เนื่องด้วยเราเองก็เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องรถเลย เลยอยากจะถามเพื่อนๆว่า ถ้าเจอปัญหาแบบนี้ จะทำยังไงดีคะ
เรื่องมีอยู่ว่า.......
เราได้ออกรถคันนึงกับค่ายใบพัดฟ้า เมื่อเดือนมิย.2013 ในราคา 2,249,000บาท มีการใช้งานและเช็คระยะตามปกติ แต่เมื่อวันที่ 5/07/2016 (รถใช้มา 3ปีซึ่งตามBSIของรถค่ายนี้คือ5ปี) รถได้มีอาการผิดปกติ คือเมื่อสตาร์ทรถ พอเริ่มเคลื่อนตัวออก รถมีอาการกระตุก ลองดับเครื่องสตาร์ทใหม่ก็ยังมีอาการเหมือนเดิม ที่หน้าปัดไม่มีการแจ้งสิ่งผิดปกติใดๆ (ปกติแล้วจะมีสัญลักษณืแจ้งเตือนขึ้นที่หน้าปัด หากรถมีความผิดปกติ) ที่หน้าจอรถ มีการแจ้งเตือนให้มีการเปลี่ยนน้ำมันเบรก(ถึงเวลาเช็คระยะพอดี) จึงได้เข้าไปศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด อยู่ที่ถนนรัชดา(ดีลเลอร์A) ซึ่งทางดีลเลอร์แจ้งว่า จะใช้เวลาเช็คและซ่อมประมาณ1สัปดาห์ หลังจากนั้นวันที่ 9/07/16 เราได้โทรไปสอบถามเกี่ยวกับอาการผิดปกติ ซึ่งทางดีลเลอร์A แจ้งว่ามีการเปลี่ยนน้ำมันเบรก และเปลี่ยนหม้อน้ำ เพราะพบอาการผิดปกติของหม้อน้ำ แต่รถยังมีอาการกระตุกเหมือนเดิม ยังหาสาเหตุไม่ได้ เราจึงแจ้งว่า ขอย้ายรถไปซ่อมกับทางดีลเลอร์M สาขาพระราม4 เพราะเป็นดีลเลอร์ที่เราซื้อรถมา โดยได้ติดต่อประสานงานกับคุณ ช. จากนั้นจึงได้ย้ายรถไปภายในวันเดียวกันคือวันที่ 9/07/16 หลังจากนั้นประมาณ 3วัน จึงได้โทรเข้าไปสอบถาม ซึ่งทางศูนย์ ยังไม่พบจุดบกพร่องที่ทำให้รถกระตุก ซึ่งเราเห็นว่าใช้เวลาซ่อมผ่านมาระยะนึงแล้ว และเราไม่มีรถใช้ตั้งแต่วันที่ 5/7/16 ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงได้ขอรถสำรองกับคุณช.ใช้ในระหว่างซ่อม ซึ่งคุณช.จึงได้ติดต่อขอยืมรถ และได้ให้สำรองมาใช้ในวันที่ 16/7/16 ในวันที่25/7/16 ได้เข้าไปที่ศุนย์อีกครั้งเพื่อติดตามอาการเสีย ซึ่งคุณช.ก็ได้อัพเดทการตรวจเช็คให้ทราบว่าพบปัญหาดังนี้

จากนั้นประมาณเดือน8 คุณช. ได้โทรมาแจ้งว่าขออนุญาติรื้อเครื่องออกมาเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด หาจุดผิดปกติเพราะยังไม่เจอสาเหตุที่ทำให้มีอาการกระตุก ซึ่งเราเองก็มีความกังวลในการต้องถอดรื้อเครื่องออกมา แต่คุณช.แจ้งว่าช่างมีประสบการณ์และมีความชำนาญ จึงได้ตกลงให้ทำการรื้อเครื่องออกมา หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าอยู่ตลอด และเหมือนจะยังหาสาเหตุไม่พบซักที
จนประมาณเดือน9/16 คุณช. แจ้งว่าพบคราบเขม่าที่ลูกสูบ และพบคราบน้ำ มีรอยร้าว(ซึ่งตัวเราเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ) จึงได้คุยกับคุณช.ว่า รถมีอาการผิดปกติมาก ควรจะมีการต่อBSI หรือรับประกันเครื่องยนต์เพิ่มเพื่อให้ความมั่นใจกับลูกค้า คุณช.จึงบอกว่าจะคุยกับทางค่ายรถให้ แต่ให้เราติดต่อทางค่ายรถไปอีกทางนึงด้วย เราจึงติดต่อไปทางเวปไซต์ของค่ายรถนี้ และแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ทางค่ายรถติดต่อกลับ แต่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ไม่มีการติดต่อกลับ จึงได้โทรเข้าCall centerของค่ายรถ แต่ก็ไม่มีใครติดต่อกลับอีก โดยได้ติดต่อเข้าไปซ้ำทั้งหมด4 ครั้ง ระหว่างนั้นรถได้ตรวจพบจุดที่ผิดปกติเพิ่มเติมแล้วและคุณช. แจ้งว่าได้มีการเปลี่ยนอะไหล่เรียบร้อยแล้ว
