มีคำถามมากมายในหัวตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมา หลังจากที่แฟนขอทำแท้งลูกคนแรกระหว่างเธอกับผม ในช่วง เดือนกันยายนปี 2558 เธอบอกว่า เคยทำแท้งกับสามีเก่าคนที่ 2 ของเธอ เพราะห่วงลูกสาวของเธอจะลำบาก ทั้งๆ ที่ฐานะของเธอเข้าขั้นรวยได้เลย เพียงแต่ไปพลาดติดหนี้ติดสิน แต่ก็ไม่กี่แสน และที่ทางก็ยังเหลือนับหลายสิบไร่ เป็นสวนผลไม้เกือบทั้งหมด รายได้ต่อปี หลายแสนบาท หรือเกือบล้าน ใช้หนี้ใช้สิน ตัดทุนเพื่อมาลงทุนใหม่ในปีถัดไป ก็ยังเหลือพอจะลงทุนทำขนมกล้วยอบกรอบที่ทางบ้านของเธอทำได้อย่างสบายๆ
.
แต่ความจริงแล้ว เธอกับอ้างเหตุผลาสารพัด ทั้งพ่อแม่เธอที่รับผมที่จนกว่าครอบครัวเธอไม่ได้ และผมก็มีลูกติด ซึ่งลูกสาวคนโตเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกับลูกสาวของเธอ แต่ติดตรงที่ลูกชายของผมพิการ ตาบอด พิการซ้ำซ้อน เธอบอกว่าอาย ที่คนอื่นมองว่าเธอเป็นแม่ เธอรู้สึกอึดอัด ทั้งๆ ที่เธอมักแสดงภาพว่าเธอรักสัตว์ เอ็นดูผู้คนที่ด้อยโอกาส แต่พอเหตุการณ์จริงมาอยู่ตรงหน้า ทำไมเธอถึงโหดร้ายนัก
.
การขอทำแท้งครั้งที่ 2 ในเดือนสิงหาคม 2559 ผมจำบรรยากาศในครั้งนั้นได้ดี เธอขอหยุดยาคุม ผมก็ไม่คิดว่าในช่วงเวลาแค่ สิบกว่าวัน ยาก็น่าจะมีฤทธิอยู่บ้าง แต่กลับว่า ท้อง เธอมาอ้อนวอนให้ผมฆ่าลูกในท้องของเธอ ด้วยเหตุผลว่า เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวคนโตที่เกิดกับสามีคนแรกที่พบกันในบ่อนแถวชายแดนไทยกัมพูชาว่า "ลูกสาวของเธอจะมีปมด้อย"
.
ผมตั้งคำถามที่เธอแบกภาระลูกสาวตามลำพัง เธอยังติดต่อกับแฟนเก่าพ่อของลูกสาวผ่านพี่สาวของแฟนเก่าเสมอๆ และแฟนเก่าของเธอก็ส่งเงินให้เธอใช้เดือนละ 3,000.- บาท แม้ว่าแฟนเก่าเธอจะเป็นคนอย่างไร ซึ่งในช่วงแรกที่คบกันเธอโทรไปด่าเหมือนให้ผมมั่นใจว่า เลิกกันอย่างถาวร แต่หลังๆ เหมือนกลับชม และนำเอามาเปรียบเทียบกับผมเสมอๆ ทั้งๆ ที่หลายครั้งเป็นเวลาที่ดีสำหรับเราสองคน
.
หลังๆ ผมไม่มีเงิน เพราะช่วงปี 2558 และ 2559 ผมต้องหาเงินกู้มาให้ทางบ้านเธออย่างลับๆ เธอให้เก็บเป็นความลับ ผมต้องแบกรับภาระหนี้สิน แม้จะไม่มาก แต่มันก็ทำให้หนี้สินที่มีอยู่เดิมของผมถูกพอกพูน และขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่เธอกลับมีทองใส่ มีมือถือใหม่ มีเสื้อผ้าใหม่ๆ มีอาหารการกินดีๆ ดีกว่าผมกับลูกสาวคนโตของผมมากๆ ที่สำคัญ ทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยมลูกชายคนเล็กที่พิการ ที่อยู่ในโรงเรียนประจำ เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอถูกแย่งความรัก เธอไม่พอใจอย่างมากๆ
.
