เป็นเรื่องของแม่เราค่ะ แม่เราทำงานมา 3 ปี เมษายนนี้ก็ครบ 4 ปีแล้วค่ะ
แต่ช่วงเดือนหลังๆโรงงานไม่ค่อยมีงาน เลยถูกนายจ้างบอกทำงานไม่คุ้มค่าแรง
นายจ้างเริ่มแกล้งแม่เราตั้งแต่ปลายๆปีที่แล้วแล้วค่ะ แม่เราเล่าว่าเค้าโดนนายจ้างแกล้งด่าต่อหน้าลูกน้องให้อับอาย และอื่นๆอีกมากมาย
แล้วก็มีคนที่เงินเดือนเยอะๆคนอื่นๆ เค้าก็โดนกระทำเหมือนกันค่ะ จากที่แม่เราบอก แต่คนอื่นๆทนไม่ไหวก็ลาออกไปเอง
จนเหลือแม่เรายังอดทนอยู่ พอมาช่วงหลังๆนายจ้างเค้าเลยมาขอลดเงินเดือน
จาก 22,000 เหลือ 12,000 (ส่วนนี้หน้าจะมาจากการที่แม่เราไม่ยอมลาออกซักทีเลยหาทางบีบอีกทางจากที่เราคิดนะคะ)
แต่ทางแม่เราไม่ได้ยินยอม เค้าเริ่มบอกกับแม่เราช่วงเดือนมกราคมเกี่ยวกับการลดเงินเดือน
ช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะจ่ายเงิน ก็เรียกแม่เราเข้าไปประชุมรัวๆ ว่าจะเซ็นยินยอมหรือไม่ (จะได้จ่ายเงินถูกว่าจะให้เท่าไหร่)
เกลี้ยกล่อมให้เซ็นยินยอมทุกอย่างค่ะ โดยเอาพนักงานฝ่ายบุคคล แล้วก็คนอื่นๆอีกเกือบ 10 คนมาช่วยพูด รุมแม่เราให้เซ็นให้ได้
(ฟังแม่เราเล่าแล้วก็อยากไปอยู่ตรงนั้นช่วยแม่เราจริงๆค่ะ) เค้ากล่อมแม่เราว่าถ้าหากเซ็นยินยอมเค้าก็จะให้ทำงานต่อแบบไม่ต้องมีปัญหา
แต่หากไม่เซ็นคือจะแกล้งสารพัดจนทนไม่ไหว รวมถึงจะเขียนใบเตือนว่าแม่เราทำงานไม่มีคุณภาพ
จะให้แม่เรายกของหนักๆ ถ้าหากทำไม่ได้ก็จะออกใบเตือนซ้ำๆ จนกว่าจะมีเรื่องให้ไล่ออกได้แบบไม่ต้องเสียค่าชดเชยตามกฏหมาย
จนสรุปแม่เราก็ไม่ได้เซ็นให้นายจ้าง นายจ้างจึงโยนซองเงินเดือนให้แม่เราแบบครบจำนวน 22000 บาท
แล้วบอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงาน จะปิดประกาศไว้ให้ยามห้ามเข้ามา หากขาดงานเกิน 3 วันก็คือออกงานโดยปริยาย
(แต่แม่คิดว่าคงต้องไปทำงานตามปกติค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดีกว่าขาดงานแล้วโดนไล่ออกจริงๆ)
ขอแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
- แม่เราอายุ เกือบ 60 แล้วค่ะ ทำงานโรงงานนี้ตั้งแต่อายุ 56 ตอนที่เค้าจ้างใหม่ๆ ก็บอกแม่เราว่ามีแรงทำไหวแค่ไหนก็ทำไปเลย
โดยว่าจ้างกันที่ 20000 ต่อเดือน แล้วปีต่อมาก็เพิ่มเงินให้ 2000 รวมเป็น 22000 บาท/เดือน
- แม่เราทำงานด้านนี้อยู่ในวงการมาเกือบ 30ปี เราค่อนข้างมั่นใจว่าแม่เราทำงานมีคุณภาพแน่ๆค่ะ
ถ้าไม่มีคุณภาพจริงๆ เราคิดว่าควรบอกตั้งแต่ปีแรกๆ คงไม่ให้อยู่ทำงานมาจนถึง 4 ปี
- เราเคยไปปรึกษากรมแรงงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ตั้งแต่เค้าขอลดเงินเดือน ซึ่งกรมแรงงานบอกว่าไม่สามารถทำได้ผิดกฏหมาย
ส่วนนี้เลยทำให้แม่เราไม่ยอมรับการลดเงินเดือนของนายจ้าง จนทำให้นายจ้างไม่พอใจจนบานปลายมาจนตอนนี้