02/12/16 คุณช.แจ้งให้เราเข้าไปที่สนง. ที่ตึกAll season เพื่อขอยืมเล่มทะเบียนออกมาเปลี่ยนเลขเครื่อง เรารู้สึกกังวลขึ้นมากว่ารถเปลี่ยนเลขเครื่องแสดงว่ามีปัญหาเยอะ แล้วจะทำให้รถราคาตกเมื่อนำไปขาย จึงขอให้ทางดีลเลอร์M ช่วยติดต่อขอความช่วยเหลือลูกค้าอีกครั้ง และเราเองก็โทรเข้าไปCall centerอีกเมื่อกลางเดือนธค. เพราะรถใกล้จะซ่อมเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเหมือนเดิม คือเรื่องเงียบ ไม่มีการติดต่อใดๆจากทางค่ายรถนี้ และคุณช.ได้โทรมาแจ้งว่ารถกำลังอยู่ในระหว่างการเทส และตรวจสอบความเรียบร้อย หลังปีใหม่ให้เราเข้ามารับรถได้เลย ช่วงนั้นเราร้อนใจมาก รอจนหลังปีใหม่ จึงได้คุยกับคุณช. ถามถึงความคืบหน้าที่ให้ขอความช่วยเหลือจากค่ายรถ แต่คุณช.แจ้งว่า แจ้งทางค่ายรถไปแล้ว แต่เรื่องถูกปฏิเสธ ให้เราเข้ามารับรถได้เลย และมีการส่งจดหมายตอบรับมาว่าเรารับทราบการสิ้นสุดการซ่อมแล้วให้เราเข้าไปรับรถ เรารู้สึกว่าไม่แฟร์กับลูกค้า เพราะรถถูกซ่อมถึง 6เดือน มีการรื้อเครื่อง การเปลี่ยนเลขเครื่อง แต่ไม่มีการให้ความมั่นใจในแบรนด์กับลูกค้าเลย อีกทั้งเราไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะจากอาการที่เกิดขึ้นทางศูนย์ก็ไม่สามารถแจ้งได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงได้แจ้งไปว่า เราไม่ต้องการที่จะใช้รถคันนี้อีกต่อไป ให้ทางดีลเลอร์ตีราคามา ว่าจะรับซื้อรถคันนี้ที่ราคาเท่าไหร่ จากนั้นคุณช. จึงได้ส่งเรื่องให้คุณภ. ดูแลแทนเพราะหมดหน้าที่งานซ่อมแล้ว คุณภ.ได้โทรมาแจ้งอีกครั้งว่าให้เข้าไปรับรถ และนำรถสำรองไปคืน เนื่องจากรถคันที่เราใช้อยู่ไม่มีประกันแล้ว หากเกิดเหตุอะไร เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง ซึ่งไม่พอใจที่คุณภ.ที่พูดแบบนี้ เพราะรถคันที่นำเข้าซ่อมมีประกันชั้นหนึ่ง เราต้องการให้มีการคุยและรับผิดชอบรถเราอย่างเร็ว เพื่อที่จะได้รีบนำรถไปคืน และการที่รถเสียไม่ได้เกิดจากความผิดของเรา แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงแจ้งคุณภ.ไปอีกครั้งว่า เราต้องการขายรถถ้าไม่มีการต่อBSI หรือให้ความมั่นใจใดๆกับเรา คุณภ.จึงแจ้งว่าจะติดต่อทางค่ายรถให้อีกครั้ง หลังจากนั้นเราติดต่อกลับไปเพื่อขอคำตอบตั้งแต่ประมาณกลางเดือน1/17 แต่มักจะติดต่อไม่ได้ ทั้งคุณภ. และคุณช. จะให้โทรกลับมาก็ไม่โทรกลับบ้าง
