..........
ดอยหลางเชียงดาว

สำหรับผมมันช่างยากเหลือเกินที่จะหาเพื่อนที่จะว่างตรงกันผมก็เลยไปคนเดียวซะเลย
มอเตอร์ไซค์เวฟ ออกแต่เช้ามึดจาก หางดง-เชียงใหม่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปทางแม่ริม
แวะซื้อนำ้ ข้าวปลาอาหารสำหรับ 1 คือแห่งการแคมปิ้ง ของอีรุงตุงนังน่าดู



ลุ้นอยู่ในใจเพราะเขาบอกว่า มาคนเดียวไม่ต้องจอง เดี๋ยวจะมีกรุ๊ปจอยน์เอง และท้ายที่สุดเราก็ได้ขึ้นดอยเสียที
ผมเลือกขึ้นทาง 8.5 กิโลเมตรและลงอีกทางซึ่งน่าจะใกลราว 6 กิโลเมตรกว่าๆ (แต่ช่วงท้ายๆ ชันโคดดด)
เดินเปลี่ยวๆ 8.5 กิโลฯมันก็สนุกดี กระเป๋าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเดิน เจ็บบ่าที่สุด
วิวทิวทัดสวยเป็นช่วงๆ สวยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราฮึดสู้ แม่จะมีเพียงเสียงนก กา และต้นไม้เท่านั้นที่เป็นเพื่อน
กระเป๋าเท่ห์นิกินไม่ได้จริงๆ เจ็บบ่ามากจนต้องนั้งพักหลายต่อหลายรอบ มีเผลอหลับด้วย55555



เพื่อนร่วมกรุ๊ปบอกว่าไม่ต้องรอ ไอ้เราก็ไม่อยากรอเท่าไหร่เพราะเขาเป็นหญิงล้วน
เลยลากันเสียตรงนั้นและจะเจอกันอีกทีตอนถึงยอดดอย
จับจองจุดกางเต้นท์กันหน่อย ใจหนึ่งก็อยากจะมีเพื่อน ที่จะได้พบปะคุยกัน เฮฮา
คิดไปคิดมากเราอยากจะอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก เลยเอาที่ๆห่างจากชาวบ้านหน่อย
แต่ระวังเศษอาหารหรือไม่ก็จุดไม่พึงประสงค์กันหน่อย



ได้เพื่อนสมใจ พี่ๆจากกรู๊ป Treking ไรสักอย่าง เลยตีสนิทด้วย เลยมีเพื่อนใหม่ๆ เดินเที่ยวด้วยกันโดยประเดิมโดย
พระอาทิตย์ตกในวันแรกบนความโชคร้ายที่ฟ้าไม่เปิด ไม่เป็นใจเสียเลย
พิซซ่าติดตัวมาด้วย 2 ชิ้น คิดสนุกกับเพื่อนๆ ก่อนมาว่ากินบนยอดดอยท่าจะดี ก็เลยติดตัวมาด้วย5555
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรา “พิซซ่า” ที่พี่ๆเค้าเรียกผม (คนเสื้อแดง กันน้ำเงิน อิๆๆ)
เย๊นเย็นๆ ไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ใส่ซะทุกอย่างคืนนั้นรอดมาได้


เช้าถัดมาแทบทุกคนก็ว่าได้ที่ได้ปีนขึ้นวันเดียวกัน ก็จะมาดูพระอาทิตย์ขึ้น กิ่วอะไรต่างๆนาๆที่เค้าเรียกกัน จำไม่ได้คับ
ลูกหาบเสื้อแดง 2 คน คือลูกหาบของกลุ่มที่ผมเดินขึ้นมาด้วยตั้งแต่ตอนแรก และผมก็ทิ้งพวกเค้า
ก็เลยเข้าไปคุยด้วยทำความรู้จักกันสักหน่อย ทั้งสองเป็นคนไทใหญ่ ญาติที่สนิทที่สุดของคนไทยนั่นเอง
นิสัยดีครับ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบ้านของเค้าจริงๆ ขึ้นลงจนขิน ใจขณะที่เราคงได้เยี่ยมเพียงแค่ครั้งสองครั้ง




