Night 2 : In Singapore 
(เนื่องจากวันที่ 2 เที่ยวเยอะมาก เลยต้องมาต่อกระทู้นี้นะครับ)
ตกเย็นวันที่ 2 หลังจากที่นอนพักผ่อน (เจ็บเท้า) พอตื่นขึ้นมาอากาศดีขึ้นมากครับ
ผมเลยเดินออกไปดูร้านอาหารไทยหน้าโรงแรม ปรากฏว่าตอนนี้เปิดครับ ผมก็เลยเดินเข้าไปดูเมนูอาหารพร้อมที่จะสั่งครับ
*เมนูอาหารคุ้นหน้าคุ้นตาเรามาก เพราะเนื่องจากสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีคนหลายเชื้อชาติอยู่ ก็เลยปกติที่จะมีอาหารหลายๆประเทศ
*สุดท้ายก็สั่งสั่งผัดไทยมากิน
รสชาติ!! เส้นกึ่งนุ่ม กึ่งแข็ง ที่ไม่ชอบที่สุดเลยคือ
น้ำมันค่อนข้างเยอะ แต่ผมก็กินจนหมดครับ ^_^
ราคา 5×25.22 = เงินไทย
*มื้อถัดมาก็มาสั่งต้มยำกุ้งกินต่อ
*ไอ่แก้วน้ำสีแดงนั้นคือน้ำแตงโมครับ กรุณา!! ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องสั่งครับ รสชาติไม่ค่อยดีครับ แนะนำให้สั่งพวกน้ำส้มพวกนี้ดีกว่า
รสชาติ!! แซบเวอร์ครับ อร่อยมาก รสชาติไม่ต่างจากบ้านเราเลยครับ ติดเปรี้ยวกว่าไปนิดเดียว
#ยกนิ้วให้เลย
ราคา 6×25.22 = เงินไทย
หลังจากเติมพลังจากการกินอาหารไทยไปแล้ว ผมตั้งใจที่จะไปสะพาน
Helix Bridge ซึ่งเมื่อวานนี้เหนื่อยมากเลยไม่ได้ไป แต่วันนี้ตั้งใจมากครับที่จะไปให้ได้ ผมขึ้น
MRT ไปลงสถานี
Bayfront ทางออก D ซึ่งจะอยู่ในห้าง
The Shoppes At Marina Bay Sands
(ใหญ่และกว้างมาก)
ดังนั้นผมก็เลยหลงทาง 555+ แต่!! เป็นการหลงทางที่ Perfect อีกแล้วครับ ผมเดินตามทางออกในห้างไปสักพัก ตอนท้ายๆจะไม่มีป้ายบอกทางไป
Helix Bridge เลยครับ มีแต่ป้าย
Exit ทางออกของห้างเท่านั้น เพราะกลัวเดินออกไปแล้วไม่เจอ
Helix Bridge
ผมก็เลยท้อนิดหน่อยครับว่า “ถ้ามันจะไปยากขนาดนี้ ก็จะไม่ไปล่ะ!” ไม่นานผมก็ตัดสินใจเดินตามป้ายทางออก
Exit
(เป็นไงเป็นกัน...ตอนแรกว่าจะกลับล่ะ) ปรากกฎว่าหลังจากออกมาจากห้างนั้นก็พบกับแม่น้ำและสายลมเย็นๆพัดมา พร้อมกับอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยดึกที่สูงสง่าพร้อมกับแสงไฟหลากสี และตรงที่ผมเดินออกมานั้นเป็นต้นทางที่จะเดินไปสะพาน
Helix Bridge พอดี!!!! ทำเอาผมแทบร้องไห้แนะ ฮู้ยยย
Romantic ไปอีก
ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆ แล้วก็เจอกับที่นั่งชมการแสดงน้ำพุ ที่มีทั้ง แสง สี เสียง ไปด้วยกันครับ
ที่จริงเรียกว่า "Water light Marina Bay" ก็เลยเปิดโทรศัพท์ดูตารางการแสดงน้ำพุครับ ดังนี้... (ซึ่งจริงๆไม่ได้ตั้งใจมาเลย 555+)