- คนอื่นๆที่ลาออกไปที่ทนไม่ไหว ถูกนายจ้างบอกให้ลาออกเองเพื่อเอาเงินประกันสังคม เค้าถึงยอมลาออกเพื่อเอาเงินก้อน
แต่ส่วนแม่เราเค้าเคยได้ประกันสังคมแล้วค่ะ ตอนอายุ 55 เลยไม่ได้ลาออกแบบคนอื่น
สิ่งที่เราอยากทราบและขอคำปรึกษา จากผู้ที่มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญกฏหมาย หรือมีคำแนะนำตรงนี้ ถามแบบไม่มีความรู้จริงๆ นะคะ
1. สามารถร้องทุกข์หรือแจ้งเรื่องอะไรได้บ้างไหมคะ เค้าจะดำเนินการให้จริงๆจังๆไหม หรือแค่รับเรื่องไปเฉยๆคะ เพราะนายจ้างบอกมาเชิงว่า เค้ามีคนในกรมแรงงานเยอะ โทรไปคุยไปเคลียมาแล้ว ว่าสิ่งที่เค้าทำไม่ผิดกฏหมายใดๆ และไม่มีหลักฐานใดๆ รวมถึงมีทนายดีๆ หรือบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาช่วยเรื่องนี้ และบอกแม่เราอ้อมๆว่า เราคงไม่มีทางชนะพวกเค้า ยังไงซะก็ต้องออกจากโรงงานแน่ๆ แทนที่จะยินยอมรับเงินเดือน 12000 ไปแต่แรก
2. เราไม่ทราบขั้นตอนของกรมแรงงาน ว่าต้องมีหลักฐานพร้อมแค่ไหนถึงจะสามารถดำเนินการให้ได้ เพราะเราเคยไปปรึกษาเหมือนกับว่าต้องหลักฐานแน่นหนาพอควร ถึงจะดำเนินการให้ เช่นคลิปวีดีโอ หรือหลักฐานการกลั่นแกล้งที่ชัดเจน (ซึ่งแม่เราก็อายุเยอะแล้วค่ะ เรื่องอุปกรณ์มือถือคงไม่ชำนาญขนาดนั้น) อีกอย่างใครเค้าจะให้ถ่ายง่ายๆ ขนาดใบเซ็นยินยอมยังไม่ให้แม่เราจับใบ ยังอ่านให้แม่เราฟังเลย คนในโรงงานก็ถูกนายจ้างให้มาเซ็นเป็นพยาน ไม่มีใครกล้าหือกับนายจ้างเพราะกลัวโดนเด้งไปด้วย
3.ถ้าเค้าใช้อำนาจเงินจริงๆ ทางเราก็คือต้องยินยอมแต่โดยดีทุกทางเลยใช่ไหมคะ ไม่มีทางที่จะได้เงินชดเชยใดๆตามกฏหมาย หรือทำอะไรได้เลย
ซึ่งตรงนี้เราก็กังวล หากขึ้นศาลมาจริงๆ โอกาสชนะนี่จะซักเท่าไหร่กันคะ
4.ถ้าเป็นไปในรูปแบบนี้แล้ว โอกาสที่แม่เราจะได้เงินชดเชยตามกฏหมายแรงงานจะมีโอกาสได้มากน้อยแค่ไหนคะ ถ้าหากเค้าหาเรื่องให้แม่เราผิดจริงๆ และให้เหตุการณ์ดูเหมือนว่ามีเหตุทำให้ต้องไล่ออก (ถ้าให้หวังจากกรมแรงงาน เราไม่มั่นใจเลยจริงๆค่ะ ว่ามันจะยังไง เพราะเราฟังนายจ้างมาก็ค่อนข้างหวั่นๆว่าคงอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม)
5.แม่เราอัดคลิปเสียงไว้บางส่วน เรื่องการพูดคุยการเซ็นสัญญายินยอมและเชิงประมาณว่าหาทางแกล้งได้สารพัดถ้าไม่ยอม และจะบีบให้ออก ประมาณนี้ค่ะ มันมีค่าพอจะเป็นหลักฐานอะไรได้บ้างไหมคะ กลัวว่าจะเป็นเพียงคลิปเสียงพิสูจน์ใดๆไม่ได้อีก
ทั้งหมดทั้งมวล ที่เราเล่ามาเรามีแค่ความหวังอันน้อยนิดจริงๆค่ะ ถ้าหากไม่มีโอกาสจริงๆก็ไม่เป็นอะไรค่ะ อย่างมากก็แค่ลาออกแบบไม่เป็นธรรม ถึงจะไม่ได้อะไร แต่เราก็แค่อยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ขอขอบคุณมากๆค่ะ _/\_
