สวัสดีครับ ชาวพันทิปทุกท่าน ปกติผมจะสิงอยู่แต่ในห้องหว้ากอเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยได้มาห้องไกลบ้านเท่าไหร่ แต่เนื่องจากอีกไม่กี่วัน จะครบระยะทุน 2 ปี ที่ผมมาเรียนต่อญี่ปุ่นแล้ว วันนี้จึงมาเขียนบอกเล่าประสบการณพร้อมกับรีวิวตีแผ่การใช้ชีวิตและการเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยทุนหนังสือพิมพ์
"โยมิอุริ" ทุนที่เขาว่าโฉด โหด หิน ไม่อึดจริงอยู่ไม่ได้ นั้น มันจะเป็นยังไง มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เดี๋ยวจะมาแชร์ให้อ่านกันครับ
อนึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้แชร์ประสบการ์+รีวิว กระทู้แรกของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอแนะนำตัวคร่าวๆก่อนนะครับ
ผมจบการศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นจากมหาลัยรัฐบาล(ไม่ดัง)แห่งหนึ่ง หลังจบก็มาทำงานเป็นล่ามในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งย่านแหลมฉบัง ตอนเรียนก่อนจบผมสอบได้ N2 ก็จริงแต่พอได้ทำงานจริงแล้ว รู้สึกว่าความรู้ภาษาญี่ปุ่นของตัวเองยังไม่เพียงพอ ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมาก พอทำงานล่ามได้ 3 ปี ผมถึงเริ่มหาช่องทางที่จะมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งแรกๆก็คิดจะสอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เป้าหมายของผม คือไม่ได้ต้องการเรียนภาษาหรืออะไรที่เกี่ยวกับภาษาอย่างเดียว อยากข้ามสายไปเรียนในสาขาวิชาอื่นด้วย ทุนรัฐบาลจึงไม่ตรงกับความต้องการของผมเท่าใดนัก เพราะทุนนี้ให้เรียนต่อในสายตรงที่จบมา ซึ่งจบเอกญี่ปุ่นมาอย่างผม ก็ไปต่อได้แค่ไม่กี่สาย ในตอนนั้นเองมีรุ่นพี่ล่ามท่านหนึ่งที่ทำงานเดียวกันกับผม แกเป็นศิษย์เก่าทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ เคยอยู่ญี่ปุ่นด้วยทุนโยมิมา 4 ปี จึงได้แนะนำทุนนี้ให้กับผม ทำให้ผมจับพัดจับผลู ตัดสินใจลาออกจากงาน ได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วยทุนนี้ในที่สุด
Introduction เกี่ยวกับทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ
ทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ นั้นเป็นทุนของบริษัทหนังสือพิมพ์
The Yomiuri Shinbun ซึ่งจะให้ทุนการศึกษาแก่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเรียนต่อในญี่ปุ่น โดยในไทยทุนนี้จะต้องมีการสมัครผ่าน Agency ซึ่งเท่าที่ผมทราบก็มีหลายเจ้าหลายราย ผู้รับทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อน และไม่มีการสอบแข่งขันใดๆทั้งสิ้น มีแค่การยื่นเอกสาร สัมภาษณ์ หากผ่านก็ได้มาเลย ปัจจุบันไม่ใช่ทุนเปิดที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่เปิดรับกันในกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้น ผมโชคดีที่ได้มาทุนนี้เนื่องจากรู้จักกับพี่ล่ามซึ่งเคยเป็นศิษย์เก่าทุน จึงได้มา โดยทุนนี้จะจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าที่พักให้ มีเงินช่วยเหลือค่าเดินทาง และเงินเดือน(จากการทำงาน)ให้ แต่ก็มีเงื่อนไขสำคัญนั้นก็คือ
ในระหว่างที่รับทุนเราต้องทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ให้กับร้านหนังสือพิมพ์ ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่เขาว่าโฉด โหด หิน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ 555 ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวผมจะสาธยายให้ฟังกันครับ
ใครที่เหมาะกับทุนนี้บ้าง ทุนนี้ให้อะไรเรา และเราต้องทำอะไรแลก?