เดือน2/17 เราจึงติดต่อผ่านทางเซลล์ที่ซื้อรถมา และแจ้งความประสงค์ที่จะขายรถคันนี้ ซึ่งทางดีลเลอร์ตีราคามาที่ 1,050,000บาท ซึ่งเราคิดว่าเป็นราคาที่ต่ำมากจากที่เราคิดว่าน่าจะได้คือประมาณ1,200,000-1,300,000บาท (จากที่หาข้อมูลราคาขายรถคันนี้ปีเดียวกันจากเว็บขายรถมือสองหลายๆที่ ราคาประมาณ 1,400,000,-1,500,000บาท) จึงได้แจ้งไปว่าให้ขอให้ทางดีลเลอร์คุยเรื่องBSI อีกครั้ง ในวันที่20/02/17แต่ทางค่ายรถได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ในระหว่างซ่อม ได้มีการให้รถสำรองลูกค้าใช้ไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องต่อBSI เพิ่มให้ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะเป็น เนื่องจาก ในระหว่างที่รถซ่อมอยู่ ระยะเวลาของ BSIก็ดำเนินไปเรื่อย ไม่ได้มีการหยุดไว้ และหากรถคันที่ซ่อมเลย 5ปีไปแล้ว เกิดอาการแบบเดิมขึ้นอีก เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายคันนี้เอง (ซึ้งค่าใช้จ่ายในการซ่อมไม่ต่ำกว่า 2แสน ) และการนำรถไปขายต่อทำให้รถถูกตีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก(เราต้องรับผิดชอบในส่วนนี้เองหรอ?) สิ่งที่เราขอกับทางค่ายรถไปคือความมั่นใจที่เป็นรูปธรรม ซึ่งถ้ารถไม่ได้ปัญหาในส่วนนี้อีกก็ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางค่ายรถก็ไม่น่าจะต้องเสียหายอะไร ล่าสุดที่คุยกับทางดีลเลอร์คือ ถ้าเราต้องการเรียกร้องต่อ เราจะต้องติดต่อกับค่ายรถเอง ซึ่งตอนนี้เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ล่าสุดคุณภ.ได้โทรหาช่วงเย็นวันที่20/01/17 คุณภ.เสนอว่าจะขอทางผู้ใหญ่ให้รับซื้อรถในราคาสูงขึ้นอีก50,000บาท เท่ากับเป็น1,100,000บาท ถ้าเราตกลงจึงจะยื่นเรื่องเราบอกคุณภ. ว่าขอเวลาตัดสินใจ1-2วัน จึงอยากจะถามความเห็นทุกคนว่าควรจะทำอย่างไร
1.รับรถกลับมาและยอมใช้รถที่มีการรื้อเครื่อง เปลี่ยนเลขเครื่องไป และราคาขายตก
2.ขายรถคันนี้ ในราคา1,0500,000-1,100,000 และซื้อรถคันใหม่ (ซึ่งตอนนี้ยังเหลือผ่อนไฟแนนซ์อีก 540,000บาท หลังจากตัดไฟแนนซ์แล้วต้องเพิ่มเงินประมาณ 300,000บาท เพื่อซื้อรถในระดับเดียวกัน และผ่อนอีก5ปี)
3.คุยกับทางค่ายรถต่อในเรื่องการรับประกัน (ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จมั้ย)
4. อื่นๆ (ที่เพื่อนๆแนะนำ)
นับตั้งแต่รถเริ่มมีปัญหา จนตอนนี้ ผ่านมา7เดือนกว่า ตอนนี้บอกเลยว่าเหนื่อยทั้งกายและใจกับการต้องคอยตามเรื่องรถ ทั้งไปศูนย์หลายรอบ ไปสนง.ของค่ายรถ ไปเปลี่ยนเลขเครื่องที่ขนส่ง เสียเวลาไปมากมาย อยากจะได้ความเห็นจากเพื่อนๆว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ควรจะทำอย่างไรดีจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคะ
ขอขอบคุณกับทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ
*ไม่แน่ใจว่าสามารถลงชื่อ ลงรูปได้แค่ไหน จึงขอปิดไว้ก่อนนะคะ จริงๆมีข้อมูลที่เป็นเอกสารเพิ่มเติม
*ถ้าเล่าเรื่องงงไปบ้าง ขออภัยด้วยค่ะ จขกท.ไม่ค่อยถนัดการเรียบเรียง และการเล่าเรื่อง><
ควรทำยังไงดีกับกรณีรถยนต์ค่ายใบพัดฟ้า
เรื่องมีอยู่ว่า.......
