มันเป็นอะไรที่จะมองว่าตลกก็ตลก จะมองว่าเรื่องไร้สาระก็ได้ ยังไงก็อ่านขำๆก็แล้วกันเนอะ
เรื่องมีอยู่ว่า บริษัทที่เราทำงานอยู่ มีทั้งหมด 3 สาขา คือสำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
ส่วนสำนักสาขาเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือและจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้
ขอเข้าเรื่องค่ะ เราประจำสาขาทางภาคใต้รับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดของสนง.สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้น คือค่าไฟฟ้าของสำนักงาน และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง
เราโดนคำถามเชิงตำหนิจากเจ้านายที่เคารพ.....เรื่องค่าไฟฟ้าสาขาที่เรารับผิดชอบสูงกว่าสาขาทางภาคเหนือ
มีใจความสำคัญว่า "ทำไมค่าไฟของเรา(อยู่ภาคใต้)ถึงแพงกว่าออฟฟิศทางภาคเหนือ ทั้งๆที่จำนวนพนักงานน้อยกว่า สังเกตมาหลายเดือนแล้ว ให้ช่วยกันประหยัดและใช้ตามความเหมาะสมด้วย อย่าให้ต้องกำหนดโควต้าการใช้ในแต่ละเดือน" OMG!!!
สำหรับเรา "ให้ช่วยกันประหยัดและใช้ตามความเหมาะสม" ไม่มีปัญหาค่ะ พร้อมที่จะทำเพื่อผลดีกับองค์กร
แต่ คำว่า "อย่าให้ต้องกำหนดโควต้าการใช้ในแต่ละเดือน" นั่นหมายความว่า ท่านได้ตัดสินไปแล้ว ว่าสาเหตุที่แพงกว่าอีกสาขาเพราะการใช้งานที่ฟุ่มเฟือยของเรา
แต่ไม่เป็นไร นั่นคือข้อกล่าวหาของผู้บริหาร เราเป็นแค่ระดับพนักงานเลยต้องค้นหาสาเหตุเพื่อนำมาแก้ไขให้ตรงจุด ก่อนอื่นเช็คก่อนว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง......ก็มี ไมโครเวฟ,กระติกน้ำร้อน,(2 รายการนี้ไม่ค่อยได้ใช้),ตู้เย็น,หลอดไฟ,เครื่องตอกบัตร,คอมพิวเตอร์สำนักงาน,เครื่องปริ๊น,เราท์เตอร์ไวไฟ,พัดลมเพดานห้องโถง (ไม่ค่อยได้เปิด),ทีวี(เปิดเฉพาะเวลาประชุมออนไลน์) เอ๊ะ มันก็มีเหมือนๆกันกับอีกสาขานี่นา
เลยลองสอบถามไปทางสาขาภาคเหนือว่าต่างกันเยอะมั้ย ....ปรากฏว่า...ต่างกันไม่ถึง 200 โอ้ววว และสืบไปสืบมา ได้ความว่าทางสาขานั้นไม่ได้เปิดแอร์เลย ด้วยสภาพอากาศทำให้ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์(อันนี้พนักงานสาขาทางเหนือบอกมานะ)และลักษณะสำนักงานนั้นเป็นหลังคาสูงทำให้อากาศมันค่อยร้อน(ไม่รู้เกี่ยวมั้ย)
ตัดภาพมาที่สำนักงานสาขาจังหวัดในภาคใต้ ห้องทำงาน 2 ห้อง เปิดแอร์ทั้ง 2 ห้อง และสภาพอากาศถ้าใครที่อยู่หรือเคยมาจังหวัดนี้ จะรู้ว่ามีแค่2ฤดู คือฤดูร้อน กับฤดูโค-ตรร้อน ขนาดฝนตกยังร้อนเลย เฮ้อ เราสันนิษฐานว่ายิ่งอากาศร้อน คอมเพรสเซอร์แอร์เลยยิ่งทำงานหนัก และมันทำให้ยิ่งเปลืองไฟ เราเข้าใจถูกมั้ย (เราเข้าใจผิดหรือถูก รบกวนผู้รู้แนะนำหน่อยนะคะ) แล้วเราแก้ปัญหานี้ได้ยังไง?