วันนี้เธอทำท่าทางขอเงินผม ทั้งๆ ที่ในนิ้วมือของเธอยังมีแหวนเหลือ 1 วง หลังนำสร้อยทองสร้อยข้อมือและแหวนอีกวงหนึ่งไปจำนำเพื่อให้เงินพ่อแม่เธอไปทำสวนในช่วงเก็บเกี่ยวนี้ ซึ่งแหวนที่เหลืออยู่เธอสามารถไปจำนำได้ แต่กลับมาทะเลาะกับผมในเรื่องการกู้เงินออมสิน ซึ่ง ผมไม่สามารถกู้ให้ได้ เพราะผมก็ต้องเหลือชีวิตเอาไว้เลี้ยงดูลูกๆ ของผม ไม่ใช่ตะบี้ตะบันกู้หนี้ยืมสิน หรือหาเงินไปให้เธอโดยไม่เจียมตัวเองอีก
.
ผมเคยห่างกันไปสักพัก มีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ก็คงเพราะมีภาระและลูกๆ โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กที่พิการ แม้จะมีโรงเรียนประจำรองรับ แต่ก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิต พอได้รู้จักกันไม่เกินสองสามอาทิตย์ ก็ตีตัวออกห่าง และอยู่ๆ ผมก็กลับไปคิดถึงแฟนที่ขอทำแท้งลูกผมถึงสองครั้งอีกครั้ง มันเหมือนหนังกระติ๊ก ที่เรายืดมันกลับมีแรงดีดกลับมาอย่างแรง ยิ่งหาวิธีลืม ไม่ว่าวิธีการใดๆ กลับยิ่งคิดถึงมากเหมือนต้องมนต์ พอจะลืมๆ ก็กลับคิดถึงอย่างรุนแรง จนขาดเสียไม่ได้ เหมือนคนบ้า ที่ต้องไปเจอหน้า
.
***คำถามที่ผมต้องการคำตอบ
ผมไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เธอทำแท้งลูกของผมถึงสองครั้ง เธออ้างหลังจากเราทะเลาะเรื่องผมหมดเงินว่า ดีแล้วที่ทำแท้ง ไม่อย่างนั้น ลูกคงต้องลำบาก สำหรับในใจผมแล้ว หากแม่เขาไม่ต้องการลูกก็ต้องเอาออก แต่ในใจอยากให้เขาหลุดเองมากกว่าการทำแท้ง เพราะที่ต้องตามใจแม่ใจร้ายก็เพราะ ผมกลัวคลอดออกมาพิการเหมือนลูกชายคนเล็กของผมอีก ซึ่งผมคงรับไม่ได้ และอาจไม่มีสติสัมปชัญญะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
คำถามก็คือสิ่งที่เธอมาขอทำแท้งถึงสองครั้งจากเหตุการพอสังเขปที่ผมเล่ามา มันเรียกว่ารัก หรือหลอกลวงผมกันแน่?
.
ซึ่งผมเคยจนมากๆ มากกว่านี้ ลูกสาวคนโตผมก็เลี้ยงเอง จนมาพบกับแม่ของลูกชายคนเล็ก และยิ่งลูกชายคนเล็กพิการตาบอด ผมก็ต้องดิ้นรนสู้เพื่อลูกจนพอมีฐานะบ้าง และก็มาหมดอีกหลังจากอยู่กินกับแฟนที่ทำแท้งลูกผมสองครั้ง และพอเงินหมดเขาก็แยกตัวไปอยู่ห้องเช่า ซึ่งผมก็ตามไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและต้องย้ายบ้านเช่าที่เคยอยู่ด้วยกัน มาอยู่ห้องเช่าแคบๆ ซึ่งหลายครั้ง เธอไล่ผมกับลูกสาวไปหาที่อยู่เอง ผมจึงปรับปรุงห้องเก็บของที่บ้านของพ่อเลี้ยง มาเป็นห้องนอน
.
ผมรู้สึกสับสนว่า เธอรักผมจึงหนีมาอยู่ด้วย หรือเธอไม่ได้รักหรอก เพียงแต่เธอต้องการให้ผมเป็นตัวช่วยในช่วงที่ทางบ้านของเธอมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เพราะต้องลงทุนสวน และทำขนมกล้วยอบกรอบกันแน่ และในช่วงนี้เธอก็ยังไม่กลับบ้าน ทั้งๆ ที่สัญญาไว้ว่าจะกลับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มาต้นปีนี้ เธอเหมือนลังเล และยิ่งรุกไล่ในเรื่องเงินทองจากผมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าไหนบอกว่ามีเงินน้อย แล้วทำไมมีเงินเลี้ยงส่งลูกสาวของเธอที่ลูกสาวของเธอปิดเทอมและจะกลับบ้านที่สวน และอาจไม่ได้กลับมาอีก เพราะทางบ้านของเธอต้องการให้เธอและลูกของเธอกลับไปใช้ชีวิตบันปลายที่สวน ทำไม ยิ่งใกล้วันกำหนดกลับบ้านของเธอถึงจึงพยายามขอนั้นขอนี้จากผมเสียเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า รัก หรือลวงกันแน่
แฟนขอทำแท้งลูกของผมถึง 2 ครั้ง เขารักผม หรือหลอกผม?