วันอาทิตย์ - วันพฤหัสบดี 2 รอบ 20.00, 21.30
วันศุกร์ - วันเสาร์ 3 รอบ 20.00, 21.30, 23.00
*ควรไปก่อนเวลาการแสดงอย่างน้อย 15 นาทีครับ เพราะถ้าไปสาย ไม่มีที่นั่งแน่ (งานนี้ชมฟรีครับ เอาใจนักท่องเที่ยวอย่างเรา)
การแสดงที่ผมได้ชมคือ The Story Of Water ครับ ประมาณว่า 'น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตของเรามาก ตั้งแต่เกิดจนโต'
(อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่า ทำไมน้ำในสิงคโปร์แพง 555+)
พอหลังจากชมการแสดงน้ำพุเสร็จ ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆครับ ที่จริงเป้าหมายของผมอยู่ที่
Helix Bridge
ซึ่งสะพานนี้มีความหมายว่าของการที่เอา "DNA อันเป็นหน่วยย่อยที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต โดยมีไฟสีเป็นดวงกลมสลับสีแดงและเขียวที่พื้นสะพาน เพื่อเป็นสารเคมีทั้ง 4 แบบที่จะมาเกาะกันเป็นเกลียวของ DNA นั่นเอง"
Cr: หนังสือ Singapore สิงโปร์เที่ยวมันส์ ปั่นสนุก
พอเดินกินลม ชมวิวตามสะพาน
Helix Bridge สมใจแล้วนั้น ตอนเดินมาสุดทางของสะพานก็เจอกับไอติมตัดสิงคโปร์ครับ
(มีขายทั่วไปในสิงคโปร์ แต่ผมพึ่งเจอตรงนี้อ่ะ)
*มีหลายรสชาติให้เลือกครับ ราคาไม่แพงเท่าไหร่ แต่อย่าลืม...กินแล้วเอาพลาสติกทิ้งลงถังขยะด้วยนะครับ
*ผมกินรส Chocolate Mint ครับ
ราคา 1.20×25.22=เงินไทย
(คนขายพูดจีนครับ แต่ผมพูดอังกฤษกับเขา 555+ เนื่องด้วยการที่เราเป็นนักท่องเที่ยว
สัญชาตญาณที่เราต้องมีเลยคือ ภาษาพื้นฐานของแต่ละประเทศที่เราจะไปครับ)
จบครับสำหรับ
Night 2 เพลินจนลืมเรื่องเท้าเจ็บไปเลยครับ สนุกมากจริงๆ ^_^
[CR] RE: EP_4 Alone Trip In Singapore 4 : Days 3 : Nights
ตกเย็นวันที่ 2 หลังจากที่นอนพักผ่อน (เจ็บเท้า) พอตื่นขึ้นมาอากาศดีขึ้นมากครับ
ผมเลยเดินออกไปดูร้านอาหารไทยหน้าโรงแรม ปรากฏว่าตอนนี้เปิดครับ ผมก็เลยเดินเข้าไปดูเมนูอาหารพร้อมที่จะสั่งครับ
รสชาติ!! เส้นกึ่งนุ่ม กึ่งแข็ง ที่ไม่ชอบที่สุดเลยคือ น้ำมันค่อนข้างเยอะ แต่ผมก็กินจนหมดครับ ^_^
ราคา 5×25.22 = เงินไทย
รสชาติ!! แซบเวอร์ครับ อร่อยมาก รสชาติไม่ต่างจากบ้านเราเลยครับ ติดเปรี้ยวกว่าไปนิดเดียว #ยกนิ้วให้เลย
ราคา 6×25.22 = เงินไทย
หลังจากเติมพลังจากการกินอาหารไทยไปแล้ว ผมตั้งใจที่จะไปสะพาน Helix Bridge ซึ่งเมื่อวานนี้เหนื่อยมากเลยไม่ได้ไป แต่วันนี้ตั้งใจมากครับที่จะไปให้ได้ ผมขึ้น MRT ไปลงสถานี Bayfront ทางออก D ซึ่งจะอยู่ในห้าง The Shoppes At Marina Bay Sands