เชื่อว่าหลายคนที่อ่าน อาจจะมีความสนใจอยู่ทุนนี้ไม่น้อย แต่เท่าที่ผมเคยหาข้อมูลมา กลับพบว่า ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับทุนนั้นมีน้อยมาก อย่ากระนั้นเลย ผมจะมาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกันชัดๆไปเลยว่า ทุนนี้มันดีหรือไม่ดียังไง ให้อะไรเราบ้าง และเราต้องทำอะไรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนบ้าง ทั้งนี้ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ Agency ทุนหรือมาโฆษณาอะไรให้กับทุน อย่างที่บอกไปในย่อหน้าที่แล้วว่า ทุนนี้เป็นทุนปิด ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกคนแล้ว ฉะนั้นผมจะไม่ชี้ช่องทางในการสมัครใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ผมจะพูดถึง คือการแชร์ข้อมูลที่ผมทราบ และประสบการณ์ตรงที่ผมได้เจอะเจอมาเท่านั้น
ทุนนี้เหมาะกับใคร?
- ในความคิดผม ทุนนี้เหมาะกับคนที่อยากมาเรียนภาษาและเรียนในโรงเรียนเซมมงที่ญี่ปุ่น (โรงเรียนสอนวิชาชีพเฉพาะทาง) แต่ไม่มีทุนทรัพย์ส่วนตัวมากพอ หรืออยากประหยัดทุนทรัพย์
- คนที่ไม่ได้เรียนเก่งฉลาดพอ หรือไม่มั่นใจที่จะสอบชิงทุนให้เปล่าต่างๆได้ สิ่งที่ทำได้ก็ต้องใช้แรงกายแรงใจเข้าแลกน่ะครับ และอย่างที่บอก ทุนนี้ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลยก็ได้ ไม่ต้องเรียนเก่งอะไรมากมาย ขอเพียงใจต้องแกร่ง กายต้องแกร่ง ก็มาได้ครับ
- เด็กจบใหม่ที่อยากมาเรียนภาษา หาประสบการณ์ในต่างแดน หรือเป็นใบเบิกทางในการมาทำงานประจำที่ญี่ปุ่นในระยะยาว ศิษย์เก่าทุนหลานคนที่ผมรู้จัก หลังเรียนจบถ้าไม่เรียนต่อก็หางานและได้ประจำในญี่ปุ่นทำกันไม่น้อย หากมีแพลนที่อยากมาทำงานที่ญี่ปุ่น ทุนนี้เป็นทางเลือกอีกทางนึงครับ
ทุนนี้ให้อะไรเราบ้าง?
- อย่างแรกเลยคือ
ค่าเล่าเรียน ผู้รับทุนจะได้มาเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 1 ปี 6 เดือน (แล้วแต่ระยะเวลากที่สมัคร รายละเอียดเดี๋ยวจะว่ากัน) โดยทุนจะชำระเงินค่าเล่าเรียนให้เราทั้งหมด และหากจบจากโรงเรียนสอนภาษาแล้ว มีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับต่อไป เช่นโรงเรียนวิชาชีพเฉพาะทาง (専門学校) หรือมหาวิทยาลัย ก็สามารถขอต่อทุนได้ (เมื่อได้รับความยินยอมจากทางร้าน) โดยทุนจะมีค่าเล่าเรียนให้ปีละประมาณ 1,000,000 เยน ส่วนที่เกินกว่านั้น ต้องออกเอง
- ที่พักฟรี ทางทุนจะมีการจัดหาที่พักให้ โดยที่เราไม่ต้องดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ไม่เสียค่าเช่าห้อง แต่ค่าอื่นๆเช่น น้ำ ไฟ แก๊ส เราต้องออกเองนะ
- เงินช่วยเหลือค่าเดินทางไปเรียน หรือค่าตั๋วรถไฟรายเดือน (定期券) โดยทุนจะช่วยออกบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ก็ตามแต่สัญญาของแต่ละนายหน้าว่าจะช่วยออกแบบไหน สำหรับของผม ร้านจะช่วยออกในส่วนที่เกินจาก 3,500 เยน (เช่น ค่าตั๋วเดือนผม 15,000 เยน ทุนจะช่วยค่าเดินทางเดือนละ 11,500 เยน)