ทุกวันนี้เราพยายาม ช่วยประหยัดเท่าที่ทำได้ เช่น เปิดแอร์ตอน 10 โมง โดยเปิดโหมดพัดลม และช่วงบ่ายค่อยปิดโหมดปกติ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องทึบ ไม่มีพัดลม เราก็ยอมให้ใต้วงแขนเอือด (แปลเป็นภาษากลางว่า แฉะๆชื้นๆ 555) แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อนแค่ไหนนะ เฮ้อ
***หมายเหตุ***
เราลองเปรียบเทียบสถิติในแต่ละเดือน 5 เดือนย้อนหลังเฉพาะสาขาเราจะเห็นส่าตัวเลขมันจะลดลงเรื่อยๆ (กระซิบนิดนึง ค่าไฟไม่เคยเกิน 2500.-เลย)
ด.10/59 > ด.11/59 > ด.12/59 > ด. 1/60 > ด.2/60 (ที่ลดลง อาจจะมาจาก จำนวนพนักงานที่ลดลง ทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าไปด้วย สาเหตุที่จำนวนพนักงานลดลง เพราะ...พากันออกเรื่อยๆ คนเก่าไป คนใหม่มา จนจะกลายเป็นมินิมาร์ท เปิด24ชั่วโมงไปแล้ว มีเรานี่แหละ อายุงานอาวุโสสุด เพราะเราถึกและทน 555+)
ปล. ยาวไปหน่อย ใครเกินโควต้า 7 บรรทัดแล้วขออภัยด้วยค่ะ (แซวเล่นนะจ๊ะ ตัวเอง)
ว่าด้วยเรื่องค่าไฟฟ้า มาหาคำตอบกันนะเธอ
เรื่องมีอยู่ว่า บริษัทที่เราทำงานอยู่ มีทั้งหมด 3 สาขา คือสำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
ส่วนสำนักสาขาเป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือและจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้
ขอเข้าเรื่องค่ะ เราประจำสาขาทางภาคใต้รับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดของสนง.สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้น คือค่าไฟฟ้าของสำนักงาน และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่อง
เราโดนคำถามเชิงตำหนิจากเจ้านายที่เคารพ.....เรื่องค่าไฟฟ้าสาขาที่เรารับผิดชอบสูงกว่าสาขาทางภาคเหนือ
มีใจความสำคัญว่า "ทำไมค่าไฟของเรา(อยู่ภาคใต้)ถึงแพงกว่าออฟฟิศทางภาคเหนือ ทั้งๆที่จำนวนพนักงานน้อยกว่า สังเกตมาหลายเดือนแล้ว ให้ช่วยกันประหยัดและใช้ตามความเหมาะสมด้วย อย่าให้ต้องกำหนดโควต้าการใช้ในแต่ละเดือน" OMG!!!
