[CR] RE: EP_5 Alone Trip In Singapore 4 : Days 3 : Nights

ฟินDAY 3 : Last but not least in Singaporeเรื่องนี้ต้องขยาย


   มาถึงวันที่ 3 แล้วในใจก็คิดว่า ทำไมมันเร็วจัง แหะๆ ซึ่งในวันนี้ผมจะไปชื้อของฝากที่ China Town ครับ เป็นย่านที่เหมาะมากในการชื่อของไปฝากญาติๆ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่ น้อง
  ผมใช้ MRT  ลงสถานนี China Town ทางออกA คุณครูก็พาเด็กๆมาทัศนศึกษากันเยอะมาก
  ส่วนของฝากจะขายเป็น แพ็ค และ อยู่ในราคาที่ถูก ที่สำคัญ!! ต่อราคาเขาได้ด้วย ผมทำมาแล้ว 555+
*งานทุเรียนก็มานะครับพี่น้อง 555+
    
ช่วงที่ผมไปเป็นช่วงของเทศกาล "Lunar New Year" "ปีใหม่จีน" ที่สิงคโปร์ตามย่าน หรือ ในห้างสำคัญๆก็จะจัดซุ้มขายของ
เป็นของที่มีคุณภาพดี ราคาก็ถูก (มั้งครับ 555+) ณ จุดนี้ผมชื้อของไปฝากทางครอบครัวด้วย
    เทศกาลนี้ไม่ได้มีตลอดครับ ผมได้ไปทำการถามกับพนักงานมาแล้วว่า
"เขาขะจัดขึ้นทุกปี เริ่มประมาณวันที่ 8 มกราคม สิ้นสุด 27 มกราคม"
    ส่วนการชื้อของ เมื่อเราเลือกสิ้นค้าได้แล้วแม่ค้าจะเอาใบเสร็จให้เราไปจ่ายเงินที่ Main Counter (เค้าท์เตอร์หลัก) จากนั้นก็เอาใบเสร็จที่จ่ายเงินกลับมาให้แม่ค้าอีกที เราก็จะได้รับของครับ #ตรงนี้พนักงานให้ข้อมูลผมดีมากเลย Thank you very much

พอหลังจากกลับมาจาก China Town เงินในกระเป๋าเริ่มหมด จะทำยังไงดีล่ะ…!!! ผมกังวลนิดหน่อยครับ และเงินไทยที่ติดตัวมาก็มีอยู่ 700 กว่าบาท แน่นอนว่าที่แลกเงินส่วนใหญ่เขารับแต่แบงค์ 1,000THB แลกเป็น SGD เท่านั้น
  ผมก็เลยแบบเศร้านิดหน่อยครับ เลยเดินคอตกกลับมาที่โรงแรม “แล้วจะเอาอะไรกินดีล่ะ หิวข้าว” ตอนนั้นผมเหลืออยู่ 100SGD ครับ
ซึ่งมันเยอะพอสมควรแต่ผมไม่ยากใช้ เพราะกลัวว่าตอน Check-out จากโรงแรม จะเจอเก็บค่า Charge (ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม แต่จริงๆแล้วเขาไม่เก็บ)
  ผมก็เลยตัดสินใจว่า งั้นก็จะลองเอาบัตรไปกดที่ตู้ ATM ของสิงคโปร์เลย เป็นไงเป็นกัน สัก 70 เหรียญก็ยังดี
  จากนั้นผมก็เดินไปหาตู้ ATM ครับ เจอตู้สีแดง ของธนาคาร OCBC และมีสัญลักษณ์ Visa, MasterCard, Unionpay และ อีกมากมาย ผมก็เลยสอดบัตรเข้าไป ใส่รหัสอะไรต่างๆนาๆ จนกระทั่งบัตรเด้งออกมา
  (ปกติที่ไทยบ้านเรากดเงิน เงินจะต้องออกมาก่อนที่บัตรจะออกมา แต่สิงคโปร์บัตรจะออกมาก่อน จากนั้นเงินจะตามออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้เราลืมบัตร เลิศศศ!!) แต่ไอ่ผมดันไปคิดว่า อ่าว!! กดไม่ได้แน่เลย บัตรเด้งออกมาแบบนี้ แต่สักพักหน้าจอมันก็บอกว่า ‘Please takes your cash’ ผมยังงอยู่ว่าเงินจะออกมาได้ไงทั้งๆที่บัตรมันเด้งออกมาก่อนแล้ว (มีความเป็นไทย --*) จากนั้นเงินมันออกมาจริงๆครับ ผมกดได้ 50 เหรียญ ยะโฮ่ววว!! ได้กินข้าวแล้ว ^_^   #การกดเงินใช้ภาษาอังกฤษไม่ยากเลยครับ