- เงินเดือนจากการทำงาน เดือนละ 90,000 - 130,000 เยน อันนี้แล้วแต่ Agency แล้วแต่สัญญาของแต่ละที่แต่ละร้านเลยครับ ไม่เท่ากันซักที่ ทั้งนี้ หลังจากจบจากโรงเรียนภาษาแล้ว เข้าต่อที่โรงเรียนเซมมง จะได้รับการบรรจุเป็นเด็กทุนโยมิอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเงินเดือนจะถูกปรับใหม่ เท่ากันทั่วประเทศ (อันนี้ จนท.ทุนเขาว่ามางี้ จริงเท็จประการใด ผมไม่มีข้อมูล) ส่วนเงินเดือนเท่านี้ ถือว่าเยอะมั้ย? พอใช้มั้ย? เดี๋ยวจะมาว่ากันอีกที
- สวัสดิการอื่นๆจากการทำงาน เช่นค่ามาเช้า เงินโบนัส เบิกค่าน้ำมันรถ บลาๆ แล้วแต่ร้าน แล้วแต่สัญญาอีกล่ะครับ
- ชุดเครื่องนอนฟุต้ง 1 ชุด ชุดยูนิฟอร์มสำหรับใส่ทำงาน (มีชุดฤดูหนาว 1 ชุดฤดูร้อน 1 และเสื้อโปโล 3 ตัว ต้องใช้ตลอดระยะเวลาที่รับทุน)
- รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน ให้ใช้ 1 คัน (บางร้านส่งโดยใช้รถมอไซ บางร้านใช้จักรยาน แล้วแต่ร้าน)
แน่นอนว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทีนี้เรามาดูสิ่งที่เราต้องทำเพื่อแลกเปลี่ยนกันบ้าง
- ไปเรียนหนังสือ โดยถ้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษา ก็ต้องเรียนตั้งแต่ 9:00 - 13:00 ถ้าเซมมงหรือมหาวิทยาลัยก็จะเลิกช้ากว่านี้
- เราต้องทำงานส่งหนังสือพิมพ์ให้กับทางร้าน โดยใน 1 วัน จะต้องส่ง 2 รอบ (วันอาทิตย์และวันหยุดราชการ ส่งแต่รอบเช้าอย่างเดียว)
- รอบเช้าเวลาตี 2:00 - 6:00 โมงเช้า รอบบ่ายเวลาบ่าย 15:00 - 17:00 โมงเย็น แล้วแต่ร้าน ใครเสร็จก่อนก็ได้กลับก่อนครับ
- มีวันหยุดให้สัปดาห์ละ 1 วัน นอกเหนือจากนั้น จะฝนตก หิมะตก ใต้ฝุ่นเข้า แผ่นดินไหว ก็ต้องไปส่งห้ามหยุดเด็ดขาด!!
- จัดเตรียมและใส่จิราชิ チラシ (ใบปลิวโฆษณา)
- งานเล็กๆน้อยๆอื่นๆที่ทางร้านมอบหมาย เช่น อยู่เวรเฝ้าร้าน เสียบใบปลิวโฆษณา เก็บหนังสือพิมพ์เก่า บลาๆ อันนี้แตกต่างกันไปแล้วแต่ร้าน
- บางร้านจะมีบังคับให้พนักงานทุกคนรับหนังสือพิมพ์ทุกเดือนด้วย ซึ่งก็จะมีโดนหักเงินค่าหนังสือพิมพ์เดือนละ 3,700 กว่าเยน
เว่ากันซือๆ จริงๆแล้วทุนนี้ มันก็เหมือนการหาแรงงานต่างด้าว เข้ามาทำงานส่งหนังสือพิมพ์ให้กับร้านแหละครับ เพราะงานนี้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยมีใครทำกันแล้ว เพราะงานมันลำบาก ค่าแรงไม่สูง จึงต้องมีการหาคนต่างชาติเข้ามาทำงานแทน โดยเอาทุนการศึกษามาเป็นการแลกเปลี่ยน ให้คนอยากมาทำกัน ถามว่าเงื่อนไขพวกนี้คุ้มไหม ยุติธรรมไหม กับการที่เราต้องมาทำงานเยี่ยงทาส (เดี๋ยวมาขยายความอีกที) เหนื่อย(มากๆๆๆ) และเงินที่ได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดคนครับ หากเรารวมๆค่าเล่าเรียนต่อปี ค่าที่พักที่เราไม่ต้องเสีย กับเงินเดือนที่เราได้รับ เอามาเทียบกับชั่วโมงการทำงานแล้วล่ะก็ ขอบอกว่าหางานพิเศษทำเอง ไม่ได้เท่านี้แน่ๆครับ
เตรียมความพร้อมก่อนรับทุน
เมื่อรู้เงือนไขต่างๆของทุนแล้ว หากเรารับได้ก็มาถึงขั้นตอนการสมัครครับ หลังจากที่ผมได้คุยติดต่อคร่าวๆกับ agency ของทุนแล้ว ก็มีการนัดสัมภาษณ์ นัดดูหน่วยก้านสาขา หากเขาเห็นว่าผ่าน ไปไหว ก็จะมีเอกสารต่างๆให้กรอก ให้เตรียมเอกสารสมัครเรียน เอกสารยื่นขอวีซ่า ซึ่งไม่มีอะไรยุ่งยากครับ เพราะทาง Agency จะเป็นผู้จัดการดำเนินการให้เราแทบทั้งหมด แต่หลักๆที่สำคัญที่เตรียม มีดังนี้ครับ