ถูกนายจ้างบังคับให้เซนยินยอมลดเงินเดือน และบีบให้ลาออก ไม่จ่ายค่าชดเชยตามกฏหมาย
แต่ช่วงเดือนหลังๆโรงงานไม่ค่อยมีงาน เลยถูกนายจ้างบอกทำงานไม่คุ้มค่าแรง
นายจ้างเริ่มแกล้งแม่เราตั้งแต่ปลายๆปีที่แล้วแล้วค่ะ แม่เราเล่าว่าเค้าโดนนายจ้างแกล้งด่าต่อหน้าลูกน้องให้อับอาย และอื่นๆอีกมากมาย
แล้วก็มีคนที่เงินเดือนเยอะๆคนอื่นๆ เค้าก็โดนกระทำเหมือนกันค่ะ จากที่แม่เราบอก แต่คนอื่นๆทนไม่ไหวก็ลาออกไปเอง
จนเหลือแม่เรายังอดทนอยู่ พอมาช่วงหลังๆนายจ้างเค้าเลยมาขอลดเงินเดือน
จาก 22,000 เหลือ 12,000 (ส่วนนี้หน้าจะมาจากการที่แม่เราไม่ยอมลาออกซักทีเลยหาทางบีบอีกทางจากที่เราคิดนะคะ)
แต่ทางแม่เราไม่ได้ยินยอม เค้าเริ่มบอกกับแม่เราช่วงเดือนมกราคมเกี่ยวกับการลดเงินเดือน
ช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ก่อนจะจ่ายเงิน ก็เรียกแม่เราเข้าไปประชุมรัวๆ ว่าจะเซ็นยินยอมหรือไม่ (จะได้จ่ายเงินถูกว่าจะให้เท่าไหร่)
เกลี้ยกล่อมให้เซ็นยินยอมทุกอย่างค่ะ โดยเอาพนักงานฝ่ายบุคคล แล้วก็คนอื่นๆอีกเกือบ 10 คนมาช่วยพูด รุมแม่เราให้เซ็นให้ได้
(ฟังแม่เราเล่าแล้วก็อยากไปอยู่ตรงนั้นช่วยแม่เราจริงๆค่ะ) เค้ากล่อมแม่เราว่าถ้าหากเซ็นยินยอมเค้าก็จะให้ทำงานต่อแบบไม่ต้องมีปัญหา
แต่หากไม่เซ็นคือจะแกล้งสารพัดจนทนไม่ไหว รวมถึงจะเขียนใบเตือนว่าแม่เราทำงานไม่มีคุณภาพ
จะให้แม่เรายกของหนักๆ ถ้าหากทำไม่ได้ก็จะออกใบเตือนซ้ำๆ จนกว่าจะมีเรื่องให้ไล่ออกได้แบบไม่ต้องเสียค่าชดเชยตามกฏหมาย
จนสรุปแม่เราก็ไม่ได้เซ็นให้นายจ้าง นายจ้างจึงโยนซองเงินเดือนให้แม่เราแบบครบจำนวน 22000 บาท
แล้วบอกว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงาน จะปิดประกาศไว้ให้ยามห้ามเข้ามา หากขาดงานเกิน 3 วันก็คือออกงานโดยปริยาย
(แต่แม่คิดว่าคงต้องไปทำงานตามปกติค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดีกว่าขาดงานแล้วโดนไล่ออกจริงๆ)
ขอแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ
- แม่เราอายุ เกือบ 60 แล้วค่ะ ทำงานโรงงานนี้ตั้งแต่อายุ 56 ตอนที่เค้าจ้างใหม่ๆ ก็บอกแม่เราว่ามีแรงทำไหวแค่ไหนก็ทำไปเลย
โดยว่าจ้างกันที่ 20000 ต่อเดือน แล้วปีต่อมาก็เพิ่มเงินให้ 2000 รวมเป็น 22000 บาท/เดือน
- แม่เราทำงานด้านนี้อยู่ในวงการมาเกือบ 30ปี เราค่อนข้างมั่นใจว่าแม่เราทำงานมีคุณภาพแน่ๆค่ะ
ถ้าไม่มีคุณภาพจริงๆ เราคิดว่าควรบอกตั้งแต่ปีแรกๆ คงไม่ให้อยู่ทำงานมาจนถึง 4 ปี
- เราเคยไปปรึกษากรมแรงงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ตั้งแต่เค้าขอลดเงินเดือน ซึ่งกรมแรงงานบอกว่าไม่สามารถทำได้ผิดกฏหมาย
ส่วนนี้เลยทำให้แม่เราไม่ยอมรับการลดเงินเดือนของนายจ้าง จนทำให้นายจ้างไม่พอใจจนบานปลายมาจนตอนนี้