*ผมให้บัตรเดบิตของกรุงไทยครับ ค่าธรรมเนียม 100 บาท
*กดเงินเป็นแบบนี้ ขออยู่ต่อเลยได้ไหม สิงคโปร์ 555+


ฟินNight 3 : In Singaporeเรื่องนี้ต้องขยาย


คืนสุดท้ายผมตรงดิ่งไปยัง LandMark ของ Singapore ครับ นั่นคือ Merlion ออกจากสถานนี Raffles Place ทางออก H
ทางเดินไป Merlion ค่อนข้างสับสนครับ ดังนั้นผมเลยเปิด Roaming ให้ GPS นำทางไปครับ ไปคนเดียวมีหลงอีกแน่...มันดึกมากแล้ว
*ถือว่ามาถึงสิงคโปร์แล้วเนอะ 555+


หลังอยากอยู่ที่ Merlion และเดินเล่นกับบรรยากาศดีๆไปได้สักพักผมก็กลับไปโรงแรมและแพ๊คของเตรียมตัวกลับพรุ่งนี้เช้าครับ


นานาเสียใจDAY 4 : Really to leave Singaporeนานาขอบคุณ


  
หลังจากเก็บเสร็จเมื่อคืนนี้แล้ว ผมก็เดินลงมาข้างล่างโรงแรมเพื่อที่จะ Check-out และไปที่สนามบินแต่เช้า จากที่เราคิดว่าตอน Check-out จะต้องเสียค่า Charge เพิ่ม แต่ปรากฏว่าไม่เสียสักบาทครับ!! (ดีไปอีก ตั้งแต่ต้นจนจบ)
  พนักงานบอกขอบคุณผมก่อนที่จะเดินออกมาส่งผมที่หน้าโรงแรม ผมมารู้ทีหลังว่าการที่โรงแรมในสิงคโปร์ส่วนมากที่ไม่คิดว่า Charge เพิ่มเพราะว่า ตอนที่เราจองหรือจ่ายตอน Check-in แล้วนั้นทางโรงแรมส่วนมากเขาคิดค่า Charge ไว้เรียบร้อยแล้วแบบนี้ครับ แต่นอกเสียงจากว่า เราไปทำข้าวของเขาเสียหาย หรือ ใช้โทรศัพท์ในห้องของโรงแรมโทรออกต่างประเทศครับ
  พูดถึงเรื่องโทรศัพท์ และ Internet ของผมที่ใช้ในสิงคโปร์ คือ…ผมเปิด Roaming ในต่างประเทศครับ โดยเป็นซิม D-Tac (ขอแนะนำครับว่าดีจริง) ซึ่งตอนแรกคิดว่าจะใช้ Pocket Wifi แต่การทำเรื่องและการรับ-ส่งคืน ค่อนข้างซับซ้อน ผมเลยไม่ใช้ครับ (และราคาแพงกว่า Roaming อีกครับ)  และเมื่อผมไปถึงสิงคโปร์ หากเกิดปัญหาการใช้งาน ผมก็สามารถโทรไปหา Callcenter ของ D-tac ได้ฟรี ตลอด 24 ชม!! (แต่ไม่ใช่ 1678 นะครับ) หากใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียกได้ใน Web-Site ของ Dtac Roaming ได้เลยครับ


เปิด Roaming คร่าวๆอย่างไร?


1. การเปิด Roaming ของ D-Tac ที่สิงคโปร์ผมให้ Packet 5 วัน 1,500 บาท Free Interner (ไม่จำกัดตลอด 5 วันภายในสิงคโปร์).
2. เราสามารถสมัครก่อนเดินทางไปสิงคโปร์ได้เลย (การสมัครบริการมีผลทันที).
3. หากใครอยากจะสมัครก่อนไป แนะนำให้สมัครก่อนขึ้นเครื่องสัก 2 ชม. หรือ ใครอยากจะไปสมัครที่นู้นเลยก็ได้ครับ
(ผมก็ไปสมัครที่นู้น).
4. เมื่อไปถึงสิงคโปร์ ก็ค้นหาสัญญาณที่ D-Tac ที่รองรับได้ในการใช้ Internet ครับ โดยใช้สัญญาณของสิงคโปร์.
(หน้าจอจะไม่ขึ้นคำว่า D-Tac แล้วครับหากเราหาสัญญาณเจอ แต่เราก็ใช้โทรหา Call Center ได้ตามปกติ)
5. จะมีข้อความเข้ามาหาเรา แจ้งรายละเอียดการสมัคร หากมีข้อสงสัย ก็จะมีเบอร์ติดต่อพนักงาน D-Tac ฟรี 24 ชม.
(พนักงานช่วยเหลือดีมาก)