- เอกสารต่างๆ ตามที่ Agency กำหนด
- เงินค่าดำเนินการ 30,000 - 50,000 บาท แล้วแต่เจ้าครับ (ซึ่งรวมค่าดำเนินการต่างๆ การยื่นขอวี ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน บลาๆ)
- เงิน pocket money สำหรับใช้ชีวิตในเดือนแรกที่ไปอยู่ ตรงส่วนนี้ผมเตรียมไป 150,000 เยนก็เพียงพอแบบเหลือๆละครับ เอาไว้ซื้อของใช้จำเป็นเข้าห้อง
- ใบขับขี่มอไซ ที่เอาไปทำเป็นใบขับขี่สากลไว้ เอาไว้สำหรับขับรถมอไซส่งหนังสือพิมพ์ที่ญี่ปุ่นครับ ถ้าไม่มี มีทางเลือก 2 ทางคือ จักรยานกับมาสอบเอาที่ญี่ปุ่นให้ผ่าน (ไม่ยากและไม่ง่าย)
- อุปกรณ์กันหนาว รองเท้าสำหรับวิ่ง กายพร้อมใจพร้อม อุปกรณ์ก็ต้องพร้อมด้วย
- ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ พวกบัตรเครดิต บัตรเดบิตที่กดเงินจากไทยที่ญี่ปุ่นได้ พกมาด้วยก็จะดีครับ สะดวกเวลาทำธุรกรรมซื้อของต่างๆ
- เรียนปรับพื้นฐานภาษาญี่ปุ่น สำหรับคนที่ไม่มีพื้นญี่ปุ่นเลย ทางทุนเขาจะมีให้เรียนปรับพื้นฐานก่อนมาญี่ปุ่นครับ ระยะเวลาเรียนประมาณ 1-2 เดือน แล้วแต่ ซึ่งตรงนี้ก็พอช่วยได้บ้าง ถ้าตั้งใจ อย่างน้อยๆ จำฮิรา-คาตา ให้ได้ให้หมด เพราะพอมาเรียนที่ญี่ปุ่นจริงๆจะไปเร็วมากครับ คนไม่มีพื้นมาเลยนี่มีช๊อค
- และที่สำคัญที่สุด คือเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมครับ นอกจากการทำงานหนักและสภาพอากาศอันโหดร้าย (หึหึ) ที่เราต้องเจอแล้ว ก่อนไปเราจะไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะได้ไปอยู่ร้านไหน เขตไหน ห้องหับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร จะได้เรียนในโรงเรียนอะไร เราไม่สามารถเลือกหรือระบุได้นะครับ ทางทุนจะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้เราไปอยู่ไหน ฉะนั้น การเตรียมความพร้อมในการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ยังมีต่อนะครับ ตัวอักษรเต็มละ เดี๋ยวมาต่อเรื่องสภาพที่พัก การเรียน โรงเรียน ชีวิตความเป็นอยู่และการทำงาน ในรีพลายถัดไปครับ
แชร์ประสบการณ์+รีวิว เรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น 2 ปี ด้วยทุนหนังสือพิมพ์ The Yomiuri Shinbun
อนึ่งกระทู้นี้เป็นกระทู้แชร์ประสบการ์+รีวิว กระทู้แรกของผม หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ขอแนะนำตัวคร่าวๆก่อนนะครับ
ผมจบการศึกษาเอกภาษาญี่ปุ่นจากมหาลัยรัฐบาล(ไม่ดัง)แห่งหนึ่ง หลังจบก็มาทำงานเป็นล่ามในบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งย่านแหลมฉบัง ตอนเรียนก่อนจบผมสอบได้ N2 ก็จริงแต่พอได้ทำงานจริงแล้ว รู้สึกว่าความรู้ภาษาญี่ปุ่นของตัวเองยังไม่เพียงพอ ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมาก พอทำงานล่ามได้ 3 ปี ผมถึงเริ่มหาช่องทางที่จะมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ซึ่งแรกๆก็คิดจะสอบชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เป้าหมายของผม