- คนอื่นๆที่ลาออกไปที่ทนไม่ไหว ถูกนายจ้างบอกให้ลาออกเองเพื่อเอาเงินประกันสังคม เค้าถึงยอมลาออกเพื่อเอาเงินก้อน
แต่ส่วนแม่เราเค้าเคยได้ประกันสังคมแล้วค่ะ ตอนอายุ 55 เลยไม่ได้ลาออกแบบคนอื่น
สิ่งที่เราอยากทราบและขอคำปรึกษา จากผู้ที่มีประสบการณ์ หรือผู้เชี่ยวชาญกฏหมาย หรือมีคำแนะนำตรงนี้ ถามแบบไม่มีความรู้จริงๆ นะคะ
1. สามารถร้องทุกข์หรือแจ้งเรื่องอะไรได้บ้างไหมคะ เค้าจะดำเนินการให้จริงๆจังๆไหม หรือแค่รับเรื่องไปเฉยๆคะ เพราะนายจ้างบอกมาเชิงว่า เค้ามีคนในกรมแรงงานเยอะ โทรไปคุยไปเคลียมาแล้ว ว่าสิ่งที่เค้าทำไม่ผิดกฏหมายใดๆ และไม่มีหลักฐานใดๆ รวมถึงมีทนายดีๆ หรือบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาช่วยเรื่องนี้ และบอกแม่เราอ้อมๆว่า เราคงไม่มีทางชนะพวกเค้า ยังไงซะก็ต้องออกจากโรงงานแน่ๆ แทนที่จะยินยอมรับเงินเดือน 12000 ไปแต่แรก
2. เราไม่ทราบขั้นตอนของกรมแรงงาน ว่าต้องมีหลักฐานพร้อมแค่ไหนถึงจะสามารถดำเนินการให้ได้ เพราะเราเคยไปปรึกษาเหมือนกับว่าต้องหลักฐานแน่นหนาพอควร ถึงจะดำเนินการให้ เช่นคลิปวีดีโอ หรือหลักฐานการกลั่นแกล้งที่ชัดเจน (ซึ่งแม่เราก็อายุเยอะแล้วค่ะ เรื่องอุปกรณ์มือถือคงไม่ชำนาญขนาดนั้น) อีกอย่างใครเค้าจะให้ถ่ายง่ายๆ ขนาดใบเซ็นยินยอมยังไม่ให้แม่เราจับใบ ยังอ่านให้แม่เราฟังเลย คนในโรงงานก็ถูกนายจ้างให้มาเซ็นเป็นพยาน ไม่มีใครกล้าหือกับนายจ้างเพราะกลัวโดนเด้งไปด้วย
3.ถ้าเค้าใช้อำนาจเงินจริงๆ ทางเราก็คือต้องยินยอมแต่โดยดีทุกทางเลยใช่ไหมคะ ไม่มีทางที่จะได้เงินชดเชยใดๆตามกฏหมาย หรือทำอะไรได้เลย
ซึ่งตรงนี้เราก็กังวล หากขึ้นศาลมาจริงๆ โอกาสชนะนี่จะซักเท่าไหร่กันคะ
4.ถ้าเป็นไปในรูปแบบนี้แล้ว โอกาสที่แม่เราจะได้เงินชดเชยตามกฏหมายแรงงานจะมีโอกาสได้มากน้อยแค่ไหนคะ ถ้าหากเค้าหาเรื่องให้แม่เราผิดจริงๆ และให้เหตุการณ์ดูเหมือนว่ามีเหตุทำให้ต้องไล่ออก (ถ้าให้หวังจากกรมแรงงาน เราไม่มั่นใจเลยจริงๆค่ะ ว่ามันจะยังไง เพราะเราฟังนายจ้างมาก็ค่อนข้างหวั่นๆว่าคงอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม)
5.แม่เราอัดคลิปเสียงไว้บางส่วน เรื่องการพูดคุยการเซ็นสัญญายินยอมและเชิงประมาณว่าหาทางแกล้งได้สารพัดถ้าไม่ยอม และจะบีบให้ออก ประมาณนี้ค่ะ มันมีค่าพอจะเป็นหลักฐานอะไรได้บ้างไหมคะ กลัวว่าจะเป็นเพียงคลิปเสียงพิสูจน์ใดๆไม่ได้อีก
ทั้งหมดทั้งมวล ที่เราเล่ามาเรามีแค่ความหวังอันน้อยนิดจริงๆค่ะ ถ้าหากไม่มีโอกาสจริงๆก็ไม่เป็นอะไรค่ะ อย่างมากก็แค่ลาออกแบบไม่เป็นธรรม ถึงจะไม่ได้อะไร แต่เราก็แค่อยากจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ ขอขอบคุณมากๆค่ะ _/\_