(ใหญ่และกว้างมาก)
ดังนั้นผมก็เลยหลงทาง 555+ แต่!! เป็นการหลงทางที่ Perfect อีกแล้วครับ ผมเดินตามทางออกในห้างไปสักพัก ตอนท้ายๆจะไม่มีป้ายบอกทางไป Helix Bridge เลยครับ มีแต่ป้าย Exit ทางออกของห้างเท่านั้น เพราะกลัวเดินออกไปแล้วไม่เจอ Helix Bridge
ผมก็เลยท้อนิดหน่อยครับว่า “ถ้ามันจะไปยากขนาดนี้ ก็จะไม่ไปล่ะ!” ไม่นานผมก็ตัดสินใจเดินตามป้ายทางออก Exit
(เป็นไงเป็นกัน...ตอนแรกว่าจะกลับล่ะ) ปรากกฎว่าหลังจากออกมาจากห้างนั้นก็พบกับแม่น้ำและสายลมเย็นๆพัดมา พร้อมกับอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยดึกที่สูงสง่าพร้อมกับแสงไฟหลากสี และตรงที่ผมเดินออกมานั้นเป็นต้นทางที่จะเดินไปสะพาน Helix Bridge พอดี!!!! ทำเอาผมแทบร้องไห้แนะ ฮู้ยยย Romantic ไปอีก
ผมเดินตามทางมาเรื่อยๆ แล้วก็เจอกับที่นั่งชมการแสดงน้ำพุ ที่มีทั้ง แสง สี เสียง ไปด้วยกันครับ
ที่จริงเรียกว่า "Water light Marina Bay" ก็เลยเปิดโทรศัพท์ดูตารางการแสดงน้ำพุครับ ดังนี้... (ซึ่งจริงๆไม่ได้ตั้งใจมาเลย 555+)
วันศุกร์ - วันเสาร์ 3 รอบ 20.00, 21.30, 23.00
การแสดงที่ผมได้ชมคือ The Story Of Water ครับ ประมาณว่า 'น้ำมีความสำคัญต่อชีวิตของเรามาก ตั้งแต่เกิดจนโต'
(อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ว่า ทำไมน้ำในสิงคโปร์แพง 555+)
พอหลังจากชมการแสดงน้ำพุเสร็จ ก็เดินตามทางไปเรื่อยๆครับ ที่จริงเป้าหมายของผมอยู่ที่ Helix Bridge
ซึ่งสะพานนี้มีความหมายว่าของการที่เอา "DNA อันเป็นหน่วยย่อยที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต โดยมีไฟสีเป็นดวงกลมสลับสีแดงและเขียวที่พื้นสะพาน เพื่อเป็นสารเคมีทั้ง 4 แบบที่จะมาเกาะกันเป็นเกลียวของ DNA นั่นเอง"
Cr: หนังสือ Singapore สิงโปร์เที่ยวมันส์ ปั่นสนุก
พอเดินกินลม ชมวิวตามสะพาน Helix Bridge สมใจแล้วนั้น ตอนเดินมาสุดทางของสะพานก็เจอกับไอติมตัดสิงคโปร์ครับ
(มีขายทั่วไปในสิงคโปร์ แต่ผมพึ่งเจอตรงนี้อ่ะ)
ราคา 1.20×25.22=เงินไทย
(คนขายพูดจีนครับ แต่ผมพูดอังกฤษกับเขา 555+ เนื่องด้วยการที่เราเป็นนักท่องเที่ยว
สัญชาตญาณที่เราต้องมีเลยคือ ภาษาพื้นฐานของแต่ละประเทศที่เราจะไปครับ)
จบครับสำหรับ Night 2 เพลินจนลืมเรื่องเท้าเจ็บไปเลยครับ สนุกมากจริงๆ ^_^