คือไม่ได้ต้องการเรียนภาษาหรืออะไรที่เกี่ยวกับภาษาอย่างเดียว อยากข้ามสายไปเรียนในสาขาวิชาอื่นด้วย ทุนรัฐบาลจึงไม่ตรงกับความต้องการของผมเท่าใดนัก เพราะทุนนี้ให้เรียนต่อในสายตรงที่จบมา ซึ่งจบเอกญี่ปุ่นมาอย่างผม ก็ไปต่อได้แค่ไม่กี่สาย ในตอนนั้นเองมีรุ่นพี่ล่ามท่านหนึ่งที่ทำงานเดียวกันกับผม แกเป็นศิษย์เก่าทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ เคยอยู่ญี่ปุ่นด้วยทุนโยมิมา 4 ปี จึงได้แนะนำทุนนี้ให้กับผม ทำให้ผมจับพัดจับผลู ตัดสินใจลาออกจากงาน ได้มาเรียนต่อที่ญี่ปุ่นด้วยทุนนี้ในที่สุด
Introduction เกี่ยวกับทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ
ทุนหนังสือพิมพ์โยมิอุริ นั้นเป็นทุนของบริษัทหนังสือพิมพ์ The Yomiuri Shinbun ซึ่งจะให้ทุนการศึกษาแก่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติมาเรียนต่อในญี่ปุ่น โดยในไทยทุนนี้จะต้องมีการสมัครผ่าน Agency ซึ่งเท่าที่ผมทราบก็มีหลายเจ้าหลายราย ผู้รับทุนไม่จำเป็นต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาก่อน และไม่มีการสอบแข่งขันใดๆทั้งสิ้น มีแค่การยื่นเอกสาร สัมภาษณ์ หากผ่านก็ได้มาเลย ปัจจุบันไม่ใช่ทุนเปิดที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่เปิดรับกันในกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้น ผมโชคดีที่ได้มาทุนนี้เนื่องจากรู้จักกับพี่ล่ามซึ่งเคยเป็นศิษย์เก่าทุน จึงได้มา โดยทุนนี้จะจ่ายค่าเล่าเรียน ค่าที่พักให้ มีเงินช่วยเหลือค่าเดินทาง และเงินเดือน(จากการทำงาน)ให้ แต่ก็มีเงื่อนไขสำคัญนั้นก็คือ ในระหว่างที่รับทุนเราต้องทำงานเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์ให้กับร้านหนังสือพิมพ์ ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่เขาว่าโฉด โหด หิน ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้ 555 ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น เดี๋ยวผมจะสาธยายให้ฟังกันครับ
ใครที่เหมาะกับทุนนี้บ้าง ทุนนี้ให้อะไรเรา และเราต้องทำอะไรแลก?
เชื่อว่าหลายคนที่อ่าน อาจจะมีความสนใจอยู่ทุนนี้ไม่น้อย แต่เท่าที่ผมเคยหาข้อมูลมา กลับพบว่า ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับทุนนั้นมีน้อยมาก อย่ากระนั้นเลย ผมจะมาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกันชัดๆไปเลยว่า ทุนนี้มันดีหรือไม่ดียังไง ให้อะไรเราบ้าง และเราต้องทำอะไรเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนบ้าง ทั้งนี้ขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ Agency ทุนหรือมาโฆษณาอะไรให้กับทุน อย่างที่บอกไปในย่อหน้าที่แล้วว่า ทุนนี้เป็นทุนปิด ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับทุกคนแล้ว ฉะนั้นผมจะไม่ชี้ช่องทางในการสมัครใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่ผมจะพูดถึง คือการแชร์ข้อมูลที่ผมทราบ และประสบการณ์ตรงที่ผมได้เจอะเจอมาเท่านั้น
ทุนนี้เหมาะกับใคร?