.
แต่ความจริงแล้ว เธอกับอ้างเหตุผลาสารพัด ทั้งพ่อแม่เธอที่รับผมที่จนกว่าครอบครัวเธอไม่ได้ และผมก็มีลูกติด ซึ่งลูกสาวคนโตเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกับลูกสาวของเธอ แต่ติดตรงที่ลูกชายของผมพิการ ตาบอด พิการซ้ำซ้อน เธอบอกว่าอาย ที่คนอื่นมองว่าเธอเป็นแม่ เธอรู้สึกอึดอัด ทั้งๆ ที่เธอมักแสดงภาพว่าเธอรักสัตว์ เอ็นดูผู้คนที่ด้อยโอกาส แต่พอเหตุการณ์จริงมาอยู่ตรงหน้า ทำไมเธอถึงโหดร้ายนัก
.
การขอทำแท้งครั้งที่ 2 ในเดือนสิงหาคม 2559 ผมจำบรรยากาศในครั้งนั้นได้ดี เธอขอหยุดยาคุม ผมก็ไม่คิดว่าในช่วงเวลาแค่ สิบกว่าวัน ยาก็น่าจะมีฤทธิอยู่บ้าง แต่กลับว่า ท้อง เธอมาอ้อนวอนให้ผมฆ่าลูกในท้องของเธอ ด้วยเหตุผลว่า เธอไม่ต้องการให้ลูกสาวคนโตที่เกิดกับสามีคนแรกที่พบกันในบ่อนแถวชายแดนไทยกัมพูชาว่า "ลูกสาวของเธอจะมีปมด้อย"
.
ผมตั้งคำถามที่เธอแบกภาระลูกสาวตามลำพัง เธอยังติดต่อกับแฟนเก่าพ่อของลูกสาวผ่านพี่สาวของแฟนเก่าเสมอๆ และแฟนเก่าของเธอก็ส่งเงินให้เธอใช้เดือนละ 3,000.- บาท แม้ว่าแฟนเก่าเธอจะเป็นคนอย่างไร ซึ่งในช่วงแรกที่คบกันเธอโทรไปด่าเหมือนให้ผมมั่นใจว่า เลิกกันอย่างถาวร แต่หลังๆ เหมือนกลับชม และนำเอามาเปรียบเทียบกับผมเสมอๆ ทั้งๆ ที่หลายครั้งเป็นเวลาที่ดีสำหรับเราสองคน
.
หลังๆ ผมไม่มีเงิน เพราะช่วงปี 2558 และ 2559 ผมต้องหาเงินกู้มาให้ทางบ้านเธออย่างลับๆ เธอให้เก็บเป็นความลับ ผมต้องแบกรับภาระหนี้สิน แม้จะไม่มาก แต่มันก็ทำให้หนี้สินที่มีอยู่เดิมของผมถูกพอกพูน และขาดสภาพคล่องทางการเงิน แต่เธอกลับมีทองใส่ มีมือถือใหม่ มีเสื้อผ้าใหม่ๆ มีอาหารการกินดีๆ ดีกว่าผมกับลูกสาวคนโตของผมมากๆ ที่สำคัญ ทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยมลูกชายคนเล็กที่พิการ ที่อยู่ในโรงเรียนประจำ เธอก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่า เธอถูกแย่งความรัก เธอไม่พอใจอย่างมากๆ
.
วันนี้เธอทำท่าทางขอเงินผม ทั้งๆ ที่ในนิ้วมือของเธอยังมีแหวนเหลือ 1 วง หลังนำสร้อยทองสร้อยข้อมือและแหวนอีกวงหนึ่งไปจำนำเพื่อให้เงินพ่อแม่เธอไปทำสวนในช่วงเก็บเกี่ยวนี้ ซึ่งแหวนที่เหลืออยู่เธอสามารถไปจำนำได้ แต่กลับมาทะเลาะกับผมในเรื่องการกู้เงินออมสิน ซึ่ง ผมไม่สามารถกู้ให้ได้ เพราะผมก็ต้องเหลือชีวิตเอาไว้เลี้ยงดูลูกๆ ของผม ไม่ใช่ตะบี้ตะบันกู้หนี้ยืมสิน หรือหาเงินไปให้เธอโดยไม่เจียมตัวเองอีก
.