สำหรับเรา "ให้ช่วยกันประหยัดและใช้ตามความเหมาะสม" ไม่มีปัญหาค่ะ พร้อมที่จะทำเพื่อผลดีกับองค์กร
แต่ คำว่า "อย่าให้ต้องกำหนดโควต้าการใช้ในแต่ละเดือน" นั่นหมายความว่า ท่านได้ตัดสินไปแล้ว ว่าสาเหตุที่แพงกว่าอีกสาขาเพราะการใช้งานที่ฟุ่มเฟือยของเรา
แต่ไม่เป็นไร นั่นคือข้อกล่าวหาของผู้บริหาร เราเป็นแค่ระดับพนักงานเลยต้องค้นหาสาเหตุเพื่อนำมาแก้ไขให้ตรงจุด ก่อนอื่นเช็คก่อนว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรบ้าง......ก็มี ไมโครเวฟ,กระติกน้ำร้อน,(2 รายการนี้ไม่ค่อยได้ใช้),ตู้เย็น,หลอดไฟ,เครื่องตอกบัตร,คอมพิวเตอร์สำนักงาน,เครื่องปริ๊น,เราท์เตอร์ไวไฟ,พัดลมเพดานห้องโถง (ไม่ค่อยได้เปิด),ทีวี(เปิดเฉพาะเวลาประชุมออนไลน์) เอ๊ะ มันก็มีเหมือนๆกันกับอีกสาขานี่นา
เลยลองสอบถามไปทางสาขาภาคเหนือว่าต่างกันเยอะมั้ย ....ปรากฏว่า...ต่างกันไม่ถึง 200 โอ้ววว และสืบไปสืบมา ได้ความว่าทางสาขานั้นไม่ได้เปิดแอร์เลย ด้วยสภาพอากาศทำให้ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์(อันนี้พนักงานสาขาทางเหนือบอกมานะ)และลักษณะสำนักงานนั้นเป็นหลังคาสูงทำให้อากาศมันค่อยร้อน(ไม่รู้เกี่ยวมั้ย)
ตัดภาพมาที่สำนักงานสาขาจังหวัดในภาคใต้ ห้องทำงาน 2 ห้อง เปิดแอร์ทั้ง 2 ห้อง และสภาพอากาศถ้าใครที่อยู่หรือเคยมาจังหวัดนี้ จะรู้ว่ามีแค่2ฤดู คือฤดูร้อน กับฤดูโค-ตรร้อน ขนาดฝนตกยังร้อนเลย เฮ้อ เราสันนิษฐานว่ายิ่งอากาศร้อน คอมเพรสเซอร์แอร์เลยยิ่งทำงานหนัก และมันทำให้ยิ่งเปลืองไฟ เราเข้าใจถูกมั้ย (เราเข้าใจผิดหรือถูก รบกวนผู้รู้แนะนำหน่อยนะคะ) แล้วเราแก้ปัญหานี้ได้ยังไง?
ทุกวันนี้เราพยายาม ช่วยประหยัดเท่าที่ทำได้ เช่น เปิดแอร์ตอน 10 โมง โดยเปิดโหมดพัดลม และช่วงบ่ายค่อยปิดโหมดปกติ ถึงแม้ว่าจะเป็นห้องทึบ ไม่มีพัดลม เราก็ยอมให้ใต้วงแขนเอือด (แปลเป็นภาษากลางว่า แฉะๆชื้นๆ 555) แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้มากน้อนแค่ไหนนะ เฮ้อ
***หมายเหตุ***
เราลองเปรียบเทียบสถิติในแต่ละเดือน 5 เดือนย้อนหลังเฉพาะสาขาเราจะเห็นส่าตัวเลขมันจะลดลงเรื่อยๆ (กระซิบนิดนึง ค่าไฟไม่เคยเกิน 2500.-เลย)
ด.10/59 > ด.11/59 > ด.12/59 > ด. 1/60 > ด.2/60 (ที่ลดลง อาจจะมาจาก จำนวนพนักงานที่ลดลง ทำให้ลดการใช้ไฟฟ้าไปด้วย สาเหตุที่จำนวนพนักงานลดลง เพราะ...พากันออกเรื่อยๆ คนเก่าไป คนใหม่มา จนจะกลายเป็นมินิมาร์ท เปิด24ชั่วโมงไปแล้ว มีเรานี่แหละ อายุงานอาวุโสสุด เพราะเราถึกและทน 555+)
ปล. ยาวไปหน่อย ใครเกินโควต้า 7 บรรทัดแล้วขออภัยด้วยค่ะ (แซวเล่นนะจ๊ะ ตัวเอง)