- ในความคิดผม ทุนนี้เหมาะกับคนที่อยากมาเรียนภาษาและเรียนในโรงเรียนเซมมงที่ญี่ปุ่น (โรงเรียนสอนวิชาชีพเฉพาะทาง) แต่ไม่มีทุนทรัพย์ส่วนตัวมากพอ หรืออยากประหยัดทุนทรัพย์
- คนที่ไม่ได้เรียนเก่งฉลาดพอ หรือไม่มั่นใจที่จะสอบชิงทุนให้เปล่าต่างๆได้ สิ่งที่ทำได้ก็ต้องใช้แรงกายแรงใจเข้าแลกน่ะครับ และอย่างที่บอก ทุนนี้ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานภาษาญี่ปุ่นเลยก็ได้ ไม่ต้องเรียนเก่งอะไรมากมาย ขอเพียงใจต้องแกร่ง กายต้องแกร่ง ก็มาได้ครับ
- เด็กจบใหม่ที่อยากมาเรียนภาษา หาประสบการณ์ในต่างแดน หรือเป็นใบเบิกทางในการมาทำงานประจำที่ญี่ปุ่นในระยะยาว ศิษย์เก่าทุนหลานคนที่ผมรู้จัก หลังเรียนจบถ้าไม่เรียนต่อก็หางานและได้ประจำในญี่ปุ่นทำกันไม่น้อย หากมีแพลนที่อยากมาทำงานที่ญี่ปุ่น ทุนนี้เป็นทางเลือกอีกทางนึงครับ
ทุนนี้ให้อะไรเราบ้าง?
- อย่างแรกเลยคือ ค่าเล่าเรียน ผู้รับทุนจะได้มาเรียนในโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น เป็นระยะเวลา 2 ปี หรือ 1 ปี 6 เดือน (แล้วแต่ระยะเวลากที่สมัคร รายละเอียดเดี๋ยวจะว่ากัน) โดยทุนจะชำระเงินค่าเล่าเรียนให้เราทั้งหมด และหากจบจากโรงเรียนสอนภาษาแล้ว มีความประสงค์จะเรียนต่อในระดับต่อไป เช่นโรงเรียนวิชาชีพเฉพาะทาง (専門学校) หรือมหาวิทยาลัย ก็สามารถขอต่อทุนได้ (เมื่อได้รับความยินยอมจากทางร้าน) โดยทุนจะมีค่าเล่าเรียนให้ปีละประมาณ 1,000,000 เยน ส่วนที่เกินกว่านั้น ต้องออกเอง
- ที่พักฟรี ทางทุนจะมีการจัดหาที่พักให้ โดยที่เราไม่ต้องดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ไม่เสียค่าเช่าห้อง แต่ค่าอื่นๆเช่น น้ำ ไฟ แก๊ส เราต้องออกเองนะ
- เงินช่วยเหลือค่าเดินทางไปเรียน หรือค่าตั๋วรถไฟรายเดือน (定期券) โดยทุนจะช่วยออกบางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมดนะ ก็ตามแต่สัญญาของแต่ละนายหน้าว่าจะช่วยออกแบบไหน สำหรับของผม ร้านจะช่วยออกในส่วนที่เกินจาก 3,500 เยน (เช่น ค่าตั๋วเดือนผม 15,000 เยน ทุนจะช่วยค่าเดินทางเดือนละ 11,500 เยน)
- เงินเดือนจากการทำงาน เดือนละ 90,000 - 130,000 เยน อันนี้แล้วแต่ Agency แล้วแต่สัญญาของแต่ละที่แต่ละร้านเลยครับ ไม่เท่ากันซักที่ ทั้งนี้ หลังจากจบจากโรงเรียนภาษาแล้ว เข้าต่อที่โรงเรียนเซมมง จะได้รับการบรรจุเป็นเด็กทุนโยมิอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ถึงตอนนั้นเงินเดือนจะถูกปรับใหม่ เท่ากันทั่วประเทศ (อันนี้ จนท.ทุนเขาว่ามางี้ จริงเท็จประการใด ผมไม่มีข้อมูล) ส่วนเงินเดือนเท่านี้ ถือว่าเยอะมั้ย? พอใช้มั้ย? เดี๋ยวจะมาว่ากันอีกที