เหตุเกิดเพราะอยากจะนอนต่ออีกคืน แต่ผมได้แจ้งอุทยานด้านล่างว่าผมจะอยู่แค่ 1 คืน
นั่งคิดทบทวน นำ้จะพอใหม อาหารจะพอใหม ก็น่าลุ้นพอเหลือแฮะ ขอจากพระเจ้าเอา
ยอดดอยเป็นที่ๆดีที่สุดที่จะติดต่อสื่อสาร ก็เลยติดต่อลงไปที่อุทยานว่าจะนอนคืนที่ 2 นะถ้าเค้าโอเค
สรุปพี่เค้าใจดีมาก ต่างจากตอนที่ไปนั่งรอก่อนขึ้น5555

ไม่ใช่ไม่ทำงานนะ ก็เลยสายตรงฉุกเฉินลางานเพิ่มอีก 1 วันเช้าวันนั้นอยู่พักใหญ่ เออจริงๆแนะนำครับ
มานอนสองคืนดีกว่า แพ็คแบบเบาๆ ไม่ต้องรีบทำนุ่นนินั่น มีเวลาอยู่กันตัวเอง ธรรมชาติ และคนที่เรารัก
คนที่เราสบายใจเวลาแฮงเอาท์ด้วย / กิ่วลมเหลือ ใต้ ออก ตก อิๆๆๆ เดินให้ทั่วๆ จิบชาร้อนไปพลางๆ


พี่ชาย 2 คนได้บริจากอาหารให้กับผม เป็นบะหมี่สำเร็จพร้อมแพนงไก่ซองพร้องฉีก และก็แอบเปิ้ล 2 ลูก
ขนมปังอีก สรุปอาหารพรั่งพรูครับ พระเจ้าตอบคำอธิษฐานจริงๆ / อยากสุขภาพดีกินผัก คิดในใจเอาผักไรดีอยู่ได้ไม่เหี่ยว
สงสัยจะเป็นถั่วพลู55555 แครอทรึไรงี้ก็ได้นะคิดว่า

ไม่ได้โชคร้ายเสมอไป พระอาทิตย์ตากวันถัดมา ฟ้าเปิดทำให้ได้ชมความงามอยู่บ้าง
นั่งนานๆ อบอุ่นร่างกายหน่อยกับ Chang ใหนๆก็แบกขึ้นมาซะขนาดนี้





ขอบคุณประเทศไทย ของคุณคนไทยที่ยังรักกัน ความรักที่คุณมี พระเจ้าได้ใส่สิ่งนั้นในใจคุณ
ขอบพระคุณจริงๆครับ

