(ตอนนี้เราอายุ22 ผู้ชายอายุ41)
เราเคยมีความรักแล้ว อายุเราต่างกันมากตอนนั้นเจอกันเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาไปไหน เลยยังโสด แต่..เคยแต่งงานแล้วหย่า
รู้จักกันได้เพราะเขาเคยคอมเม้นเฟสเรา แต่ก็อย่างว่าโลกออนไลน์ แล้วพอมาได้เจอตัวจริงโดยบังเอิญได้คุยกัน2-3คำเพราะอายุเราต่างกันมากไปหรือเปล่า แต่ตอนนั้นที่ตกลงคุยกันเพราะเราคิดว่าอยากจะสร้างอนาคตคบใครแบบจริงจังซักทีแล้ว เขาเป็นคนแรกที่มีลูกด้วยกันกับเรา เราอายุ18คบกันมา มีลูกตอนอายุ20 ถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความสุขไหม เราเป็นคนร่าเริงแจ่มใสผิดกับเขาต่างกันมากไปเขาเป็นคนเงียบขรึมโตกว่าอาจเป็นผู้ใหญ่แต่ผู้ใหญ่ทุกคนไม่เป็นแบบนี้ทุกคน ตลอดเวลาที่คบกันมาเราเป็นคนเริ่มชวนคุยนู้นนี้นั้นตลอดจนถึงนาทีสุดท้ายเหมือนคนบ้าพูดคนเดียว ลืมบอกอีกอย่างตอนมีลูกแล้วเราอยู่บ้านเลี้ยงลูก2คนเท่านั้น ตั้งแต่ออกจากร.พ ส่วนเขาไปทำงานทุกวันตั้งแต่เช้ากลับ2ทุ่ม ไม่มีวันหยุดนะค่ะ เพราะเป็นกิจการส่วนตัว ที่ผ่านมาถือว่าไม่เป็นไรตอนยังไม่มีลูกอยู่ด้วยกันที่ทำงานบ้านตอนนั้นยังไม่มีตัวเลยติดกันตลอด เลยทำให้ลืมไปว่าพูดน้อยแต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่มาอยู่บ้านเราก็ทำอะไรลำบาก ลูกยังอ่อนห่างไกลจากภายนอกมีรถก็ไปไหนมาไม่ได้เพราะลูก เหนื่อยน่ะเลี้ยงลูกคนเดียวแต่มีความสุข ชีวิตครอบครัวมันเหมือนจะดีขึ้นมีบ้านมีรถมีลูก กัน3คนพ่อแม่ลูก เหมือนกับคนอื่นที่ฝันว่าอยากมีชีวิตแบบนี้แต่หารู้ไม่ว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ทุกๆวันที่เขาออกไปทำงานกลับมาบ้านดึกส่วนมากเล่นกับลูกแล้วนอน เราคงคิดว่าเขาคงเหนื่อยกับงานที่ต้องออกไปทำงานคนเดียวแบกรับพาระทุกอย่าง จนถึง1ปีลูกโตครบ 1ขวบ เรานอนร้องไห้เกือบทุกวันไหนคือความสุขคำว่าครอบครัว วันนึงเรานับคำพูดได้เลยคุยกันกี่คำ บางวันไม่ถึง10คำ เราไม่รู้หลอกนะถ้าเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้วต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองคงไม่มีเวลามานั่งคิดเล็กคิดน้อยหลอก อาจเป็นเพราะเรายังวัยรุ่นที่ต่างจากเขามากเกินไป เลยจนมาถึงจุดจบของวันนี้ เขาให้ความสุขกับเราคือสิ่งของไม่ว่าอยากได้อะไร เราเลยคิดเคยถามเขานะว่าความสุขของเขาคืออะไร เขาบอกว่าคือการมีครอบครัวการอยู่ด้วยกันลำบากยากดีมีจนก็ไม่ทิ้งกัน ใช่เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแต่การที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องมีความสุขทั้งคู่ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง วันนั้นเรายอมเปิดใจพูดคุยกับเขาว่าทำไม ทำไมคิดแต่แบบนั้นจริงๆแล้วเรามีพร้อมทุกอย่างยกเว้นความสุขทางใจเราเจอหน้ากันอยู่ด้วยกันไม่กี่นาที ไม่กี่ชม.