ผมเคยห่างกันไปสักพัก มีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ก็คงเพราะมีภาระและลูกๆ โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กที่พิการ แม้จะมีโรงเรียนประจำรองรับ แต่ก็คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาในชีวิต พอได้รู้จักกันไม่เกินสองสามอาทิตย์ ก็ตีตัวออกห่าง และอยู่ๆ ผมก็กลับไปคิดถึงแฟนที่ขอทำแท้งลูกผมถึงสองครั้งอีกครั้ง มันเหมือนหนังกระติ๊ก ที่เรายืดมันกลับมีแรงดีดกลับมาอย่างแรง ยิ่งหาวิธีลืม ไม่ว่าวิธีการใดๆ กลับยิ่งคิดถึงมากเหมือนต้องมนต์ พอจะลืมๆ ก็กลับคิดถึงอย่างรุนแรง จนขาดเสียไม่ได้ เหมือนคนบ้า ที่ต้องไปเจอหน้า
.
***คำถามที่ผมต้องการคำตอบ
ผมไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เธอทำแท้งลูกของผมถึงสองครั้ง เธออ้างหลังจากเราทะเลาะเรื่องผมหมดเงินว่า ดีแล้วที่ทำแท้ง ไม่อย่างนั้น ลูกคงต้องลำบาก สำหรับในใจผมแล้ว หากแม่เขาไม่ต้องการลูกก็ต้องเอาออก แต่ในใจอยากให้เขาหลุดเองมากกว่าการทำแท้ง เพราะที่ต้องตามใจแม่ใจร้ายก็เพราะ ผมกลัวคลอดออกมาพิการเหมือนลูกชายคนเล็กของผมอีก ซึ่งผมคงรับไม่ได้ และอาจไม่มีสติสัมปชัญญะเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติสุข
คำถามก็คือสิ่งที่เธอมาขอทำแท้งถึงสองครั้งจากเหตุการพอสังเขปที่ผมเล่ามา มันเรียกว่ารัก หรือหลอกลวงผมกันแน่?
.
ซึ่งผมเคยจนมากๆ มากกว่านี้ ลูกสาวคนโตผมก็เลี้ยงเอง จนมาพบกับแม่ของลูกชายคนเล็ก และยิ่งลูกชายคนเล็กพิการตาบอด ผมก็ต้องดิ้นรนสู้เพื่อลูกจนพอมีฐานะบ้าง และก็มาหมดอีกหลังจากอยู่กินกับแฟนที่ทำแท้งลูกผมสองครั้ง และพอเงินหมดเขาก็แยกตัวไปอยู่ห้องเช่า ซึ่งผมก็ตามไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและต้องย้ายบ้านเช่าที่เคยอยู่ด้วยกัน มาอยู่ห้องเช่าแคบๆ ซึ่งหลายครั้ง เธอไล่ผมกับลูกสาวไปหาที่อยู่เอง ผมจึงปรับปรุงห้องเก็บของที่บ้านของพ่อเลี้ยง มาเป็นห้องนอน
.
ผมรู้สึกสับสนว่า เธอรักผมจึงหนีมาอยู่ด้วย หรือเธอไม่ได้รักหรอก เพียงแต่เธอต้องการให้ผมเป็นตัวช่วยในช่วงที่ทางบ้านของเธอมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เพราะต้องลงทุนสวน และทำขนมกล้วยอบกรอบกันแน่ และในช่วงนี้เธอก็ยังไม่กลับบ้าน ทั้งๆ ที่สัญญาไว้ว่าจะกลับตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มาต้นปีนี้ เธอเหมือนลังเล และยิ่งรุกไล่ในเรื่องเงินทองจากผมมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าไหนบอกว่ามีเงินน้อย แล้วทำไมมีเงินเลี้ยงส่งลูกสาวของเธอที่ลูกสาวของเธอปิดเทอมและจะกลับบ้านที่สวน และอาจไม่ได้กลับมาอีก เพราะทางบ้านของเธอต้องการให้เธอและลูกของเธอกลับไปใช้ชีวิตบันปลายที่สวน ทำไม ยิ่งใกล้วันกำหนดกลับบ้านของเธอถึงจึงพยายามขอนั้นขอนี้จากผมเสียเหลือเกิน ผมไม่เข้าใจว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเรียกว่า รัก หรือลวงกันแน่