คำเตือน!!! ไม่ควรใช้ Roaming โดยที่ไม่สมัคร Packet ไม่งั้นค่าใช้จ่าย สูงเละแน่ (คนมีคนเจอมาล่ะ)
ประมาณว่าไปปุ๊บ เปิดใช้  Internet ปั๊บ แบบนี้....(ถ้ารวยเวอร์ก็ทำไปเลยครับ T_T)
ดังนั้นควรศึกษาวิธีการใช้ให้ดีๆก่อนจาก บริษัทเครือซิมข่ายที่เราใช้อยู่ครับ


ทำไมถึงต้องมี Internet ไว้ใช้ในต่างประเทศ


1. ในความคิดของผม คือ เอาไว้เพื่อฉุกเฉินครับ เพราะไปต่างประเทศคนเดียวด้วย
2. ใช้ อัพรูป ได้สบายๆครับ ไม่ต้องมีปัญหาในการต้อ WiFi สาธารณะไม่ได้
3. ใช้เป็น GPS นำทางครับ สะดวกมาก
4. สามารถใช้หาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว


พูดถึงบัตร Ez-link


เมื่อใครไปเที่ยวทริป Singapore คนเดียว การเดินทางไปไหนต่อไหนที่สะดวกที่สุดคือน่าจะเป็น รถไฟฟ้า MRT
และจะต้องมีบัตร Ez-link ในการจ่ายค่าโดยสาร (ชื้อสามารถใช้จ่ายในร้านสะดวกชื้อก็ได้เช่นกัน)
ผมชื้อบัตร Ez-link ราคา $12 เหรียญ ซึ่งเป็นบัตรที่ใช้ได้ตลอด หากผมกลับมาสิงคโปร์อีกผมก็สามารถใช้ได้เลยครับ
หากเงินในบัตรหมดก็สามารถเติมได้ง่ายๆ ตั้งแต่ $10 เหรียญขึ้นไปครับ และบัตรหาชื้อได้ตามสถานนีรถไฟฟ้าใต้ดินทั่วไป
แต่ผมชื้อจากสถานนี MRT ที่สนามบินครับ มีพนักงานคอยให้บริการ มีหลายราคาต่างกันไปด้วย บางอันใช้ได้แค่ครั้งเดียวครับ

มาถึงสนามบินก็กินข้าวก่อน

จากนั้นขึ้น Skytrain To T1 ซึ่งแต่ละ Terminal จะมีเค้าท์เตอร์ Check-In ของสารการบินแตกต่างกันของไป
AirAsia อยู่ที่ Terminal 1 ส่วนใครที่อยากรู้ว่าสายการบินไหน อยู่ Terminal ไหน ผมถ่ายรูปมาฝากครับ.

Check-In โหลดกระเป๋าอะไรเสร็จแล้ว ก็เข้าไปข้างในตัวสนามบิน เพื่อไปยัง Gateแต่!! Boarding Pass ที่ผมพิมพ์มาจากไทยไม่บอก Gate รวมถึงพนักงานก็ไม่บอกผม ยังไงไม่ต้องเป็นห่วงครับ ให้ดู Flight ของตัวเอง จากนั้นมองไปตรง Monitor ที่จะปรากฏ Gate และ Flight ของเราครับ!!
ตัวอย่าง : ของผม Flight : FD 356 Gate : C26 (เหมือนในจอภาพเลยครับ) โล่งงงง ^_^

*เครื่อง Delay ก็ไม่หวั่นมีที่นอนรอเครื่อง ดูเครื่องบินไปชิวล์ๆ ได้ แต่อย่าหลับเพลิน ให้ตั้งนาฬิกาปลุกด้วยก็ดี

ก่อนขึ้นเครื่องกลับไทย เที่ยวบินผม Delay ไปตั้ง 1 ชม. ครับ 555+
อย่างไรก็ตามประสบการณ์ที่ Singapore Alone Trip ของผม ทำให้ผมเรียนรู้อะไรใหม่ๆเยอะมาก
#ท้ายที่สุด ผมหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนทุกคนด้วยเช่นกันครับ
หากมีอะไรสงสัยอยากที่จะสอบถามเพิ่มเติม สามารถคอมเม้น หรือ ส่งข้อความมาได้เลยครับ ยินดีตอบทุกคำถามครับ
ส่วนครั้งหน้าผมจะไปไหนต่อ ติดตามด้วยนะครับ
*พนักงานเรียกขึ้นเครื่องก็เดินเชิ่ดๆ ไปก่อนเลยครับ เพราะ Premium Flex ชอบม๊ากก 555+


โอปป้าMANY THANKS!!!โอปป้า
ชื่อสินค้า:   เที่ยวสิงคโปร์ด้วยตัวเอง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่