ด้วยซ้ำไปการพูดคุยเล่นไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ ทำไมไม่พูดกับเราเลยมีเรื่องอะไรเขาไม่เคยบอกจนทำให้เราคิดว่า เราไม่สำคัญใช่ไหม เราเป็นแฟนกันน่ะมีอะไรต้องคอยพูดคอยปรึกษากันหาทางออก ตั้งแต่เรารู้จักกันมาจนถึงตอนนี้เราไม่เคยพูดคำหยาบใส่กันเลยสักคำ *ตลอดเวลาเขาไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วสิ่งที่เราต้องการคือการดูแลเอาใจใส่ แค่วันละรอยยิ้มก็พอชื่นใจแล้ว ไม่ใช่สิ่งของนอกกายที่เขาให้มาตลอด (เราได้พูดกับเขานะเพราะเราไม่เคยลำบากด้วยกันไง เลยไม่รู้ว่าต่อให้ไม่มีอะไรเราก็ยังเลือกที่จะอยู่ด้วยกันไม่ทิ้งไปไหน) เรามาเจอกันตอนเขามีพร้อมแล้วทุกอย่าง จากวันนั้นเราได้เลิกกันแล้วเรากลับไปอยู่บ้านครอบครัวเราค่ะ ส่วนลูกอยู่กับฝ่ายแม่ของผู้ชาย เพราะเขามีหลานคนแรก มีลูกชายคนเดียวมีน้องสาวไม่มีแฟน ตั้งแต่เลิกกันมาเราคอยไปหาลูกบ่อยบ้อยถ้ามีโอกาศ แต่ต้องติดต่อกับผู้ชายด้วยอยู่ดี แต่ตอนเลิกกันใหม่ๆเราไม่ติดต่อกัน2เดือน เพื่อทำใจ แต่แล้วความรู้สึกนั้นกับย้อนขึ้นมาใหม่ในวันนี้มีคนเข้ามาในชีวิตเยอะแต่เราเลือกที่จะไม่เปิดใจให้กับใคร เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลัวกลัวอะไรหลายหลายอย่าง เราอายุเท่านี้เคยมีครอบครัวเคยมีลูกแล้ว ใครจะรับได้บ้าง แล้วอีกอย่างใครจะมาคิดจริงใจกับหวังดีหวังร้าย หากมีใครสักคนเข้ามาเปิดใจแล้วเริ่มถึงการแต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร เรากลัวอาจจะไม่ได้ดีกว่าคนแรกแต่กลัวจะแย่กว่าคนเก่าถึงตอนนั้น เราคงรับไม่ไหวแล้ว ชีวิตครอบครัวใครๆก็ต้องการ ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้เลยในใจเราอยากอยู่กันครบเหมือนเดิม แต่ถ้ากลับไปแล้วจะออกมาไม่ได้อีกต่อไป อยู่ตรงนั้นไม่มีความสุขเราก็ต้องทนไปตลอดชีวิต
สุดท้าย จนถึงตอนนี้เราเลิกกันได้ 1ปีแล้ว มีใครเข้ามาเยอะแต่เราไม่เคยคิดจะรักชอบแบบคิดจรถึงสร้างอนาคตสักคน แล้วถึงตอนนี้เราก็ยังติดต่อไปมาหาสู่นานๆที เพราะยังลืมกันไม่ได้แต่มันรู้สึกดีกว่าตอนเราอยู่ด้วยกันแต่ก่อนอีกน่ะ เลยไม่รู้ต่อไปจะทำยังไงดี
เคยมีครอบครัวแล้วไม่กล้าเริ่มใหม่?
