สู่คำมั่นสัญญาที่ยอดดอยอินทนนท์ #10

กระทู้สนทนา
เป็นความเชื่อส่วนตัวของผมที่เชื่อว่ายานพาหนะทุกคันทุกชนิดล้วนมีชีวิตแต่พูดไม่ได้ อมยิ้ม02
พอผมได้เสือหมอบคันที่อยากได้เลยตั้งใจว่าถ้ามันไม่พังก็จะไม่เปลี่ยนเด็ดขาด
ผมปั่นของผมซ้อมบ้างไม่ซ้อมบ้างเพราะยังไม่มีจุดมุ่งหมาย จนเห็นกระทู้ขึ้นดอยอินทนนท์
ซึ่งจุดไฟการปั่นผมมาก อ่านกระทู้เสร็จถึงกับหันไปมองจักรยานตัวเอง
แล้วบอกว่า "เดี๋ยวปีหน้าเราไปกันบ้างเอาแบบเท้าไม่แตะพื้นเลยด้วย!!"
....ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยขึ้นเขาเลย และไม่เคยปั่นแบบกดหนักๆด้วย 555+

   ผมไม่มีรถเก๋ง และบ้านอยู่กทม.ไม่รู้จะไปซ้อมเขาที่ไหนเลยลองฝึกกดบันไดหนักๆรอบขาต่ำๆหน่อยดู
ซึ่งจำได้เลยว่าครั้งแรกแค่ 5 นาทีขาก็ล้าแล้ว และด้วยเวลาซ้อมที่มีน้อยมาก งานราชงานหลวงแน่น
ผมจึงตัดสินใจซ้อมมันแต่กดหนักนี่ล่ะ ทริปไหนที่มีเนินขึ้นชื่อ มีภูเขา ผมจะขอเกาะรถพี่ในกลุ่มไปตลอด
เพื่อไปทดสอบผลการซ้อมของตัวเอง

ครั้งแรกเลยที่เขาใหญ่

ครั้งที่สอง Audax200 ปากท่อ-สวนผึ้ง

ครั้งที่สามซ้ำสวนผึ้ง

ร่วมทริปปั่นจากกทม.-เขื่อนขุนด่าน เพียงเพราะอยากไปซ้อมไต่เขาที่เขื่อน

ครั้งที่ห้าขึ้นเขาเขียวครั้งแรกในชีวิตก่อนไปงานดอยอินฯ แค่เดือนเดียว
พี่ในกลุ่มเห็นว่าผมจะไปงานดอยอินฯเลยพาผมไปด้วยตอนนั้นผมดีใจโคตรๆ

อาทิตย์ต่อมาก็ขึ้นซ้ำอีกครับ เพื่อทดสอบเฟือง 40
รอบนี้ก็ได้รับการชักชวนจากพี่ใจดีคนนึงในกลุ่มเช่นกัน

ถามว่าผมพร้อมมั้ยสำหรับดอยอินฯ ความรู้สึกคือสุดแสนจะไม่พร้อมเลยครับ 555+
ก่อนงานดอยอินฯ 4 เดือนผมรีโนเวทบ้านทำให้ผมห่างไกลสถานที่ซ้อมมาก
สิ่งที่ผมทำคือลดน.น.เพื่อเพิ่ม วัตต์/ก.ก. ซึ่งก็ได้ผลครับผมลดจาก 74 เหลือ 65 ก.ก.เท่านั้น (สูง 180)
ในช่วงที่มีเวลาซ้อมน้อยๆแบบนี้ผมใช้เทรนเนอร์แก้ขัดเอาครับ

และแล้ววันที่ผมรอคอยก็มาถึง น้องดำน้อยดูมีความมุ่งมั่นไม่แพ้ตัวผมเองเลย
ใครที่เคยใช้กระติก Elite BMC จะรู้ว่าลายมันลอกง่ายมากถ้าเทียบกับลายอื่นๆ
กระติกในภาพนี้ผมจึงเก็บไว้อย่างดี 1 ปีกว่าๆเพื่องานนี้โดยเฉพาะครับ

ช่วงเช้าว่าคนเยอะมากแล้ว ช่วงก่อนปล่อยตัวนี่เยอะกว่าในภาพแบบเทียบกันไม่ติดเลยนะครับ

ช่วงก่อนปล่อยตัวอากาศเย็นผมเลยเอาผ้าบัฟมาปิดไว้ครึ่งหน้าจนถึงคอเพื่อไม่ให้เย็นเกินจนน้ำมูกไหล

ช่วงวินาทีที่ออกตัวนี่เหมือนได้ยินจักรยานตัวเองพูดว่า "ไปกันเถอะครับคุณพ่อ"
นักปั่นๆเกาะกลุ่มกันไปจนถึงเนินคัดเกรดจุดนั้นความเร็วจะต่ำมากเพราะมีจักรยานออกันเต็มไปหมด
ต้องทรงตัวให้พ้นเนินนี้ไปให้ได้ พอพ้นเนินนี้ไปแล้วกลุ่มปั่นก็จะเริ่มแตกปั่นง่ายแล้วครับ
ใครนึกภาพไม่ออกว่าทางเป็นยังไงผมทำภาพเขาใหญ่-ยอดเขาเขียว (ที่ขีดเส้นแดงไว้)
เทียบกับดอยอินฯที่สเกลระยะทางและความสูงเท่าๆกันครับ