เราได้ออกรถคันนึงกับค่ายใบพัดฟ้า เมื่อเดือนมิย.2013 ในราคา 2,249,000บาท มีการใช้งานและเช็คระยะตามปกติ แต่เมื่อวันที่ 5/07/2016 (รถใช้มา 3ปีซึ่งตามBSIของรถค่ายนี้คือ5ปี) รถได้มีอาการผิดปกติ คือเมื่อสตาร์ทรถ พอเริ่มเคลื่อนตัวออก รถมีอาการกระตุก ลองดับเครื่องสตาร์ทใหม่ก็ยังมีอาการเหมือนเดิม ที่หน้าปัดไม่มีการแจ้งสิ่งผิดปกติใดๆ (ปกติแล้วจะมีสัญลักษณืแจ้งเตือนขึ้นที่หน้าปัด หากรถมีความผิดปกติ) ที่หน้าจอรถ มีการแจ้งเตือนให้มีการเปลี่ยนน้ำมันเบรก(ถึงเวลาเช็คระยะพอดี) จึงได้เข้าไปศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด อยู่ที่ถนนรัชดา(ดีลเลอร์A) ซึ่งทางดีลเลอร์แจ้งว่า จะใช้เวลาเช็คและซ่อมประมาณ1สัปดาห์ หลังจากนั้นวันที่ 9/07/16 เราได้โทรไปสอบถามเกี่ยวกับอาการผิดปกติ ซึ่งทางดีลเลอร์A แจ้งว่ามีการเปลี่ยนน้ำมันเบรก และเปลี่ยนหม้อน้ำ เพราะพบอาการผิดปกติของหม้อน้ำ แต่รถยังมีอาการกระตุกเหมือนเดิม ยังหาสาเหตุไม่ได้ เราจึงแจ้งว่า ขอย้ายรถไปซ่อมกับทางดีลเลอร์M สาขาพระราม4 เพราะเป็นดีลเลอร์ที่เราซื้อรถมา โดยได้ติดต่อประสานงานกับคุณ ช. จากนั้นจึงได้ย้ายรถไปภายในวันเดียวกันคือวันที่ 9/07/16 หลังจากนั้นประมาณ 3วัน จึงได้โทรเข้าไปสอบถาม ซึ่งทางศูนย์ ยังไม่พบจุดบกพร่องที่ทำให้รถกระตุก ซึ่งเราเห็นว่าใช้เวลาซ่อมผ่านมาระยะนึงแล้ว และเราไม่มีรถใช้ตั้งแต่วันที่ 5/7/16 ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงได้ขอรถสำรองกับคุณช.ใช้ในระหว่างซ่อม ซึ่งคุณช.จึงได้ติดต่อขอยืมรถ และได้ให้สำรองมาใช้ในวันที่ 16/7/16 ในวันที่25/7/16 ได้เข้าไปที่ศุนย์อีกครั้งเพื่อติดตามอาการเสีย ซึ่งคุณช.ก็ได้อัพเดทการตรวจเช็คให้ทราบว่าพบปัญหาดังนี้
จากนั้นประมาณเดือน8 คุณช. ได้โทรมาแจ้งว่าขออนุญาติรื้อเครื่องออกมาเพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียด หาจุดผิดปกติเพราะยังไม่เจอสาเหตุที่ทำให้มีอาการกระตุก ซึ่งเราเองก็มีความกังวลในการต้องถอดรื้อเครื่องออกมา แต่คุณช.แจ้งว่าช่างมีประสบการณ์และมีความชำนาญ จึงได้ตกลงให้ทำการรื้อเครื่องออกมา หลังจากนั้นก็ได้ติดต่อสอบถามความคืบหน้าอยู่ตลอด และเหมือนจะยังหาสาเหตุไม่พบซักที
จนประมาณเดือน9/16 คุณช. แจ้งว่าพบคราบเขม่าที่ลูกสูบ และพบคราบน้ำ มีรอยร้าว(ซึ่งตัวเราเองก็ฟังไม่ค่อยเข้าใจ) จึงได้คุยกับคุณช.ว่า รถมีอาการผิดปกติมาก ควรจะมีการต่อBSI หรือรับประกันเครื่องยนต์เพิ่มเพื่อให้ความมั่นใจกับลูกค้า คุณช.จึงบอกว่าจะคุยกับทางค่ายรถให้ แต่ให้เราติดต่อทางค่ายรถไปอีกทางนึงด้วย เราจึงติดต่อไปทางเวปไซต์ของค่ายรถนี้ และแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้น ให้ทางค่ายรถติดต่อกลับ แต่ผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ไม่มีการติดต่อกลับ จึงได้โทรเข้าCall centerของค่ายรถ แต่ก็ไม่มีใครติดต่อกลับอีก โดยได้ติดต่อเข้าไปซ้ำทั้งหมด4 ครั้ง ระหว่างนั้นรถได้ตรวจพบจุดที่ผิดปกติเพิ่มเติมแล้วและคุณช. แจ้งว่าได้มีการเปลี่ยนอะไหล่เรียบร้อยแล้ว