เราเคยมีความรักแล้ว อายุเราต่างกันมากตอนนั้นเจอกันเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ทำงานไม่ค่อยมีเวลาไปไหน เลยยังโสด แต่..เคยแต่งงานแล้วหย่า
รู้จักกันได้เพราะเขาเคยคอมเม้นเฟสเรา แต่ก็อย่างว่าโลกออนไลน์ แล้วพอมาได้เจอตัวจริงโดยบังเอิญได้คุยกัน2-3คำเพราะอายุเราต่างกันมากไปหรือเปล่า แต่ตอนนั้นที่ตกลงคุยกันเพราะเราคิดว่าอยากจะสร้างอนาคตคบใครแบบจริงจังซักทีแล้ว เขาเป็นคนแรกที่มีลูกด้วยกันกับเรา เราอายุ18คบกันมา มีลูกตอนอายุ20 ถามว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีความสุขไหม เราเป็นคนร่าเริงแจ่มใสผิดกับเขาต่างกันมากไปเขาเป็นคนเงียบขรึมโตกว่าอาจเป็นผู้ใหญ่แต่ผู้ใหญ่ทุกคนไม่เป็นแบบนี้ทุกคน ตลอดเวลาที่คบกันมาเราเป็นคนเริ่มชวนคุยนู้นนี้นั้นตลอดจนถึงนาทีสุดท้ายเหมือนคนบ้าพูดคนเดียว ลืมบอกอีกอย่างตอนมีลูกแล้วเราอยู่บ้านเลี้ยงลูก2คนเท่านั้น ตั้งแต่ออกจากร.พ ส่วนเขาไปทำงานทุกวันตั้งแต่เช้ากลับ2ทุ่ม ไม่มีวันหยุดนะค่ะ เพราะเป็นกิจการส่วนตัว ที่ผ่านมาถือว่าไม่เป็นไรตอนยังไม่มีลูกอยู่ด้วยกันที่ทำงานบ้านตอนนั้นยังไม่มีตัวเลยติดกันตลอด เลยทำให้ลืมไปว่าพูดน้อยแต่ไม่เป็นไร ตั้งแต่มาอยู่บ้านเราก็ทำอะไรลำบาก ลูกยังอ่อนห่างไกลจากภายนอกมีรถก็ไปไหนมาไม่ได้เพราะลูก เหนื่อยน่ะเลี้ยงลูกคนเดียวแต่มีความสุข ชีวิตครอบครัวมันเหมือนจะดีขึ้นมีบ้านมีรถมีลูก กัน3คนพ่อแม่ลูก เหมือนกับคนอื่นที่ฝันว่าอยากมีชีวิตแบบนี้แต่หารู้ไม่ว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ทุกๆวันที่เขาออกไปทำงานกลับมาบ้านดึกส่วนมากเล่นกับลูกแล้วนอน เราคงคิดว่าเขาคงเหนื่อยกับงานที่ต้องออกไปทำงานคนเดียวแบกรับพาระทุกอย่าง จนถึง1ปีลูกโตครบ 1ขวบ เรานอนร้องไห้เกือบทุกวันไหนคือความสุขคำว่าครอบครัว วันนึงเรานับคำพูดได้เลยคุยกันกี่คำ บางวันไม่ถึง10คำ เราไม่รู้หลอกนะถ้าเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันแล้วต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองคงไม่มีเวลามานั่งคิดเล็กคิดน้อยหลอก อาจเป็นเพราะเรายังวัยรุ่นที่ต่างจากเขามากเกินไป เลยจนมาถึงจุดจบของวันนี้ เขาให้ความสุขกับเราคือสิ่งของไม่ว่าอยากได้อะไร เราเลยคิดเคยถามเขานะว่าความสุขของเขาคืออะไร เขาบอกว่าคือการมีครอบครัวการอยู่ด้วยกันลำบากยากดีมีจนก็ไม่ทิ้งกัน ใช่เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกันแต่การที่จะอยู่ด้วยกันได้ต้องมีความสุขทั้งคู่ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง วันนั้นเรายอมเปิดใจพูดคุยกับเขาว่าทำไม ทำไมคิดแต่แบบนั้นจริงๆแล้วเรามีพร้อมทุกอย่างยกเว้นความสุขทางใจเราเจอหน้ากันอยู่ด้วยกันไม่กี่นาที ไม่กี่ชม.