ตลอดการเดินทาง 48 ก.ม.ที่สุดแสนจะทรหดโดยเฉพาะ 10 ก.ม.สุดท้าย
นอกจากต้องมีแรงแล้วต้องมีใจสู้ด้วยครับ มันชันแบบยาวๆไม่มีที่ให้ได้พักขาเลย
ถ้าจอดคือเข็นลูกเดียว  ช่วงเนินพระธาตุเป็นจุดที่หลังผมร้าวเหมือนจะระเบิดออก
ดีที่ผมฝึกแพลงกิ้งมาบ้างไม่งั้นคงหนักกว่านี้ เป็นวินาทีที่ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นปั่นต่อไปเรื่อยๆ
ผมแซงนักปั่นที่เคยแซงผมไปก่อนหน้านี้หลายคน บางคนจอดพัก บางคนตะคริวกิน
บางคนกดแทบไม่ไหวแล้ว และมีคนเข็นกันเต็มเลนซ้ายเลยครับ
ในขณะที่ผมรู้สึกว่าใกล้จะถึงลิมิตร่างกายผมแล้ว ผมได้ยินเสียงตะโกนจากคนเชียร์......

"ถึงแล้ว!! ถึงแล้วววววววว!! อีกนิดเดียวค่าาาาาาา"

จุดนั้นเป็นเนินไหลลงนิดนึงซึ่งตามที่ผมอ่านมาคือพ้นจุดนี้ไปก็เส้นชัยแล้วครับ
ผมเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นซุ้มเส้นชัยอยู่ไม่ไกลแล้ว วินาทีนั้นน้ำตาจะไหลเลยครับ
เพลงประกอบการ์ตูนตอนมาคิชิม่ากับจินปาจิอัดขึ้นเขาแข่งกันในเดอะมูฟวี่ดังขึ้นมาในหัวเลย
แบบว่า "ทำได้แล้วโว้ยยยยยย น้องดำน้อยพ่อพาขึ้นมาถึงโดยที่ขาไม่แตะพื้นตามคำสัญญาได้แล้ววว!!"
สำหรับคนขาแรงมีเวลาซ้อมเยอะอาจจะเฉยๆแต่กับคนที่มีเวลาน้อยๆแบบผมนี่ผมเชื่อว่าคงรู้สึกแบบนี้ทุกคน

....ในที่สุด

ข้างบนคนเยอะมากครับ

โพยที่พี่ในกลุ่มทำให้มีประโยชน์มากในการวางแผนการปั่น

เวลาที่ผมรอคอยใกล้จะมาถึงแล้ว สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดไม่ใช่เหรียญหรืออะไรเลย

โน่นครับ สิ่งที่ผมต้องการ

ก่อนนี้ผมเอาภาพในเนตมาตัดแปะตัวเองลงไปไว้ดูคนเดียวแบบนี้

ตอนที่เราบรรลุเป้าหมายที่ไม่ง่ายได้สักอย่างนี่ความรู้สึกมันสุดยอดจริงๆครับ
ผมลงทุนแบกกล้องใส่กระเป๋าใต้อานขึ้นไปเพื่อภาพนี้เลยครับ!!
กระติกน้ำที่เก็บไว้ 1 ปีกว่าๆเพื่อวินาทีนี้เลย (แล้วลายมันก็ลอกคามือตอนถึงที่พัก 555+)

เราทำสำเร็จแล้ว ฮิ้วววว

ปีนี้ผู้จัดทำการบ้านมาดีมากครับทั้งเรื่องรถ จุดสตาร์ท และรถบรรทุกขาลงที่มีจำนวนเยอะมาก
เห็นแถวยาวๆแบบนี้รถขึ้นมากันรอบนึงหายเกลี้ยงเอาง่ายๆเลยครับ

ขออนุญาตคุณลุงในภาพด้วยนะครับ ผมชื่นชมคุณลุงมาก
หนุ่มๆแบบผมยังเหนื่อยแทบตายเลย คุณลุงเก่งมากครับ

วันนั้นยิ้มทั้งวันครับขอบอก 555+

วันถัดมาพี่ในกลุ่มพาไปดอยปุยครับ บางคนอาจจะไม่รู้ว่าเอ๊ะในภาพดอยสุเทพนี่
ดอยปุยอยู่ถัดไปจากพระตำหนักภูพิงค์ที่อยู่ถัดขึ้นไปจากดอยสุเทพครับ

โฉมหน้าพี่ในกลุ่มที่ให้ที่พักและเลี้ยงอาหารผม รวมทั้งเป็นคนสอนผมไต่เขาด้วยครับ

อันนี้พี่ในกลุ่มอีกคนปิดหน้ามิดหมดเลย 555+

ลุงฝรั่งคนนี้ผมเจอที่ดอยสุเทพทั้งสองรอบที่ผมขึ้นไปเลยครับ น่าจะเป็นเจ้าถิ่นที่นั่น

อิอิ

ทางไปดอยปุยชันมากผมไม่กล้าไหลลงต้องเข็นลงเอา 555+

ขอลากันไปด้วยภาพนี้ครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่