้ แต่เราไม่ได้ขึ้นไป เพราะแค่นี้ก็รู้สึกฟินละ วันนี้แถมฝนยังตกอีก เดินรอบอ่าว ชนชมบรรยากาศดีกว่า
[CR] เที่ยวสิงคโปร์ 2017 ทริปสายฟ้าแล๊บ 2 คืน 3 วัน สุดฟิน สุดมัน ไม่มีวันลืม
ก่อนอื่นขอท้าวความนิดนึงเกี่ยวกับความคิด ความเข้าใจ และมุมมองที่มีต่อประเทศนี้ รู้สึกว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่สะอาดมาก ค่าครองชีพแพงมาก มีสิงโตพ่นน้ำ มีมารีน่าเบย์ มีสวนสนุกระดับโลกที่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุดคือ Universal Studios ความคิดส่วนตัวคิดว่าเที่ยว 3 วัน ก็เต็มอิ่มแล้ว ทีนี้รีวิวนี้จะพูดถึงเรื่องจองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก การเดินทาง สถานที่เที่ยวสำคัญ อาหารการกิน สภาพแวดล้อมของบ้านเมืองเค้า เป็นต้น เริ่มกันเลย...
เริ่มต้นที่เรื่องพาสปอร์ต คนไทยสามารถเข้าสิงคโปร์ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า โดยอยู่ในสิงคโปร์ไม่เกิน 30 วัน ดังนั้นทริปเข้าเรา 2 คืน 3 วัน ชิลมาก อันดับแรกเราก็หาตั๋วในเน็ตหลายเว็บ หลายสายการบิน สรุปมาสยบอยู่ที่สายการบิน TigerAir เพราะเวลาเดินทางปังสุดเหมาะกับทริปของเรามากที่สุด บินออกจากสุวรรณภูมิ 09:05 ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชม. ถึงสิงคโปร์ 12:40 ซึ่งเวลาที่นี่เร็วกว่าไทย 1 ชม. และขากลับก็บินออกจากสิงคโปร์ตอนเย็นๆ เวลา 17:30 และถึงสุวรรณภูมิ 18:55 แม้ว่าจะเป็นสายการบินต้นทุนต่ำ แต่เวลาบินสวยงามขนาดนี้ เหมาะกับทริปเราขนาดนี้ เลยสอยมาในราคาแพงมาก 5,250 บาท เพราะเราจองล่วงหน้าแค่ 3 วัน แล้วบินเลย ถ้าใครอยากได้ถูกกว่านี้แนะนำจองล่วงหน้านานกว่านี้
สายการบินนี้โหลดกระเป๋าต้องจ่ายเพิ่ม แต่หิ้วขึ้นเครื่องได้ 2 ใบฟรี รวมน้ำหนักกันไม่เกิน 10 โล ไม่มีอาหารและเครื่องดื่มใดๆเสิร์ฟ ถ้าต้องการก็จ่ายตังเพิ่ม แอร์สจ๊วตสบายๆชิลๆ ใจดี เค้าช่วยหาที่วางกระเป๋าให้เราด้วย ช่วยจัดสัมภาระด้วย ที่นั่งก็คล้ายๆบนรถทัวร์ พอวางขาได้พอดีๆ แต่ที่พิงมันตั้งฉากมากๆ รู้สึกสบายน้อยลง ถ้าใครนั่งแถวก่อนประตูฉุกเฉินกลางลำ เบาะจะปรับเอนไม่ได้
ที่นี้เรื่องที่พัก พวกเราจองผ่าน booking.com พักที่โฮสเทลติดกับสถานี Aljunied นั่งตรงจากสนามบินแล้วมาลงเลย เดินต่อไปอีก 200 เมตรถึงที่พักเลย
พาสปอร์ตพร้อม ตั๋วพร้อม ที่พักพร้อม ไปกันเลยยยยย...ยิ้มบานๆ
DAY 1 : My New World
ถึงเวลาบอร์ด พี่แอร์ช่วยหาที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อย กราบงามๆ แม่เสือสาว จากนั้นก็นั่งรอเทคออฟ และก็เก็บภาพบรรยากาศบนเครื่องมาฝากด้วยคับ คนเต็มลำ ส่วนมากเป็นคนไทยทั้งนั้น ดูไว้ดีๆเพราะอาจจะไปเที่ยวแล้วเจอกันทุกที่ และอาจจะกลับวันเดียวกัน ไฟลท์เดียวกันด้วย จริงๆ ไม่ได้ล้อเล่นโคตรบังเอิญ