“โอ้พระองค์ผู้กระทำให้ใจของข้าพพระองค์ชุ่มชื่นขึ้นมา ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทุกสิ่งล้วนสำแดงพระนามของพระองค์”
ดอยหลวง เชียวดาว ธค./2016 เง้าเหงา 5555
มอเตอร์ไซค์เวฟ ออกแต่เช้ามึดจาก หางดง-เชียงใหม่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปทางแม่ริม
แวะซื้อนำ้ ข้าวปลาอาหารสำหรับ 1 คือแห่งการแคมปิ้ง ของอีรุงตุงนังน่าดู
ผมเลือกขึ้นทาง 8.5 กิโลเมตรและลงอีกทางซึ่งน่าจะใกลราว 6 กิโลเมตรกว่าๆ (แต่ช่วงท้ายๆ ชันโคดดด)
เดินเปลี่ยวๆ 8.5 กิโลฯมันก็สนุกดี กระเป๋าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเดิน เจ็บบ่าที่สุด
วิวทิวทัดสวยเป็นช่วงๆ สวยมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราฮึดสู้ แม่จะมีเพียงเสียงนก กา และต้นไม้เท่านั้นที่เป็นเพื่อน
กระเป๋าเท่ห์นิกินไม่ได้จริงๆ เจ็บบ่ามากจนต้องนั้งพักหลายต่อหลายรอบ มีเผลอหลับด้วย55555
เลยลากันเสียตรงนั้นและจะเจอกันอีกทีตอนถึงยอดดอย
จับจองจุดกางเต้นท์กันหน่อย ใจหนึ่งก็อยากจะมีเพื่อน ที่จะได้พบปะคุยกัน เฮฮา
คิดไปคิดมากเราอยากจะอยู่เงียบๆคนเดียวสักพัก เลยเอาที่ๆห่างจากชาวบ้านหน่อย
แต่ระวังเศษอาหารหรือไม่ก็จุดไม่พึงประสงค์กันหน่อย
พระอาทิตย์ตกในวันแรกบนความโชคร้ายที่ฟ้าไม่เปิด ไม่เป็นใจเสียเลย
พิซซ่าติดตัวมาด้วย 2 ชิ้น คิดสนุกกับเพื่อนๆ ก่อนมาว่ากินบนยอดดอยท่าจะดี ก็เลยติดตัวมาด้วย5555
ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรา “พิซซ่า” ที่พี่ๆเค้าเรียกผม (คนเสื้อแดง กันน้ำเงิน อิๆๆ)
เย๊นเย็นๆ ไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ใส่ซะทุกอย่างคืนนั้นรอดมาได้
ลูกหาบเสื้อแดง 2 คน คือลูกหาบของกลุ่มที่ผมเดินขึ้นมาด้วยตั้งแต่ตอนแรก และผมก็ทิ้งพวกเค้า
ก็เลยเข้าไปคุยด้วยทำความรู้จักกันสักหน่อย ทั้งสองเป็นคนไทใหญ่ ญาติที่สนิทที่สุดของคนไทยนั่นเอง
นิสัยดีครับ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นบ้านของเค้าจริงๆ ขึ้นลงจนขิน ใจขณะที่เราคงได้เยี่ยมเพียงแค่ครั้งสองครั้ง
นั่งคิดทบทวน นำ้จะพอใหม อาหารจะพอใหม ก็น่าลุ้นพอเหลือแฮะ ขอจากพระเจ้าเอา
ยอดดอยเป็นที่ๆดีที่สุดที่จะติดต่อสื่อสาร ก็เลยติดต่อลงไปที่อุทยานว่าจะนอนคืนที่ 2 นะถ้าเค้าโอเค
สรุปพี่เค้าใจดีมาก ต่างจากตอนที่ไปนั่งรอก่อนขึ้น5555
มานอนสองคืนดีกว่า แพ็คแบบเบาๆ ไม่ต้องรีบทำนุ่นนินั่น มีเวลาอยู่กันตัวเอง ธรรมชาติ และคนที่เรารัก
คนที่เราสบายใจเวลาแฮงเอาท์ด้วย / กิ่วลมเหลือ ใต้ ออก ตก อิๆๆๆ เดินให้ทั่วๆ จิบชาร้อนไปพลางๆ
ขนมปังอีก สรุปอาหารพรั่งพรูครับ พระเจ้าตอบคำอธิษฐานจริงๆ / อยากสุขภาพดีกินผัก คิดในใจเอาผักไรดีอยู่ได้ไม่เหี่ยว
สงสัยจะเป็นถั่วพลู55555 แครอทรึไรงี้ก็ได้นะคิดว่า
นั่งนานๆ อบอุ่นร่างกายหน่อยกับ Chang ใหนๆก็แบกขึ้นมาซะขนาดนี้
ขอบพระคุณจริงๆครับ
“โอ้พระองค์ผู้กระทำให้ใจของข้าพพระองค์ชุ่มชื่นขึ้นมา ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ทุกสิ่งล้วนสำแดงพระนามของพระองค์”