ด้วยซ้ำไปการพูดคุยเล่นไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ ทำไมไม่พูดกับเราเลยมีเรื่องอะไรเขาไม่เคยบอกจนทำให้เราคิดว่า เราไม่สำคัญใช่ไหม เราเป็นแฟนกันน่ะมีอะไรต้องคอยพูดคอยปรึกษากันหาทางออก ตั้งแต่เรารู้จักกันมาจนถึงตอนนี้เราไม่เคยพูดคำหยาบใส่กันเลยสักคำ *ตลอดเวลาเขาไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วสิ่งที่เราต้องการคือการดูแลเอาใจใส่ แค่วันละรอยยิ้มก็พอชื่นใจแล้ว ไม่ใช่สิ่งของนอกกายที่เขาให้มาตลอด (เราได้พูดกับเขานะเพราะเราไม่เคยลำบากด้วยกันไง เลยไม่รู้ว่าต่อให้ไม่มีอะไรเราก็ยังเลือกที่จะอยู่ด้วยกันไม่ทิ้งไปไหน) เรามาเจอกันตอนเขามีพร้อมแล้วทุกอย่าง จากวันนั้นเราได้เลิกกันแล้วเรากลับไปอยู่บ้านครอบครัวเราค่ะ ส่วนลูกอยู่กับฝ่ายแม่ของผู้ชาย เพราะเขามีหลานคนแรก มีลูกชายคนเดียวมีน้องสาวไม่มีแฟน ตั้งแต่เลิกกันมาเราคอยไปหาลูกบ่อยบ้อยถ้ามีโอกาศ แต่ต้องติดต่อกับผู้ชายด้วยอยู่ดี แต่ตอนเลิกกันใหม่ๆเราไม่ติดต่อกัน2เดือน เพื่อทำใจ แต่แล้วความรู้สึกนั้นกับย้อนขึ้นมาใหม่ในวันนี้มีคนเข้ามาในชีวิตเยอะแต่เราเลือกที่จะไม่เปิดใจให้กับใคร เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน กลัวกลัวอะไรหลายหลายอย่าง เราอายุเท่านี้เคยมีครอบครัวเคยมีลูกแล้ว ใครจะรับได้บ้าง แล้วอีกอย่างใครจะมาคิดจริงใจกับหวังดีหวังร้าย หากมีใครสักคนเข้ามาเปิดใจแล้วเริ่มถึงการแต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร เรากลัวอาจจะไม่ได้ดีกว่าคนแรกแต่กลัวจะแย่กว่าคนเก่าถึงตอนนั้น เราคงรับไม่ไหวแล้ว ชีวิตครอบครัวใครๆก็ต้องการ ไม่ได้อยากจะเป็นแบบนี้เลยในใจเราอยากอยู่กันครบเหมือนเดิม แต่ถ้ากลับไปแล้วจะออกมาไม่ได้อีกต่อไป อยู่ตรงนั้นไม่มีความสุขเราก็ต้องทนไปตลอดชีวิต
สุดท้าย จนถึงตอนนี้เราเลิกกันได้ 1ปีแล้ว มีใครเข้ามาเยอะแต่เราไม่เคยคิดจะรักชอบแบบคิดจรถึงสร้างอนาคตสักคน แล้วถึงตอนนี้เราก็ยังติดต่อไปมาหาสู่นานๆที เพราะยังลืมกันไม่ได้แต่มันรู้สึกดีกว่าตอนเราอยู่ด้วยกันแต่ก่อนอีกน่ะ เลยไม่รู้ต่อไปจะทำยังไงดี