มีใครเป็นเหมือนกันไหม เวลาได้ยินเสียงเครื่องยนต์มันเริ่มหมุนแรงขึ้น เสียงดังขึ้น พุ่งไปข้างหน้าแรงๆแล้วรู้สึกตื่นเต้น เราคนนึงที่ชอบโมเม้นต์นี้มาก เพราะทำให้รู้สึกว่า ชีวิตก้าวหน้า กว้างไกลไปอีกขั้น อะไรดีๆเล็กๆน้อยๆหรือใหญ่ๆเราสปินหมด ให้ความสำคัญหมด มองให้เห็นทุกความสุข ภาพวิวข้างล่างนี้ใช้มือถือถ่าย SAMSUNG GALXY S6 EDGE
เนื่องจากเมื่อคืนได้นอนแค่ 4 ชม. พอเทคออฟได้ซักพัก พากันหลับ สลบสะไหลตายคาเบาะ 55+ พอมีเสียงประกาศลดระดับลงเตรียมแลนด์ ก็เห็นวิวนี้พอดี นี่หรือแผ่นดินสิงคโปร์ เรือขนส่งสินค้าเต็มไปหมด เพราะเป็นเมืองท่า ที่นี่ต้อนรับเราด้วยวิวที่ยอดเยี่ยมที่สุด ตื่นเต้นสุดๆ
ถึงแล้วสนามบิน Changi ของเรา แดดจ้าฟ้าแจ่มใส ร้อนไม่แพ้เมืองกรุง
พอนั่งมาถึงสถานี Tanah Merah จะต้องเปลี่ยนไปขบวนอื่น ฟังเอาว่าถ้าจะเข้าเมืองต้องออกประตูไหน เพราะสถานีนี้รถไฟจะเปิดประตูทั้งสองด้าน ถ้าฟังไม่ทันก็สังเกตเอาว่านักท่องเที่ยวส่วนมากเค้าลงฝั่งไหน อย่าลงมั่ว สติคับสติ พอเรามาถึงสถานี Aljunied ก็พากันเดินต่อไปอีก 200 เมตร เดินวนอยู่ 2 รอบกว่าจะเจอโฮสเทล ป้ายเล็กโคตร แทบอยากกราบ ทำใหญ่ๆกว่าหน่อยได้ไหม 55+ เช็คอินเรียบร้อย ทีนี้เตรียมตัวออกตะลอนๆ แผนเที่ยววันนี้คือ สิงโตพ่นน้ำ มารีน่าเบย์(ตึกที่มีเรือข้างบน) และการ์เดน บาย เดอะเบย์(ต้นไม้ไฟฟ้า) เราถือคติที่ว่า ของดีๆไม่ต้องรอ ความสุขไม่ต้องรอ ไปสอยมันก่อนเลย แต่ก่อนไปขอเติมพลังก่อน เดินหาของกินแถวนั้น มีร้านข้าวแกง ร้านอาหารจีน บลาๆ สรุปเห็นรูปในเมนูร้านนี้น่ากินมากจัดไป
ทีนี้เดินไปขึ้น MRT ไปลงสถานี City Hall แล้วเดินเล่นๆแถวนั้น
พอฝนหยุดตกก็พากันเดินเก็บภาพ โอบกอดบรรยากาศดีๆ เห็นอะไรก็ยิ้ม ขนาดฝนตกยังตลกเลย สิ่งที่รักอีกอย่างคือ ถ่ายรูปให้คนอื่น กับให้คนอื่นถ่ายรูปให้ จัดไป ปล.สนใจการเข้าฟิตเนต เพิ่มหุ่น เพิ่มน้ำหนักมาก กำลังหากัลยาณมิตรมาช่วยทำให้หุ่นล่ำคับ เดี๋ยวจะตอบแทนด้วยการสอนภาษาจีน อังกฤษให้
จะเห็นว่าเปียกชุ่มไปทั่วทุกที่ ฝนจะหยุดๆตกๆแบบนี้ล่ะ พอเป็นประเทศเกาะ ฝนตกก็เที่ยวไปกับสายฝนนี่ล่ะ สนุกอีกแบบ
ภาพมุมนี้แนะนำให้มาถ่ายคับ มันสวยจริงๆ สูดอากาศเข้าลึกๆ ทอดสายตาไปให้ไกล ขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองมา
พอเก็บภาพเสร็จก็พากันเดินข้ามสะพานมาบริเวณโรงแรม Fullerton ตรงใจกลางเมือง ดีไซต์สวยดี
ฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ ทีนี้ถึงตาเราออกมาเก็บภาพต่อละ จัดไป มารีน่าเบย์ ฟาดดด...