- สวัสดิการอื่นๆจากการทำงาน เช่นค่ามาเช้า เงินโบนัส เบิกค่าน้ำมันรถ บลาๆ แล้วแต่ร้าน แล้วแต่สัญญาอีกล่ะครับ
- ชุดเครื่องนอนฟุต้ง 1 ชุด ชุดยูนิฟอร์มสำหรับใส่ทำงาน (มีชุดฤดูหนาว 1 ชุดฤดูร้อน 1 และเสื้อโปโล 3 ตัว ต้องใช้ตลอดระยะเวลาที่รับทุน)
- รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน ให้ใช้ 1 คัน (บางร้านส่งโดยใช้รถมอไซ บางร้านใช้จักรยาน แล้วแต่ร้าน)
แน่นอนว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทีนี้เรามาดูสิ่งที่เราต้องทำเพื่อแลกเปลี่ยนกันบ้าง
- ไปเรียนหนังสือ โดยถ้าเรียนในโรงเรียนสอนภาษา ก็ต้องเรียนตั้งแต่ 9:00 - 13:00 ถ้าเซมมงหรือมหาวิทยาลัยก็จะเลิกช้ากว่านี้
- เราต้องทำงานส่งหนังสือพิมพ์ให้กับทางร้าน โดยใน 1 วัน จะต้องส่ง 2 รอบ (วันอาทิตย์และวันหยุดราชการ ส่งแต่รอบเช้าอย่างเดียว)
- รอบเช้าเวลาตี 2:00 - 6:00 โมงเช้า รอบบ่ายเวลาบ่าย 15:00 - 17:00 โมงเย็น แล้วแต่ร้าน ใครเสร็จก่อนก็ได้กลับก่อนครับ
- มีวันหยุดให้สัปดาห์ละ 1 วัน นอกเหนือจากนั้น จะฝนตก หิมะตก ใต้ฝุ่นเข้า แผ่นดินไหว ก็ต้องไปส่งห้ามหยุดเด็ดขาด!!
- จัดเตรียมและใส่จิราชิ チラシ (ใบปลิวโฆษณา)
- งานเล็กๆน้อยๆอื่นๆที่ทางร้านมอบหมาย เช่น อยู่เวรเฝ้าร้าน เสียบใบปลิวโฆษณา เก็บหนังสือพิมพ์เก่า บลาๆ อันนี้แตกต่างกันไปแล้วแต่ร้าน
- บางร้านจะมีบังคับให้พนักงานทุกคนรับหนังสือพิมพ์ทุกเดือนด้วย ซึ่งก็จะมีโดนหักเงินค่าหนังสือพิมพ์เดือนละ 3,700 กว่าเยน
เว่ากันซือๆ จริงๆแล้วทุนนี้ มันก็เหมือนการหาแรงงานต่างด้าว เข้ามาทำงานส่งหนังสือพิมพ์ให้กับร้านแหละครับ เพราะงานนี้คนญี่ปุ่นไม่ค่อยมีใครทำกันแล้ว เพราะงานมันลำบาก ค่าแรงไม่สูง จึงต้องมีการหาคนต่างชาติเข้ามาทำงานแทน โดยเอาทุนการศึกษามาเป็นการแลกเปลี่ยน ให้คนอยากมาทำกัน ถามว่าเงื่อนไขพวกนี้คุ้มไหม ยุติธรรมไหม กับการที่เราต้องมาทำงานเยี่ยงทาส (เดี๋ยวมาขยายความอีกที) เหนื่อย(มากๆๆๆ) และเงินที่ได้ก็ไม่ได้มากมายอะไร อันนี้ก็แล้วแต่ความคิดคนครับ หากเรารวมๆค่าเล่าเรียนต่อปี ค่าที่พักที่เราไม่ต้องเสีย กับเงินเดือนที่เราได้รับ เอามาเทียบกับชั่วโมงการทำงานแล้วล่ะก็ ขอบอกว่าหางานพิเศษทำเอง ไม่ได้เท่านี้แน่ๆครับ