02/12/16 คุณช.แจ้งให้เราเข้าไปที่สนง. ที่ตึกAll season เพื่อขอยืมเล่มทะเบียนออกมาเปลี่ยนเลขเครื่อง เรารู้สึกกังวลขึ้นมากว่ารถเปลี่ยนเลขเครื่องแสดงว่ามีปัญหาเยอะ แล้วจะทำให้รถราคาตกเมื่อนำไปขาย จึงขอให้ทางดีลเลอร์M ช่วยติดต่อขอความช่วยเหลือลูกค้าอีกครั้ง และเราเองก็โทรเข้าไปCall centerอีกเมื่อกลางเดือนธค. เพราะรถใกล้จะซ่อมเสร็จแล้ว หลังจากนั้นเหมือนเดิม คือเรื่องเงียบ ไม่มีการติดต่อใดๆจากทางค่ายรถนี้ และคุณช.ได้โทรมาแจ้งว่ารถกำลังอยู่ในระหว่างการเทส และตรวจสอบความเรียบร้อย หลังปีใหม่ให้เราเข้ามารับรถได้เลย ช่วงนั้นเราร้อนใจมาก รอจนหลังปีใหม่ จึงได้คุยกับคุณช. ถามถึงความคืบหน้าที่ให้ขอความช่วยเหลือจากค่ายรถ แต่คุณช.แจ้งว่า แจ้งทางค่ายรถไปแล้ว แต่เรื่องถูกปฏิเสธ ให้เราเข้ามารับรถได้เลย และมีการส่งจดหมายตอบรับมาว่าเรารับทราบการสิ้นสุดการซ่อมแล้วให้เราเข้าไปรับรถ เรารู้สึกว่าไม่แฟร์กับลูกค้า เพราะรถถูกซ่อมถึง 6เดือน มีการรื้อเครื่อง การเปลี่ยนเลขเครื่อง แต่ไม่มีการให้ความมั่นใจในแบรนด์กับลูกค้าเลย อีกทั้งเราไม่มั่นใจในความปลอดภัย เพราะจากอาการที่เกิดขึ้นทางศูนย์ก็ไม่สามารถแจ้งได้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงได้แจ้งไปว่า เราไม่ต้องการที่จะใช้รถคันนี้อีกต่อไป ให้ทางดีลเลอร์ตีราคามา ว่าจะรับซื้อรถคันนี้ที่ราคาเท่าไหร่ จากนั้นคุณช. จึงได้ส่งเรื่องให้คุณภ. ดูแลแทนเพราะหมดหน้าที่งานซ่อมแล้ว คุณภ.ได้โทรมาแจ้งอีกครั้งว่าให้เข้าไปรับรถ และนำรถสำรองไปคืน เนื่องจากรถคันที่เราใช้อยู่ไม่มีประกันแล้ว หากเกิดเหตุอะไร เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง ซึ่งไม่พอใจที่คุณภ.ที่พูดแบบนี้ เพราะรถคันที่นำเข้าซ่อมมีประกันชั้นหนึ่ง เราต้องการให้มีการคุยและรับผิดชอบรถเราอย่างเร็ว เพื่อที่จะได้รีบนำรถไปคืน และการที่รถเสียไม่ได้เกิดจากความผิดของเรา แต่กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงแจ้งคุณภ.ไปอีกครั้งว่า เราต้องการขายรถถ้าไม่มีการต่อBSI หรือให้ความมั่นใจใดๆกับเรา คุณภ.จึงแจ้งว่าจะติดต่อทางค่ายรถให้อีกครั้ง หลังจากนั้นเราติดต่อกลับไปเพื่อขอคำตอบตั้งแต่ประมาณกลางเดือน1/17 แต่มักจะติดต่อไม่ได้ ทั้งคุณภ. และคุณช. จะให้โทรกลับมาก็ไม่โทรกลับบ้าง