เตรียมความพร้อมก่อนรับทุน
เมื่อรู้เงือนไขต่างๆของทุนแล้ว หากเรารับได้ก็มาถึงขั้นตอนการสมัครครับ หลังจากที่ผมได้คุยติดต่อคร่าวๆกับ agency ของทุนแล้ว ก็มีการนัดสัมภาษณ์ นัดดูหน่วยก้านสาขา หากเขาเห็นว่าผ่าน ไปไหว ก็จะมีเอกสารต่างๆให้กรอก ให้เตรียมเอกสารสมัครเรียน เอกสารยื่นขอวีซ่า ซึ่งไม่มีอะไรยุ่งยากครับ เพราะทาง Agency จะเป็นผู้จัดการดำเนินการให้เราแทบทั้งหมด แต่หลักๆที่สำคัญที่เตรียม มีดังนี้ครับ
- เอกสารต่างๆ ตามที่ Agency กำหนด
- เงินค่าดำเนินการ 30,000 - 50,000 บาท แล้วแต่เจ้าครับ (ซึ่งรวมค่าดำเนินการต่างๆ การยื่นขอวี ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเรียนปรับพื้นฐาน บลาๆ)
- เงิน pocket money สำหรับใช้ชีวิตในเดือนแรกที่ไปอยู่ ตรงส่วนนี้ผมเตรียมไป 150,000 เยนก็เพียงพอแบบเหลือๆละครับ เอาไว้ซื้อของใช้จำเป็นเข้าห้อง
- ใบขับขี่มอไซ ที่เอาไปทำเป็นใบขับขี่สากลไว้ เอาไว้สำหรับขับรถมอไซส่งหนังสือพิมพ์ที่ญี่ปุ่นครับ ถ้าไม่มี มีทางเลือก 2 ทางคือ จักรยานกับมาสอบเอาที่ญี่ปุ่นให้ผ่าน (ไม่ยากและไม่ง่าย)
- อุปกรณ์กันหนาว รองเท้าสำหรับวิ่ง กายพร้อมใจพร้อม อุปกรณ์ก็ต้องพร้อมด้วย
- ของใช้ส่วนตัวอื่นๆ พวกบัตรเครดิต บัตรเดบิตที่กดเงินจากไทยที่ญี่ปุ่นได้ พกมาด้วยก็จะดีครับ สะดวกเวลาทำธุรกรรมซื้อของต่างๆ
- เรียนปรับพื้นฐานภาษาญี่ปุ่น สำหรับคนที่ไม่มีพื้นญี่ปุ่นเลย ทางทุนเขาจะมีให้เรียนปรับพื้นฐานก่อนมาญี่ปุ่นครับ ระยะเวลาเรียนประมาณ 1-2 เดือน แล้วแต่ ซึ่งตรงนี้ก็พอช่วยได้บ้าง ถ้าตั้งใจ อย่างน้อยๆ จำฮิรา-คาตา ให้ได้ให้หมด เพราะพอมาเรียนที่ญี่ปุ่นจริงๆจะไปเร็วมากครับ คนไม่มีพื้นมาเลยนี่มีช๊อค
- และที่สำคัญที่สุด คือเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมครับ นอกจากการทำงานหนักและสภาพอากาศอันโหดร้าย (หึหึ) ที่เราต้องเจอแล้ว ก่อนไปเราจะไม่มีทางรู้เลยว่า เราจะได้ไปอยู่ร้านไหน เขตไหน ห้องหับสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร จะได้เรียนในโรงเรียนอะไร เราไม่สามารถเลือกหรือระบุได้นะครับ ทางทุนจะเป็นผู้กำหนดว่าจะให้เราไปอยู่ไหน ฉะนั้น การเตรียมความพร้อมในการปรับตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ยังมีต่อนะครับ ตัวอักษรเต็มละ เดี๋ยวมาต่อเรื่องสภาพที่พัก การเรียน โรงเรียน ชีวิตความเป็นอยู่และการทำงาน ในรีพลายถัดไปครับ