เดือน2/17 เราจึงติดต่อผ่านทางเซลล์ที่ซื้อรถมา และแจ้งความประสงค์ที่จะขายรถคันนี้ ซึ่งทางดีลเลอร์ตีราคามาที่ 1,050,000บาท ซึ่งเราคิดว่าเป็นราคาที่ต่ำมากจากที่เราคิดว่าน่าจะได้คือประมาณ1,200,000-1,300,000บาท (จากที่หาข้อมูลราคาขายรถคันนี้ปีเดียวกันจากเว็บขายรถมือสองหลายๆที่ ราคาประมาณ 1,400,000,-1,500,000บาท) จึงได้แจ้งไปว่าให้ขอให้ทางดีลเลอร์คุยเรื่องBSI อีกครั้ง ในวันที่20/02/17แต่ทางค่ายรถได้ปฏิเสธและให้เหตุผลว่า ในระหว่างซ่อม ได้มีการให้รถสำรองลูกค้าใช้ไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องต่อBSI เพิ่มให้ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ใช่เหตุผลที่ควรจะเป็น เนื่องจาก ในระหว่างที่รถซ่อมอยู่ ระยะเวลาของ BSIก็ดำเนินไปเรื่อย ไม่ได้มีการหยุดไว้ และหากรถคันที่ซ่อมเลย 5ปีไปแล้ว เกิดอาการแบบเดิมขึ้นอีก เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายคันนี้เอง (ซึ้งค่าใช้จ่ายในการซ่อมไม่ต่ำกว่า 2แสน ) และการนำรถไปขายต่อทำให้รถถูกตีราคาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก(เราต้องรับผิดชอบในส่วนนี้เองหรอ?) สิ่งที่เราขอกับทางค่ายรถไปคือความมั่นใจที่เป็นรูปธรรม ซึ่งถ้ารถไม่ได้ปัญหาในส่วนนี้อีกก็ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางค่ายรถก็ไม่น่าจะต้องเสียหายอะไร ล่าสุดที่คุยกับทางดีลเลอร์คือ ถ้าเราต้องการเรียกร้องต่อ เราจะต้องติดต่อกับค่ายรถเอง ซึ่งตอนนี้เราไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ล่าสุดคุณภ.ได้โทรหาช่วงเย็นวันที่20/01/17 คุณภ.เสนอว่าจะขอทางผู้ใหญ่ให้รับซื้อรถในราคาสูงขึ้นอีก50,000บาท เท่ากับเป็น1,100,000บาท ถ้าเราตกลงจึงจะยื่นเรื่องเราบอกคุณภ. ว่าขอเวลาตัดสินใจ1-2วัน จึงอยากจะถามความเห็นทุกคนว่าควรจะทำอย่างไร
1.รับรถกลับมาและยอมใช้รถที่มีการรื้อเครื่อง เปลี่ยนเลขเครื่องไป และราคาขายตก
2.ขายรถคันนี้ ในราคา1,0500,000-1,100,000 และซื้อรถคันใหม่ (ซึ่งตอนนี้ยังเหลือผ่อนไฟแนนซ์อีก 540,000บาท หลังจากตัดไฟแนนซ์แล้วต้องเพิ่มเงินประมาณ 300,000บาท เพื่อซื้อรถในระดับเดียวกัน และผ่อนอีก5ปี)
3.คุยกับทางค่ายรถต่อในเรื่องการรับประกัน (ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จมั้ย)
4. อื่นๆ (ที่เพื่อนๆแนะนำ)
นับตั้งแต่รถเริ่มมีปัญหา จนตอนนี้ ผ่านมา7เดือนกว่า ตอนนี้บอกเลยว่าเหนื่อยทั้งกายและใจกับการต้องคอยตามเรื่องรถ ทั้งไปศูนย์หลายรอบ ไปสนง.ของค่ายรถ ไปเปลี่ยนเลขเครื่องที่ขนส่ง เสียเวลาไปมากมาย อยากจะได้ความเห็นจากเพื่อนๆว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ควรจะทำอย่างไรดีจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคะ
ขอขอบคุณกับทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ
*ไม่แน่ใจว่าสามารถลงชื่อ ลงรูปได้แค่ไหน จึงขอปิดไว้ก่อนนะคะ จริงๆมีข้อมูลที่เป็นเอกสารเพิ่มเติม
*ถ้าเล่าเรื่องงงไปบ้าง ขออภัยด้วยค่ะ จขกท.ไม่ค่อยถนัดการเรียบเรียง และการเล่าเรื่อง><